11.22.2557

[Short fic Utapri] X X X [RenMasa]

Fan-fiction Uta no prince-sama
Title : X X X
Pairing : Jinguji Ren x Hijirikawa Masato
Rate : 18+
Warning: NTR


A/N : ไม่ได้เช็คคำผิดแต่อย่างใด (สดๆร้อนๆ) ถ้าเจอบอกด้วย ฮือ
จริงๆอยากแต่งพล็อตนี้มานานแล้วแต่ว่า..คิดรายละเอียดอะไรเพิ่มไม่ออกซักที กับเวลาไม่ค่อยจะมี เสียใจ..
พอได้ฟัง xxx ของลาร์คอีกรอบ..ก็ เอ๊ะ...มันใช่นี่หว่าาาา เลยใช้เพลงนี้บิวท์ตอนแต่ง..และเอามาเป็นชื่อซะเลย(ขี้เกียจคิด555)



แก้วใสในมือถูกยกขึ้นแกว่งเป็นวงกลม ก้อนน้ำแข็งเลื่อนกระทบจนเกิดเสียง ดันกระดกเอียงให้ของเหลวเจือสีไหลลงสู่คอแผ่ความร้อนกระจายจนเลือดพอสูบฉีดให้ขึ้นสีจางบนดวงแก้มขาว เหล่สายตาจ้องกลับไปยังด้านข้างหาเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสว่างซึ่งมองมา

ไล่มายังแก้วซึ่งมีแต่น้ำแข็งที่เริ่มละลายอีกใบที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะมุ่นคิ้วแล้ววางแก้วของตนลงกับโต๊ะ

มือขาวพยายามจะเอื้อมหยิบขวดเพื่อมารินเติมแต่กลับถูกแย่งไปเสียก่อน

"นายดื่มเยอะเกินไปแล้วนะ" คล้ายจะดุแต่น้ำเสียงไม่ใช่

"ยุ่ง" คนถูกห้ามคิ้วผูกคิ้วเป็นปมอย่างไม่พอใจนัก

ใบหน้าแดงๆนั่นพอทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มจะเมาแล้ว ก่อนจะหนักเกินไปกว่านี้คงจะต้องเอาขวดกับกระป๋องพวกนี้ไปเก็บซะแล้ว
ควรแปลกใจหรือเปล่าที่ในห้องของหมอนี่มีอะไรแบบนี้อยู่ด้วย แต่ดูๆแล้วก็เหมือนจะเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน

แต่ที่ทำให้แปลกใจกว่านั้นคือการที่อยู่ๆคุณชายฮิจิริคาวะเป็นฝ่ายชวนให้เขามานั่งดื่มด้วย

ทั้งที่เมื่อก่อนมักจะบ่นเขาเรื่องนี้แท้ๆ

ไม่ได้เจอกันหลายปี.. เปลี่ยนไปจนประหลาดใจจริงๆ

เจ้าของห้องเริ่มตาปรือคล้ายกำลังง่วง ชายหนุ่มผู้เป็นแขกจึงเหลือบดูนาฬิกาดิจิตอลที่วางบนโต๊ะฝั่งตรงข้าม

ตีสอง..
อา.. มาอยู่นานขนาดนี้แล้วงั้นหรอ

หันกลับไปมองร่างของอีกคนที่เหมือนว่าคงจะหลับไปแล้ว เร็นถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับ

"จินงูจิ.. จะไปไหนน่ะ?" เสียงเอ่ยดังพร้อมกับเสื้อที่ถูกรั้งไว้

"ดึกขนาดนี้แล้ว ก็ต้องกลับแล้วสิ" เขาพูดตอบแต่ไม่ได้หันกลับไปหา พยายามก้าวขาเดินให้มือที่จับกับเสื้อนั่นหลุดออก
แต่ทว่า..เหมือนจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

"ค้างที่นี่ก็ได้นี่" มือข้างที่ยึดเสื้อออกแรงดึงให้ร่างลุกขึ้นยืน

ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินตรงไปที่ประตู

"เร็น"

แต่คงเดินต่อไปเอื้อมมือจะคว้าที่ลูกบิด แต่กลับต้องหยุดค้างไว้ด้วยแขนเรียวที่รวบโอบเขาไว้จากด้านหลัง นัยน์ตาเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงยืนนิ่ง อ้อมแขนทั้งสองยิ่งกระชับกอดให้แน่นขึ้น

ไม่ใช่ร่างแต่เป็นข้างในอกเหมือนถูกรัดซ้ำด้วยแรงจนรู้สึกเจ็บ

ถ้ามากกว่านี้..คงจะร้าวได้

"นายเมามากไปแล้ว" น้ำเสียงนิ่งในแบบที่ไม่ใช่ปกติของเขา เลื่อนลงจับที่ข้อมือของอีกคนค่อยๆแกะให้หลุดออก แต่อีกฝ่ายพยายามขืนไว้พร้อมกับเถียงกลับ

"ฉันไม่ได้-.." ไม่ทันได้พูดก็ถูกสวนขึ้นมาไว้เสียก่อน

"ฮิจิริคาวะ!" เร็นหันกลับไปหลุดตะคอกใส่อย่างไม่ตั้งใจ แรงที่รั้งตัวของเขาไว้เริ่มจะคลายออก ใบหน้านั่นสลดลงในทันทีพลางเม้มปากแน่น เห็นแบบนั้นแล้วจึงหลบสายตาก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตู

ห่างเพียงวินาทีที่ประตูถูกผลักให้ปิดลง ริมฝีปากของร่างที่เข้ามาขวางไว้นั้นก็เบียดแนบเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ฝ่ามือเรียวเลื่อนประคองที่ข้างใบหน้าก่อนจะขยับไปรั้งไว้ที่หลังคอ เขยิบเข้าชิดจนไร้ระยะห่าง กว่าจะตั้งสติได้ทันว่าเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกถึงปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาหา

ก่อนที่เขาจะทนข่มใจไว้ไม่ได้...
เร็นรีบผลักให้ร่างของอีกฝ่ายออกในทันที ผู้ถูกผละออกได้แต่ยืนชะงักค้างมองมาเหมือนช็อคอยู่หน่อยๆ

"ไม่ได้.. " พึมพำพลางคว้าข้อมือของอีกคนยกขึ้น เลื่อนลงไปจากฝ่ามือก่อนจะสะดุดที่แหวนวงสีเงินบนนิ้วเรียวของอีกฝ่าย

"แบบนั้น..ฉันจะเป็นพี่ชายที่ไม่ดีสิ" เร็นเหลือบสายตาขึ้นจ้องมองพร้อมรอยยิ้มจาง ความเจ็บปวดในแววตาคู่นั้นดั่งถ่ายทอดมาวูบลึกอยู่ภายในใจของอีกคน ฮิจิริคาวะก้มหน้าลงก่อนจะเม้มปากแน่น ทิ้งให้ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างทั้งคู่อยู่พักใหญ่ๆ ต่างไม่ปริปากอะไรหรือขยับไปไหน..

เขาเองก็ได้แต่อยู่นิ่งแบบนั้นแบบไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร..

"..ก็ช่างสิ" จนในที่สุดความอึดอัดนั้นก็ถูกทำลายด้วยน้ำเสียงไหวสั่นที่เอ่ยเบาๆ แต่หากดวงตาที่ช้อนขึ้นมองกลับแสดงถึงความจริงจังในคำพูดนั้น

เพียงชั่วครู่เดียวที่ระริกไหวในแววตาคู่ฟ้าสว่าง ถ้าอยู่นานมากไปกว่านี้ล่ะก็..

"ถ้านายสนเรื่องนั้นก็คงไม่มาที่นี่แต่แรก..หรือไม่จริง?" พูดต่อพลางจ้องลึกเข้าไปหาสิ่งที่ซ่อนไว้ของนัยน์ตาที่เริ่มหวั่นไหว ขยับยกให้ฝ่ามือขึ้นแนบลงบนข้างแก้มนุ่ม เส้นผมน้ำเงินเข้มลู่ลงเคลียบนบ่าเมื่อเจ้าตัวเอียงคอมอง

เขยิบก้าวพาให้ร่างใกล้เข้ามา อเมทิสต์คู่งามนั่นยังคงไม่กะพริบ


ดูท่าจะติดกับซะแล้ว..ทว่าไม่ใช่เพราะเสียทีหรอก..

เขารู้ทั้งรู้..แต่ก็ยังมาทั้งที่ปฏิเสธไปแต่แรกก็ทำได้

ถ้าจะบอกว่าไม่ได้หวังให้มันกลายเป็นแบบนี้..คงจะเป็นคำโกหก


"คุณหนูฮิจิริคาวะกลายเป็นเด็กไม่ดีแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?" หย่อนถามเพื่อเลี่ยงจะตอบอีกฝ่าย

เสียงหัวเราะคิกคักดังก่อนรอยยิ้มจะถูกวาดขึ้นจากผู้ถูกกล่าวว่าเป็นเด็กไม่ดี

"..ฉันติดมาจากคนนิสัยแย่ๆบางคนน่ะ"

สะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกว่ากล่าว.. เร็นหัวเราะเบาๆทำเป็นไม่รู้ว่าหมายถึงใคร

               คงเป็นคนที่แย่มากเลยสินะ?จ้องกลับไปตรงๆเอ่ยถามต่ออย่างไร้ซึ่งสาระ

               ใช่..เป็นคนที่แย่มากๆเลยล่ะระยะห่างเริ่มลดลงทุกที

หลุบตาลงเล็กน้อยให้พอดีกับระดับสายตาที่จ้องประสานกันอยู่ คนผมน้ำตาลทองโน้มลงจนหน้าผากชนกับเจ้าของผมสีเข้มเบาๆ
ลมหายใจปะทะบนบนผิวหน้าซึ่งกันและกัน รดใส่ลงจนกระทั่งหยุดยามเข้าเชยชิมกลีบปากอย่างดูดดื่ม

รสชวนเสพติด..เพียงเล็กน้อยก็ทำให้กระหาย..เพิ่มขึ้น..และเพิ่มขึ้น

ขาดหายไปนับปี..ยิ่งโหยหา..มากขึ้น..และมากขึ้น

เรียวแขนโอบไว้กระชั้นร่างให้ชิด แหงนคอรับจูบและตอบรับกันอย่างคุ้นชิน เร็นเลื่อนฝ่ามือประคองไว้ที่หลังศีรษะแทรกนิ้วกับกลุ่มผมนุ่มสีน้ำเงิน ส่วนแขนอีกข้างรวบไว้ที่เอวคอดดันให้ร่างเข้าหาราวต้องการจะให้เบียดหลอมรวมจนเป็นหนึ่งเดียว


อา... ยาพิษนั้นมักหอมหวาน

อันตรายมากเท่าไร ยิ่งดูดดึงให้เข้าหา

รู้ถึงโทษว่าหนักหนาเพียงใด จำต้องโยนสำนึกทิ้ง..


ผู้บาปหนาช่างโง่งมเสียจริง



               กระเส่าครางแอ่นกายตอบรับสัมผัส ผิวเผาแผดรุ่มด้วยเพลิงโหมจุดเชื้อด้วยราคะลากไล่วนเวียนลูบคลึงชื้นเหงื่อไคล กระตุกเล็กๆยามถูกเย้าแหย่ ริมฝีปากอุ่นครอบครองครั้งเล่าลงลึกจนสุด ปลายเล็บคมยกขึ้นจิกทึ้งยังเส้นผมประกายทองบิดเอี้ยวตัวด้วยความกระสัน เรียวขาที่ถูกแยกสั่นระริกไหวเกร็งนิ้วลากไปกับผ้าปูเตียง

ลมร้อนพ่นผ่อนปะทะซอกขาหลังแลบเลียคราบของหยาดรักที่เปื้อนมุมปาก นัยน์ตาฟ้าสว่างช้อนขึ้นจ้องหาดวงตาที่ปรือจนแทบปิด เคลื่อนร่างให้เขยิบขึ้นมอบรสจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทวีความรุนแรงขึ้นทุกครั้งและทุกครั้ง

ไล้ไปตามใบหน้าเกลี่ยแก้มแดงระเรื่อสอดประคองใต้ศีรษะให้ถนัดรับกับลิ้นร้อนที่แทรกเข้าหา ฮิจิริคาวะส่งเสียงอื้ออึ้งในลำคอเบียดเสียดร่างพอช่วยคลายอารมณ์ที่ครุกครุ่นให้ได้ระบาย

ไฟที่จุดขึ้นแล้วหากลามก็ยากที่จะดับลงได้..

ร้อนระอุจนปลดทุกอย่างโยนทิ้งไปไกลอย่างไม่นึกสนใจว่าเสื้อผ้าแบรนด์หรูพวกนั้นจะไปกองตกอยู่ตรงส่วนไหนของห้อง แทบเจียนจะขาดอากาศหายใจจึงจำต้องผละออก สันจมูกโด่งลงลากลงมาบนแผ่นอกที่กระเพื่อมหอบ บรรจบเม้มจูบจนขึ้นเป็นรอยแดงบนผิวขาว

               จินงูจิ..เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าเรียกให้เขาต้องเงยขึ้นจ้อง แววตาคู่นั้นปรือขึ้นมองฉายออกถึงความต้องการที่เปี่ยมล้น ฮิจิริคาวะขยับยิ้มอย่างซุกซนขณะเขยิบร่างให้ลุกขึ้นชันเข่า กรีดนิ้วเรียวลากบนใบหน้าคมลงผ่านลำคอก่อนจะเกาะมือทั้งสองไว้บนไหล่กว้าง

               นอนลงสิเลื่อนฝ่ามือลงมาแล้วผลักเบาๆที่แผ่นอก ถึงจะแปลกใจแต่เร็นก็เอนลงนอนอย่างว่าง่าย

ท่อนขาขาวตวัดยกขึ้นพาร่างโปร่งของชายหนุ่มให้คร่อมบนอยู่บนกล้ามหน้าท้อง เห็นดังนั้นเลยส่งเสียงผิวปากแว่วเหมือนแซวอีกฝ่ายจนทำให้หน้านั่นแดงขึ้นมา

เจ้าตัวหน้ามุ่ยแล้วทำทีจะลุกออกเขาจึงรีบคว้าเอวไว้ก่อนก่อนจะหลุดหัวเราะขำๆ แต่ก็ได้สายตาดุๆจ้องกลับมา

               งอนหรอ?เขาถามยิ้มๆพร้อมกับลูบเอวไล่ไปเรื่อย ร่างของอีกคนสะดุ้งเล็กน้อย

               ชอบแกล้งอยู่เรื่อย..ฮิจิริคาวะบ่นพึมพำพลางหยิกหลังมือเบาๆเป็นการเอาคืน

ก็แหงล่ะ..เพราะเป็นแบบนี้เลยยิ่งอยากแกล้ง

แทนที่จะปล่อยมือออกเขาเลื่อนลงไปบีบคล้นที่สะโพกแทนก่อนๆจะค่อยๆขยับไปด้านหลังแล้วออกแรงบีบเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว ทว่า...

               อ..อือ..แทนจะเป็นเสียงด่ากลับเป็นเสียงครางแผ่วๆที่หลุดออกมา.. ทำเอาชะงักนิ่งกันไปพักหนึ่ง..

นัยน์ตาสีอเมทิสต์เหลือบมาสบพอดีกับเขา จากใบหน้าซุกซนก่อนหน้านี้กลายเป็นสีหน้าที่เริ่มกังวล เห็นแบบนี้แล้ว..ตัวเขาเองก็..

กำลัง..ทำอะไรอยู่..

               ..จะหยุด..ก็ได้นะเร็นเอ่ยพลางเลื่อนมาจับข้อมือของอีกฝ่าย..


แม้จะเอ่ยไปเช่นกัน.. แม้จะถามตัวเองถึงสิ่งนี้

แต่ในใจนั้น...


เขามองฮิจิริคาวะที่เม้มปากแน่นก้มหน้าลงอยู่ครู่หนึ่ง..

               ฮิจิริคาวะ?ขณะกำลังจะกระชับมือกลับถูกปัดทิ้งเสียอย่างนั้น

ปฏิเสธไม่ได้เลย..

โครงหน้าสวยได้รูปนั่นโน้มลงใกล้ปิดตาลงยามที่กลีบปากนุ่มเบียดลงแนบสนิท เม้มลงซ้ำที่ริมฝีปากอุ่นพยายามแทรกปลายลิ้นเข้ามาอย่างไม่ชำนาญเท่าไหร่ ไม่นานนักเมื่อเขาตอบรับสัมผัสก็พลิกมาเป็นฝ่ายคุมเกมได้อย่างง่ายดาย เรือนร่างเปลือยขยับไปมาเสียดสีอยู่ที่เบื้องล่างจนร้อนผ่าว

ว่ารู้สึกดีแค่ไหน..

ถูกผละออกเล็กน้อยพอให้สูดอากาศหายใจก่อนจะถูกแนบจูบลงอีกครั้ง เสียงซองกระดาษฟรอยด์ถูกฉีกกลิ่นจางรสหวานโชยมา รับรู้สึกสัมผัสนุ่มของฝ่ามือที่เข้าประคองไว้อย่างสั่นๆบนกายร้อนค่อยๆถูกโชลมลงด้วยของเหลวใส เคลื่อนกายให้สะโพกลอยอยู่เหนือส่วนนั้น

เขาเบือนหน้าเล็กน้อยพอให้หลุดออกจากจูบ อีกฝ่ายเลิกคิ้วจ้องตามองอย่างสงสัย

               เดี๋ยวก็เจ็บหรอก..เพราะต้องการจะเอ่ยเตือน แต่เหมือนอีกคนจะไม่ค่อยพอใจเสียเท่าไหร่

               ..ฉันไม่สน…อ-อึก..ฮิจิริคาวะกัดฟันแน่นขณะพยายามดันร่างของเขาให้ฝืนแทรกเข้าไปข้างในตัว

เบียดเสียดให้รุ่มสุมอยู่ที่กลางตัว แรงตอดรัดแน่นจากร่างที่กำลังปรับตัวให้คุ้นชินซึ่งกำลังนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ หลุดเสียงร้องครางดังจากลำคอลอดออกมาที่ริมฝีปากที่พยายามเม้มแน่น นิ้วยาวจากมือทีเอื้อมไปหาแตะลงที่ปลายคางก่อนลากย้อนขึ้นไป สอดเข้าที่รอยแยกให้กลีบปากนุ่มเผลอออก

               ฮ..อ๊ะ..แว่วเสียงร้องครวญหลุดขณะร่างเร่าอยู่เหนือตัวพยายามกดสะโพกให้ลดลงต่ำ

ซี่ฟันกัดลงยังนิ้วในโพรงปากระบายความร้าวที่แล่นขึ้นมาจากช่วงล่าง คาวกลิ่นเหล็กเจืออยู่ด้านใน ปรือตาที่คลอน้ำใสมองใบหน้า เร็นขยับร่างดึงตัวให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจับที่แขนเรียวให้ยกขึ้นมาโอบร่างของตนไว้

ที่ได้สัมผัส

               ไม่ต้องเกร็งนะ..มาซาโตะพูดพร้อมไล่จูบประโลมปลอบจนทั่ว อาการเกร็งของร่างที่บีบรัดอยู่ก่อนหน้าเริ่มคลายลงจนไม่นานก็ทิ้งตัวลงมาจนสุดทำให้เขาเผลอครางต่ำออกมาเบาๆ

นิ้วที่ถูกกัดเสียเลือดซึมถูกปลายลิ้นอุ่นตวัดดุนคล้ายไล่ให้ถอนออกมา ของเหลวเยิ้มสีใสยืดเป็นสายยาวก่อนจะขาดจากกันหยดลงเปื้อนไว้ที่มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย

ร่างกายของทั้งสอง..เริ่มที่จะคุ้นชิน มือบางเลื่อนลงเชยคางของคนผิวแทนให้เงยขึ้น จรดจ้องด้วยสายตายั่วยวน ส่วนแขนอีกข้างเขยิบขึ้นมาโอบไว้ที่หลังต้นคอพร้อมโน้มลงขบเข้าที่ใบหูอย่างนึกสนุก

               “!!!” ร่างพลันสะดุ้งโหยงจากสัมผัสนั่น พยายามขยับศีรษะหลบแต่ก็ไม่พ้น ขยุกขยิกอย่างไม่เป็นสุขจนต้องจัดการด้วยการจับสะโพกนั่นไว้ให้ยกขึ้นแล้วกดลงจนอีกฝ่ายร้องครางเสียงหลงรีบซุกใบหน้าลงบนศีรษะเขา

ร่างที่คร่อมอยู่บนตักนั้นค่อยๆขยับอย่างช้าๆโดยมีเขาช่วยประคองไว้

               อา..อ..อื้อ...

ความกระสันซ่านแล่นไหลไปทั่วร่างจนเริ่มที่จะคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ เอวคอดขยับขึ้นลงด้วยจังหวะที่เร่งขึ้นกระเพื่อมหอบหายใจแรงสลับเสียงคราง เหงื่อผุดพรายอาบทั่วทั้งตัวและระเหยออกไปด้วยความร้อนบนผิวกาย แวะหยอกขบเล่นยังยอดอกชวนร่างให้กระตุกเป็นพักๆจนเริ่มแข็งเป็นไต จูบลงซ้ำก่อนจะไล่ฝากรอยสีกุหลาบไว้เป็นทาง

แรงเสียดสีเพิ่มความร้อนของกายที่สุมอยู่ กระแทกลงซ้ำๆสนองความปรารถนาที่อยากจะปลดปล่อย สติเริ่มจะพร่าเลือนเมื่อใกล้จะถึงขีดสุดของอารมณ์ จนทะลักล้นไหลลงไปตามขาคู่เรียวสั่นระริก เปรอะลงบนหน้าท้องกับผ้าปูเตียง

ขณะยกร่างอีกฝ่ายขึ้นเพื่อถอนกาย ปลายเล็บจิกแรงลงบนแผ่นหลังของเขาก่อนร่างของฮิจิริคาวะออกเกร็งแล้วฟุบหน้าลงกับไหล่

               มาก..มากกว่านี้..เร็นกระซิบเสียงพร่าพร้อมส่งสายตาเว้าวอน ลูบลงบนใบหน้าแล้วแนบจูบเบาๆก่อนจะผละออก
ทิ้งร่างลงนอนราบไปกับเตียงนุ่ม อีกทั้งยังดึงร่างของเขาให้ขึ้นไปคร่อมอยู่เหนือตัว

ได้โอบกอดอีกครั้ง

ไม่อยากหักห้ามใจได้อีกแล้ว..แม้จะรู้ว่ามันผิดก็ตาม..

ทวีความร้อนแรงที่โถมเข้าใส่สะเทือนสั่นไปยังพื้น เบียดเสียดร่างเข้าหากันจนแทบหลอมเป็นหนึ่งเดียว เสียงครางผสานกันเป็นทำนองในบทรักสลับด้วยคำพูดที่พร่ำบอกซ้ำๆ ร่างกระตุกเกร็งอีกครั้งเมื่อถึงยังปลายทางฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดรักบนต้นขา เร็นพรมจูบลงยังบนเปลือกตาไล่ลงมายังแต้มของไฝสเน่ห์อ้อยอิงอยู่สักพักก่อนจะถูกมือดันให้ออกห่าง

ยิ้มมองอย่างใคร่รักแล้วเริ่มคลอเคลียอย่างออดอ้อน แขนช้อนไว้ใต้ร่างของคนหอบรั้งร่างให้ชิดกันแล้วเริ่มฝากรอยจูบไว้บนผิวกาย แต่กลับถูกนิ้วแตะลงบนริมฝีปากเพื่อบังไว้

               ..เลื่อนขึ้นมาอีกสิเสียงเอ่ยดังขึ้นมาจากเจ้าของใบหน้าที่แดงก่ำ

เร็นเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ฮิจิริคาวะที่เห็นดังนั้นจึงเอ่ยต่อให้หายสงสัย

               ถ้าไม่ทำไว้ตรงที่ให้เห็น..จะทำไปทำไมกันล่ะ?คำเฉลยนั่นทำให้ต้องประหลาดใจ

ทั้งที่เมื่อก่อนเคยห้ามแท้ๆ..
นี่ก็เรียนรู้มาจากคนแย่ๆคนเดิมงั้นสินะ.. เขาขยับยิ้มขณะที่นึกในใจ

               ครับๆ..เขารับอย่างว่าง่ายก่อนจะทำตามคำสั่งนั้น

ลำคอขาวถูกเม้มจูบลงจนขึ้นเป็นสีเลือดฝาดอยู่สองสามรอยแล้วเริ่มลงลงมาเรื่อยๆจนฝากไว้ทั่วช่วงบน มือเรียวเอื้อมลูบบนเส้นผมสีน้ำตาลทองก่อนจะโน้มลงมาจนสันจมูกชนกัน


ทั้งสองขยับยิ้มบางๆแล้วส่งเสียงหัวเราะ นัยน์ตาที่จ้องกันนั้นกำลังสื่อสารกันถึงเรื่องที่ทั้งคู่ต่างรู้ดี

โน้มลงมอบจูบให้แก่กันอีกครั้งอย่างดูดดื่มโดยที่ยังคงสบตากันอยู่ไม่กะพริบ

เนิ่นนานแม้จวนเจียนจะขาดอากาศ..แต่ต่างฝ่ายต่างไม่อยากที่จะผละออกจากกัน

ราวกับว่า..หากแยกจากแล้วคงจะขาดใจ



มือเคลื่อนเข้าประสานไว้ด้วยกันสอดนิ้วเข้าหาพลางกำไว้ให้แน่น..

แต่ไม่อาจสนิท..

ด้วยแหวนเงินบนนิ้วนาวนั่นที่คั่นกลางอยู่ระหว่างทั้งสองคน



จูบสุดท้ายนี้ทำให้พวกเขายังคงแนบชิด..




ตราบจนกว่าช่วงเวลานี้จะจบลง



-END-

10.18.2557

[Oneshot Utapri] Not upon a time. (Camus x Female!Ranmaru)

Fan-fiction Uta no prince-sama

Title : Not upon a time.
Author : OnimizU
Pairing : Camus x Kurosaki Ranmaru()

WARNING : R-18, NL





               เข่ามนงอตั้งฉากให้เท้าเปลือยยกขึ้นหมายจะยันใส่ผู้ที่กำลังทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเบาะ คนเบื้องหน้าเขยิบเคลื่อนพาร่างในเชิ้ตขาวซึ่งปลดกระดุมออกเผยแผ่นอกกว้างเข้ามาใกล้ ทว่าชายหนุ่มผมยาวนั้นคงจะรู้ถึงแผนโจมตีของเจ้าหล่อนจึงคว้าไว้ที่ข้อเท้านั่นเสียก่อน นัยน์ตาคู่ต่างสีถลึงจ้องมาแบบไม่พอใจขมวดคิ้วผูกปมแข่งกับคิ้วของชายตรงหน้า

               ปล่อยนะว้อย!” เธอกล่าวพร้อมพยายามออกแรงหมายจะถีบใส่ตัวอีกคนให้กลิ้งตกเตียง แต่ด้วยสรีรทางเพศแล้วกล้ามเนื้อของขุนนางหนุ่มยอมชนะแรงของเธอ ขาพับถูกยกขึ้นพาดวางไว้บนบ่า นัยน์ตาสีฟ้าซีดนั่นจ้องใกล้เข้ามาทุกที จนต้องหลบตาเมื่อริมฝีปากนั่นเบียดลงยังกลีบปากนุ่มที่เม้มสนิท

มือเรียวจิกเส้นผมบลอนด์ยาวนั่นแล้วกระชากดึงทันทีแต่กลับถูกคว้าไว้แล้วกดแนบลงกับที่นอน ผลักขืนแผ่นอกและใช้เข่าอีกข้างที่เหลือช่วยดัน แม้กระทั่งศีรษะโขกใส่ก็แล้วแต่ไม่เป็นผลเสียเลย

จนในที่สุดอาการขัดขืนนั่นก็หายไปอย่างต้องจำยอม แม้จะรู้สึกต่อต้านน้อยๆอยู่ในใจ ปากนุ่มเผยอรับจูบจากอีกคน ปลายลิ้นค่อยๆแทรกเข้ามาไล่หยอกล้อรู้สึกถึงรสหวานที่ติดมาด้วย ถูกเม้มจูบลงซ้ำๆขณะเปลือกตาค่อยๆปิดลงรับสัมผัสอย่างว่าง่าย ร่างของเธอเอนลงพิงกับหมอนใบใหญ่ ตวัดแขนโอบไว้ยังแผ่นหลังของอีกคนเลื่อนขึ้นจิกเล็บเกาะไว้

จนเกือบจะขาดอากาศหายใจไปเสียก่อนจึงยอมถอนจูบออก เมื่อลืมตาขึ้นใบหน้าซึ่งระเรื่ออยู่แล้วต้องแดงขึ้นกว่าเก่าเพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือดวงตาที่จ้องมายังเจ้าหล่อนนั้นห่างอยู่เพียงมิลลิเมตร หญิงสาวเบนหน้าหลบในทันทีด้วยความเขิน

               จะหลบหน้าข้าทำไมคุโรซากิ?...ถ้าเป็นตามปกติคงจะหันไปเถียงว่า ฉันจะหลบหน้าแกไปทำไม

แต่ว่า..

เสียงทุ้มนั่นกระซิบเบาๆอยู่ที่ข้างหูตอนนี้น่ะสิ..

เถียงไม่ออกจึงได้แต่ยกมือขึ้นยันใบหน้าอีกคนให้ถอยออกไป หล่อนยังคงไม่สบตากลับและเม้มริมฝีปากแน่น

               หึ..ชายหนุ่มขยับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะยอมถอยตัวออก..แต่เป็นการเลื่อนร่างลงไปยังขอบเสื้อยืดสีเทาของสาวเจ้าแทนเสีย

               จะทำอะไรของแก..?ส่งเสียงไม่ไว้ใจเต็มขั้น แทนพูดตอบเจ้าตัวก็สอดฝ่ามือเข้าไปยังด้านในจนเธอต้องร้องตกใจพลางสะดุ้ง

               เฮ้ย!! ไอ้บ้า!!!!”

ถกชายเสื้อให้เลิกขึ้นจนเผยให้เห็นชั้นในสีดำสนิทที่เป็นแบบครึ่งตัวพอให้เห็นเนินอก สายตาที่จ้องมายังคงฉายแววนิ่งดั่งปกติ แต่มือนั้นกลับอ้อมไปที่ด้านหลังก่อนจะใช้นิ้วยาวปลดให้บราเซียคลายออกอย่างรวดเร็ว

               อ-..ไอ้บ้าน้ำตาลลามกนี่!” คล้ายว่าได้ยินเสียงแว่วขู่ฟ่อตามมาด้วยที่หลังประโยค มือทั้งสองพยายามผลักให้ศีรษะนั่นออกไป แน่นอน..ไม่ได้ผล

คามิวเขยิบตัวขึ้นเล็กน้อยขณะที่ไล่เม้มรอยจูบไปตามผิวขาว หน้าท้องแม้จะแบนราบแต่ก็ไม่ได้เป็นเนื้อนุ่มเหลวแต่อย่างใดกลับมีเส้นกล้ามเนื้อขึ้นพอให้เห็นได้ชัด จะว่าไปแล้วจริงๆเจ้าหล่อนนั้นก็ออกกำลังกายมากพอสมควร ทดแทนกับจำนวนอาหารที่กินเข้าไปมากกว่าสิบมื้อต่อวัน..

พ่นลมหายใจร้อนปะทะไปตามผิวหนัง ไล่ขึ้นมาเรื่อยจนอยู่ที่เนื้อผ้าของบรา เพียงดันขึ้นเล็กน้อยส่วนที่ถูกปกปิดไว้ก็เผยออกให้เห็นแก่สายตา เล็บคมเริ่มจิกทึ้งลงที่เส้นผมยาวอ้าปากตวาดใส่ด้วยความอับอาย ก่อนจะรีบหุบลงเมื่อสัมผัสชื้นแตะลงยังยอดอก ความอุ่นจากฝ่ามือกำลังเคล้นคลึงที่หน้าอกของเธอ เรือนกายขยับแอ่นขึ้นเกร็งตัว หลับตาลงแน่นซุกหน้าลงกับหมอน


ถ้าหากสงสัยว่า..ทำไมถึงเลิกที่จะขัดขืนง่ายนัก


เธอเองก็สงสัยเช่นกัน..


แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก..หรือครั้งที่สองหรือสาม..


                “!?” เมื่อริมฝีปากร้อนนั่นผละออก สันจมูกโด่งนั่นไล่ลงลากผ่านจนหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงขาสั้นของเธอ ไม่ได้ฟังอีกตามเคย กระดุมที่กลัดไว้ถูกปลดออกก่อนจะลากร่นลงไปให้กองอยู่ที่ปลายเท้า ท่อนขาเรียวถูกจับให้แยกยกขึ้น นัยน์ตาคู่สีฟ้านั่นเหลือบมาจ้องเริ่มบรรจงจูบลงที่ปลายนิ้วเท้าอย่างแรก..ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆยังเข่าและขาอ่อน

สั่นระริกยามสัมผัสร้อนๆนั่นไล่เข้ามาใกล้.. รอยแดงเพิ่มขึ้นผกผันกับระยะที่อยู่ห่างจากตัวเธอ

มือเล็กยกขึ้นปิดใบหน้าส่วนอีกข้างดึงเส้นผมเทาเงินทรงสั้นของตัวเอง กลั้นเสียงกลืนลงไปในลำคอ อยากจะหาอะไรมาอุดหูตอนนี้ชะมัด...เสียงที่ได้ยินชวนให้รู้สึกน่าขายหน้าเป็นที่สุด..แต่คงไม่หนักเท่าสัมผัสนั่น..

ร่างกระตุกเล็กน้อยอยู่สองสามครั้ง ขาทั้งสองพยายามจะหุบเข้าหากันแต่กลับติดร่างที่คั่นอยู่ระหว่างกลาง สะโพกถูกยังให้ยกลอยขึ้นพาดขาไว้บ่นไหล่กว้าง

               อะ..!!” ตวัดมือลงจิกผ้าปูเตียงในทันทียามรู้สึกถึงสิ่งที่ล่วงล้ำ ขอบตาที่ร้อนผ่าวแดงซึมด้วยหยดน้ำตาเหลือบจ้องไปยังเบื้องล่างของร่างตัวเองอย่างกล้าๆกลัวๆ สบพอดีกับดวงตาของอีกคนที่จ้องมาก่อนจะปิดลงเมื่อเริ่มขยับริมฝีปากอุ่นนั่นอีกครั้ง เล็บขูดลากไปตามผ้ากัดฟันแน่น ไม่นานนักก่อนจะหอบหายใจแรงเมื่ออีกคนยอมผละออกไป


               เสียงพลาสติกที่ถูกงับไว้ถูกฉีกออก กลิ่นเจือหวานจางแต่พอให้ได้กลิ่นอ่อนๆ ซองและกล่องถูกโยนไปอยู่ใกล้ๆกองเสื้อที่ถูกถอดออกไปเมื่อครู่
เธอเลือกจะไม่มองร่างเปลือยท่อนบนของอีกคน...ไม่ใช่เพราะเขินที่เรือนร่างนั่น แต่เป็นเพราะอายตัวเองเสียมากกว่าที่กำลังอยู่ในสภาพนี้
               คุโรซากิ..ขุนนางหนุ่มยังคงพยายามเรียกให้เจ้าของชื่อหันมา แต่ก็ไม่มีการขยับเคลื่อยไหวใดๆ เขามุ่ยหน้าอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ก่อนจะโน้มลงไปคร่อมอยู่เหนือร่างแล้วจ้องเขม็ง

อะไรของแกอีกล่ะ?รอโอกาสที่ขยับเปิดปากอยู่พอดีเพื่อชิงจูบ ต่างจากสัมผัสก่อนหน้าที่อ่อนโยนอยู่บ้าง คราวนี้รู้สึกได้ถึงความรุนแรงของอารมณ์ที่ส่งผ่านมา เบียดฝืนลงด้วยน้ำหนักที่มากกว่า เม้มย้ำจนกว่าเธอจะยอมตอบรับสัมผัสกลับไป มือบางค่อยๆยกขึ้นไปจับที่ปลายผมที่ลู่ลงตามแรงโน้มถ่วงของอีกฝ่ายขยับไต่ขึ้นไปรวบที่หลังคอ เอวคอดถูกลูบไล้วนเวียนไล่สอดไปด้านหลังดันให้ร่างยกขึ้นมาแนบชิด

เสียงของซิปถูกรูดลงแว่วดังมาจนลืมตาโพลงขึ้นจ้องในทันทีอย่างตื่นตระหนก เธอรีบผละจูบออกมาก่อนทำสีหน้าเป็นกังวล คามิวที่เห็นดังนั้นไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แต่โน้มลงจูบเบาๆที่ข้างแก้มก่อนจะไล่ลงไปที่ลำคอขาว ส่วนมืออีกข้างที่ไม่ได้ใช้ประคองร่างของหล่อนไว้นั้นกำลังปลดกางเกงของตัวเองออก

               “หื่นกามเอ้ย..เอ่ยลอยขึ้นมาแต่ก็ทำให้คิ้วอีกคนกระตุกได้

                 เจ้ากำลังด่าข้ารึไง!” เงยหน้าขึ้นมาจ้องแทบจะทันที

                 แล้วแกคิดว่าฉันหมายถึงใครล่ะหา?เธอจ้องกลับด้วยแววตาที่พร้อมจะมีเรื่อง

                 ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!” ถูกตราหน้าว่าเป็นต้นเหตุเสียอย่างนั้น

               “ฉัน? ฉันไปเกี่ยวอะไรกับความหื่นของแกกัน!” แน่น่ะว่าไม่มีทางยอม เถียงกลับไปพร้อมทั้งขึ้นเสียงมากขึ้นกว่าเดิม
การโต้เถียงเริ่มดำเนินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีใครที่ยอมใคร จนเริ่มมีการปะทะด้วยกำลังเกิดขึ้นเล็กน้อย..

ด้วยระยะที่ใกล้ศีรษะแข็งๆนั่นโขกเข้าใส่หน้าของขุนนางหนุ่มอีกรอบก่อนที่เจ้าหล่อนจะถูกกดร่างลงไปนอนราบที่เตียง สายตาคนละสีที่มองด้วยความโกรธนั้นเริ่มจะรู้สึกได้ว่ากำลังโดนโลมเลียจากสายตาคู่อความารีนในตอนนี้และสัมผัสจากฝ่ามือร้อนๆก่อนที่เริ่มไล่ลงจากไหล่ลงไปยังทรวงอก ...ลืมไปเสียสนิทว่าในตอนนี้ตัวเธอนั้นไม่มีผ้าชิ้นไหนปกปิดร่างอยู่เลย

ถูกยิ้มเยาะใส่ราวกับถูกมอบความพ่ายแพ้ให้..

               ชิ..เธอเดาะปากอย่างหงุดหงิดก่อนจะคว้าคออีกคนให้โน้มลงมาหาแล้วเป็นฝ่ายมอบจูบให้เสียเอง แต่ด้วยความดื้อรั้นของเจ้าตัวนั้นก็ไม่วายจะงับแรงๆใส่ริมฝีปากเสียจนเลือดซึม



               เม็ดเหงื่อผุดพรายไปทั่วเรือนกายขาว ไอร้อนแผ่ทั่วร่างทั้งสองที่เบียดเสียดแนบชิดกันสนิท สะโพกผายยกลอยขึ้นเมื่อท่อนขาเรียวไขว้เกี่ยวกันไว้เกาะบนหลังของชายหนุ่ม คิ้วมุ่นขมวดจ้องหน้าที่ห่างกันเพียงเล็กน้อย แววตาที่มักเย็นชานั่นถูกละลายให้หายไปด้วยความร้อนที่พุ่งสูงในตอนนี้ ดูอบอุ่นแต่ก็แฝงด้วยเลศนัยจากความปราถนาในบางอย่าง ผ่อนลมยาวแล้วกระชั้นร่างให้เข้าชิด
หญิงสาวเหงื่อตกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความร้อนจากสัมผัสที่ส่วนล่าง เกาะที่ไหล่ขุนนางหนุ่มแน่นกัดริมฝีปากขณะความแปลบแทรกเข้ามาทีละเล็กน้อย เกร็งตัวจากสิ่งแปลกปลอมที่พยายามฝืนเข้ามา จนต้องระบายออกด้วยจากกัดฟันคมลงบนไหล่เปล่า

แม้จะรู้สึกเจ็บที่ไหล่แต่คามิวก็ไม่ได้เอ่ยอะไร พร้อมทั้งเอื้อมลูบปลอบโยนบนผมนุ่มสีเทาเงินนั่น ค่อยๆขยับดันร่างเข้าไปอย่างใจเย็นที่สุด

               อย่าเกร็งนักสิ..คุโรซากิหลังจากฝังเขี้ยวจนเลือดออกแล้วเจ้าตัวก็ยอมผละออกมาแล้วจ้องใบหน้าคนพูด เลื่อนมือขึ้นไปจิกบนเส้นผมบลอนด์ ซุกหน้าลงที่ข้างศีรษะ

               คามิว..ส่งเสียงพร่าเลือนใกล้ใบหูเรียกชื่อของอีกคน เจ้าของนามรู้สึกถึงเลือดที่สูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้าในทันที แต่ยังพยายามทำตัวนิ่งไว้

               หึ..หูแดงหมดแล้วนะ..แกน่ะพูดล้อใส่ทั้งที่ตัวเองก็หอบหายใจด้วยใบหน้าระเรื่อไม่แพ้กัน

ขุนนางหนุ่มนิ่งอยู่นานจนชวนให้รู้สึกหงุดหงิด หญิงสาวจึงผละออกมามอง แต่แล้วขณะจะเอ่ยทักกลับถูกปิดปากไปโดยปริยายพร้อมทั้งแรงโถมเข้าหาก่อนเผลอหลุดร้องเสียงหลง แต่นับว่ายังดีที่ไมได้หลุดเล็ดลอดออกมาเต็มเสียง..เพราะจูบที่ถูกมอบให้แบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อครู่


เนื้อผ้ากางเกงสีไปกับผิวเนียนยามที่ขยับ แผ่นหลังชุ่มด้วยเหงื่อท่วมหยดลงบนผ้าสีขาวที่ปูเตียงซึ่งกำลังสั่นสะเทือนจนเกิดเสียง เสียงครางทุ้มเรียกชื่อดังอยู่ที่ข้างใบหูราวกับจงใจให้ได้ยิน มือทั้งสองถูกรวบกดไว้ที่ข้างตัว ประสานนิ้วแทรกไว้เพื่อกุมแต่เล็บของเธอจิกลงที่หลังมือของอีกฝ่ายเพื่อช่วยระบายความรู้สึกที่ประทุอยู่ในตอนนี้

คามิวแนบลงจูบเปลือกตาพลางซับน้ำตาใสที่คลออยู่ดว้ยริมฝีปาก หยุดลงที่ปลายจมูกแล้วงับเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยวจนเจ้าตัวต้องจ้องถลึงตาใส่ แต่ก็ทำสงครามกันทางสายตาได้ไม่นานเท่าไหร่นักร่างที่เพิ่มความเร็วและแรงกระแทกนั้นก็ทำให้สติกระเจิงจนลืมความไม่พอใจนั่นไปเสียสนิท ยิ่งจิกเล็บลงแรงพร้อมทั้งตวัดขารัดไว้แน่นขณะร่างเคลื่อนไปตามจังหวะของอีกฝ่าย ถูกเบียดจูบลงมาอีกรอบและตอบรับโดยทันที มือที่ประสานไว้ถูกคลายออกเพื่อโอบร่างของหญิงสาวให้เข้ามาแนบกับลำตัว ส่วนแขนเล็กก็อ้อมมากอดรวบไว้ที่ต้นคอให้ถนัดมากขึ้น


แทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ..

ว่าก่อนหน้านี้ทะเลาะเรื่องอะไรกันอีก


ลงเอยแบบนี้ทุกครั้ง



               เปลือกตาปรือขึ้นอย่างงัวเงีย ร่างบางลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเกาศีรษะของตัวเองแล้วลูบใบหน้าก่อนจะคว้าเสื้อเชิ้ตที่กองอยู่ใกล้ตัวขึ้นมาแล้วสวมทับร่างที่เปลือยอยู่ เชิ้ตนั่นไม่ใช่ของเธอและเป็นทรงขนาดหุ่นผู้ชายมันจึงยาวเลยลงมาคลุมเหนือเข่าพอดี
แม้จะขยับเดินได้ไม่สะดวกเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร.. บานประตูกระจกถูกเลื่อนออกก่อนหญิงสาวจะเดินออกไปที่นอกระเบียง ประกายไฟแว้บขึ้นเมื่อกดไฟแช็ก เปลวไฟถูกใช้ต่อบุหรี่ที่จ่อรอเอาไว้

สาวผมสั้นใบหน้าขาวเอนตัวใช้แขนเท้ากับรั้วระเบียง มวนบุหรี่ถูกคีบไว้ด้วยนิ้วขณะพ่นควันสีเทาจางออกจากปาก


ที่ว่าไม่ใช่ครั้งแรก..

แล้วถ้าถามว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ก็คงตอบได้ไม่ถูกเช่นกัน..


เธอกับเจ้าบ้าน้ำตาลเสี่ยงเบาหวานนั่นไม่ใช่คนรัก

ไม่ได้อยู่ในสถานะที่คบกันเลยด้วยซ้ำ

จะเรียกว่าเพื่อน..ก็คงไม่เต็มปาก

จะเรียกว่าศัตรูก็คงใกล้เคียง..แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด


เริ่มจากการที่ไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ ทะเลาะเถียงกันได้ทุกเรื่อง

จนกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงเธอเองก็ไม่รู้


ไม่อยากจะยอมรับ..แต่เวลาที่อยู่กับเจ้าหมอนั่นแล้วเธอรู้สึกไม่ต้องพยายามฝืนความเป็นตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
จะเว้นก็แต่เรื่องความรู้สึก....


เสียงฝีเท้าที่ก้าวมาใกล้ทำให้เธอต้องหยุดการใช้ความคิดแล้วหันไปมอง เป็นคามิวที่อยู่ข้างหลังเธอ ชายหนุ่มจ้องมาทางหญิงสาวพร้อมกับมองเชิ้ตที่ใส่อยู่

               หือ..จะมาเอาเสื้อคืนเรอะ? โทษทีแล้วกันพอดีมันใกล้มือที่สุดน่ะหล่อนมองร่างอีกคนที่สวมไว้แต่กางเกง บุหรี่ที่ค้างอยู่ในมือถูกบี้ลงกับถาดใกล้ๆให้ดับก่อนจะทิ้งไว้ในนั้น

จะไปเปลี่ยนมาคืนให้แล้วกันกล่าวเสร็จเธอก็เดินย้อนกลับเข้าไปด้านในห้อง แต่ทว่ากลับถึงรั้งแขนไว้เสียก่อน

              อะไรอีกล่ะ?เอ่ยอย่างรำคาญเล็กๆแล้วเอี้ยวตัวกลับไปหา จู่ๆร่างก็ถูกรวบเข้าไปกอดไว้แน่นจนต้องร้องด้วยความแปลกใจ คุโรซากิยืนนิ่งแบบไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกหรือตอบสนองอย่างไร

               ข้าชอบเจ้าคุโรซากิ....สิ่งที่ได้ยินทำให้ยิ่งช็อคกว่าเดิม

               แกหลับยังไม่ตื่นเรอะ!!” เธอรีบผลักร่างอีกคนออกก่อนจะร้องถามด้วยสีหน้าที่ปั้นไม่ถูก

               นี่ข้าพยายามตั้งใจพูดดีๆกับเจ้าแล้วนะ! ทำเสียบรรยากาศเสียจริงยิ่งย้ำแบบนี้ก็ยิ่งไปต่อไม่ถูก ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน พยายามจะคิดว่าอีกคนล้อเล่นแต่แววตาที่จ้องมานั้นดูไม่ใช่แบบนั้นเลยนี่สิ

               เหอะ..ตลกน่า อย่าทำให้ฉันขำหน่อยเลยเธอพยายามส่งเสียงหัวเราะราวจะปฏิเสธสิ่งที่ได้ยิน พลางเดินหลบเข้าไปด้านในห้อง แต่แล้วก็ดันถูกคว้าไว้ไม่ให้เข้าไปได้อีกรอบ

               ข้าก็อยากจะให้มันเป็นเรื่องตลกอยู่หรอก! เพราะผู้หญิงอย่างเจ้าไร้ซึ่งความเป็นสตรีเพศสิ้นดี! นิสัยหยาบกระด้าง กริยาแย่ สวาปามเยี่ยงอดอยาก..

              “ว่าไงนะ!! นี่แกด่าฉันเรอะ!” ไม่ทันต้องรอให้พูดจบหล่อนก็รีบปรี่เข้าไปคว้าคออีกคนในทันที

                หึ..แล้วเจ้าคิดว่าข้าหมายถึงใครอีกล่ะ?หนอย...ย้อนกันชัดๆ

                แล้วอย่างแกมีดีอะไรนักหา? ไอ้บ้าน้ำตาลเบาหวานเอ้ย!”

              “ที่ข้ายอมลดตัวลงมารักเจ้าร็อคบ้าเนื้อแบบเจ้าไง แค่นี้ยังไม่สำนึกบุญคุณข้าอีกเรอะ!” ด้านเป็นที่สุด..... เธอควรจะรู้สึกยังไงกับประโยคนี้กัน..?

ระหว่างยืนนิ่งอยู่นั่นเองอยู่ๆคุณท่านเคานท์ผู้สูงศํกดิ์นักหนานั่นก็ย่อตัวลงคุกเข่าเสียอย่างนั้น เธอแปลกใจเล็กน้อยแต่ก่อนจะเอ่ยหรือตอบสนองอะไรมือของเธอก็ถูกดึงไว้แล้วสวมแหวนเงินให้ที่นิ้วนางเสียอย่างนั้น

              “หึ.. ข้าจะยอมแต่งงานกับเจ้าแล้วกัน บทพูดมันไม่ใข่แล้วนะว้อย แถมแหวนนี่ยัดเยียดชัดๆนี่หว่า!

                แกเมาน้ำตาลรึไงหา!” เธอพยายามถอดแหวนนี่ออกแต่กลับโดนขวางไว้ด้วยฝ่ามือที่จับมือเธอแยกจากกัน

                ข้าจะให้เนื้อครึ่งตัน!” นี่มันดูถูกกันชัดๆ

              “ฉันไม่ได้เห็นแก่กินนะเฟ้ย!” เถียงโดยทันควัน

              “สองตันยังไม่เลิกต่อรอง

                ก็บอกว่าไม่ไงล่ะ!”

              “ตลอดชีวิต วันละสิบมื้อ

              “...เจ้าหล่อนถึงกับเงียบไปคล้ายจะเริ่มคล้อยตาม

                 หึ..ขุนนางหนุ่มขยับยิ้มกริ่มมองอยู่นานกว่าสาวเจ้าจะเพิ่งรู้ตัว คามิวต้องชะงักไปเมื่อเห็นคุโรซากิรีบถอดแหวนออกก่อนจะเงยจ้องหน้าเขา

               มันต้องเริ่มจากคบกันก่อนสิฟะ.. ส่วนแหวนนี่..ใส่ไว้แบบนี้ก่อนแล้วกันเธอย้ายมาสวมแหวนนั่นที่นิ้วนางข้างขวาแทนก่อนจะหันหน้าแดงๆนั่นหลบแล้วเดินตรงรี่กลับเข้าไปข้างในห้อง

ขุนนางหนุ่มยืนอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆพลางก้าวเดินตามไปติดๆ


               ฮ-เฮ้ย!!” จู่ร่างๆของเธอก็ลอยสูงขึ้นจนต้องเผลอร้องอุทานด้วยความตกใจ คุโรซากิดึงเส้นผมยาวนั้นเป็นการเอาคืนที่เจ้าตัวเข้ามาอุ้มเธอแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ทั้งสองเริ่มก่อสงครามทางวาทกรรมกันขึ้นเล็กๆขณะพาร่างเดินไป


ร่างของสาวร็อคถูกวางลงบนเตียงให้นอนราบตามมาด้วยขุนนางหนุ่มที่ขึ้นไปคร่อมทาบไว้ สายตาทั้งสองคู่ประสานจ้องกันก่อนศีรษะของชายหนุ่มจะถูกโน้มลงมาแล้วหลับตาลงแนบริมฝีปากเป็นอันพักรบสงครามวิวาท






-END-





เกือบจะเป็น PWP ....
ถ้าถามว่าทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้.......... ตอบเลยว่าไม่รู้.. สงสัยเครียด5555555555555555555

ไม่ได้เช็คคำผิดด้วย.... ปั่นตอนเที่ยงคืน..