Title : Not upon a time.
Author : OnimizU
Pairing : Camus x Kurosaki Ranmaru(♀)
WARNING : R-18, NL
เข่ามนงอตั้งฉากให้เท้าเปลือยยกขึ้นหมายจะยันใส่ผู้ที่กำลังทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเบาะ
คนเบื้องหน้าเขยิบเคลื่อนพาร่างในเชิ้ตขาวซึ่งปลดกระดุมออกเผยแผ่นอกกว้างเข้ามาใกล้
ทว่าชายหนุ่มผมยาวนั้นคงจะรู้ถึงแผนโจมตีของเจ้าหล่อนจึงคว้าไว้ที่ข้อเท้านั่นเสียก่อน
นัยน์ตาคู่ต่างสีถลึงจ้องมาแบบไม่พอใจขมวดคิ้วผูกปมแข่งกับคิ้วของชายตรงหน้า
“ปล่อยนะว้อย!”
เธอกล่าวพร้อมพยายามออกแรงหมายจะถีบใส่ตัวอีกคนให้กลิ้งตกเตียง
แต่ด้วยสรีรทางเพศแล้วกล้ามเนื้อของขุนนางหนุ่มยอมชนะแรงของเธอ ขาพับถูกยกขึ้นพาดวางไว้บนบ่า นัยน์ตาสีฟ้าซีดนั่นจ้องใกล้เข้ามาทุกที จนต้องหลบตาเมื่อริมฝีปากนั่นเบียดลงยังกลีบปากนุ่มที่เม้มสนิท
มือเรียวจิกเส้นผมบลอนด์ยาวนั่นแล้วกระชากดึงทันทีแต่กลับถูกคว้าไว้แล้วกดแนบลงกับที่นอน
ผลักขืนแผ่นอกและใช้เข่าอีกข้างที่เหลือช่วยดัน แม้กระทั่งศีรษะโขกใส่ก็แล้วแต่ไม่เป็นผลเสียเลย
จนในที่สุดอาการขัดขืนนั่นก็หายไปอย่างต้องจำยอม
แม้จะรู้สึกต่อต้านน้อยๆอยู่ในใจ ปากนุ่มเผยอรับจูบจากอีกคน
ปลายลิ้นค่อยๆแทรกเข้ามาไล่หยอกล้อรู้สึกถึงรสหวานที่ติดมาด้วย
ถูกเม้มจูบลงซ้ำๆขณะเปลือกตาค่อยๆปิดลงรับสัมผัสอย่างว่าง่าย ร่างของเธอเอนลงพิงกับหมอนใบใหญ่
ตวัดแขนโอบไว้ยังแผ่นหลังของอีกคนเลื่อนขึ้นจิกเล็บเกาะไว้
จนเกือบจะขาดอากาศหายใจไปเสียก่อนจึงยอมถอนจูบออก
เมื่อลืมตาขึ้นใบหน้าซึ่งระเรื่ออยู่แล้วต้องแดงขึ้นกว่าเก่าเพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือดวงตาที่จ้องมายังเจ้าหล่อนนั้นห่างอยู่เพียงมิลลิเมตร
หญิงสาวเบนหน้าหลบในทันทีด้วยความเขิน
“จะหลบหน้าข้าทำไมคุโรซากิ?”
...ถ้าเป็นตามปกติคงจะหันไปเถียงว่า
‘ฉันจะหลบหน้าแกไปทำไม’
แต่ว่า..
เสียงทุ้มนั่นกระซิบเบาๆอยู่ที่ข้างหูตอนนี้น่ะสิ..
เถียงไม่ออกจึงได้แต่ยกมือขึ้นยันใบหน้าอีกคนให้ถอยออกไป
หล่อนยังคงไม่สบตากลับและเม้มริมฝีปากแน่น
“หึ..” ชายหนุ่มขยับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
ก่อนจะยอมถอยตัวออก..แต่เป็นการเลื่อนร่างลงไปยังขอบเสื้อยืดสีเทาของสาวเจ้าแทนเสีย
“จะทำอะไรของแก..?”
ส่งเสียงไม่ไว้ใจเต็มขั้น
แทนพูดตอบเจ้าตัวก็สอดฝ่ามือเข้าไปยังด้านในจนเธอต้องร้องตกใจพลางสะดุ้ง
“เฮ้ย!!
ไอ้บ้า!!!!”
ถกชายเสื้อให้เลิกขึ้นจนเผยให้เห็นชั้นในสีดำสนิทที่เป็นแบบครึ่งตัวพอให้เห็นเนินอก
สายตาที่จ้องมายังคงฉายแววนิ่งดั่งปกติ
แต่มือนั้นกลับอ้อมไปที่ด้านหลังก่อนจะใช้นิ้วยาวปลดให้บราเซียคลายออกอย่างรวดเร็ว
“อ-..ไอ้บ้าน้ำตาลลามกนี่!”
คล้ายว่าได้ยินเสียงแว่วขู่ฟ่อตามมาด้วยที่หลังประโยค
มือทั้งสองพยายามผลักให้ศีรษะนั่นออกไป แน่นอน..ไม่ได้ผล
คามิวเขยิบตัวขึ้นเล็กน้อยขณะที่ไล่เม้มรอยจูบไปตามผิวขาว หน้าท้องแม้จะแบนราบแต่ก็ไม่ได้เป็นเนื้อนุ่มเหลวแต่อย่างใดกลับมีเส้นกล้ามเนื้อขึ้นพอให้เห็นได้ชัด
จะว่าไปแล้วจริงๆเจ้าหล่อนนั้นก็ออกกำลังกายมากพอสมควร
ทดแทนกับจำนวนอาหารที่กินเข้าไปมากกว่าสิบมื้อต่อวัน..
พ่นลมหายใจร้อนปะทะไปตามผิวหนัง
ไล่ขึ้นมาเรื่อยจนอยู่ที่เนื้อผ้าของบรา
เพียงดันขึ้นเล็กน้อยส่วนที่ถูกปกปิดไว้ก็เผยออกให้เห็นแก่สายตา เล็บคมเริ่มจิกทึ้งลงที่เส้นผมยาวอ้าปากตวาดใส่ด้วยความอับอาย
ก่อนจะรีบหุบลงเมื่อสัมผัสชื้นแตะลงยังยอดอก
ความอุ่นจากฝ่ามือกำลังเคล้นคลึงที่หน้าอกของเธอ เรือนกายขยับแอ่นขึ้นเกร็งตัว หลับตาลงแน่นซุกหน้าลงกับหมอน
ถ้าหากสงสัยว่า..ทำไมถึงเลิกที่จะขัดขืนง่ายนัก
เธอเองก็สงสัยเช่นกัน..
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก..หรือครั้งที่สองหรือสาม..
“!?” เมื่อริมฝีปากร้อนนั่นผละออก
สันจมูกโด่งนั่นไล่ลงลากผ่านจนหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงขาสั้นของเธอ
ไม่ได้ฟังอีกตามเคย
กระดุมที่กลัดไว้ถูกปลดออกก่อนจะลากร่นลงไปให้กองอยู่ที่ปลายเท้า ท่อนขาเรียวถูกจับให้แยกยกขึ้น
นัยน์ตาคู่สีฟ้านั่นเหลือบมาจ้องเริ่มบรรจงจูบลงที่ปลายนิ้วเท้าอย่างแรก..ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆยังเข่าและขาอ่อน
สั่นระริกยามสัมผัสร้อนๆนั่นไล่เข้ามาใกล้..
รอยแดงเพิ่มขึ้นผกผันกับระยะที่อยู่ห่างจากตัวเธอ
มือเล็กยกขึ้นปิดใบหน้าส่วนอีกข้างดึงเส้นผมเทาเงินทรงสั้นของตัวเอง
กลั้นเสียงกลืนลงไปในลำคอ อยากจะหาอะไรมาอุดหูตอนนี้ชะมัด...เสียงที่ได้ยินชวนให้รู้สึกน่าขายหน้าเป็นที่สุด..แต่คงไม่หนักเท่าสัมผัสนั่น..
ร่างกระตุกเล็กน้อยอยู่สองสามครั้ง
ขาทั้งสองพยายามจะหุบเข้าหากันแต่กลับติดร่างที่คั่นอยู่ระหว่างกลาง สะโพกถูกยังให้ยกลอยขึ้นพาดขาไว้บ่นไหล่กว้าง
“อะ..!!”
ตวัดมือลงจิกผ้าปูเตียงในทันทียามรู้สึกถึงสิ่งที่ล่วงล้ำ
ขอบตาที่ร้อนผ่าวแดงซึมด้วยหยดน้ำตาเหลือบจ้องไปยังเบื้องล่างของร่างตัวเองอย่างกล้าๆกลัวๆ
สบพอดีกับดวงตาของอีกคนที่จ้องมาก่อนจะปิดลงเมื่อเริ่มขยับริมฝีปากอุ่นนั่นอีกครั้ง
เล็บขูดลากไปตามผ้ากัดฟันแน่น ไม่นานนักก่อนจะหอบหายใจแรงเมื่ออีกคนยอมผละออกไป
เสียงพลาสติกที่ถูกงับไว้ถูกฉีกออก
กลิ่นเจือหวานจางแต่พอให้ได้กลิ่นอ่อนๆ
ซองและกล่องถูกโยนไปอยู่ใกล้ๆกองเสื้อที่ถูกถอดออกไปเมื่อครู่
เธอเลือกจะไม่มองร่างเปลือยท่อนบนของอีกคน...ไม่ใช่เพราะเขินที่เรือนร่างนั่น
แต่เป็นเพราะอายตัวเองเสียมากกว่าที่กำลังอยู่ในสภาพนี้
“คุโรซากิ..”
ขุนนางหนุ่มยังคงพยายามเรียกให้เจ้าของชื่อหันมา
แต่ก็ไม่มีการขยับเคลื่อยไหวใดๆ เขามุ่ยหน้าอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ก่อนจะโน้มลงไปคร่อมอยู่เหนือร่างแล้วจ้องเขม็ง
“อะไรของแกอีกล่ะ?” รอโอกาสที่ขยับเปิดปากอยู่พอดีเพื่อชิงจูบ
ต่างจากสัมผัสก่อนหน้าที่อ่อนโยนอยู่บ้าง
คราวนี้รู้สึกได้ถึงความรุนแรงของอารมณ์ที่ส่งผ่านมา เบียดฝืนลงด้วยน้ำหนักที่มากกว่า
เม้มย้ำจนกว่าเธอจะยอมตอบรับสัมผัสกลับไป
มือบางค่อยๆยกขึ้นไปจับที่ปลายผมที่ลู่ลงตามแรงโน้มถ่วงของอีกฝ่ายขยับไต่ขึ้นไปรวบที่หลังคอ
เอวคอดถูกลูบไล้วนเวียนไล่สอดไปด้านหลังดันให้ร่างยกขึ้นมาแนบชิด
เสียงของซิปถูกรูดลงแว่วดังมาจนลืมตาโพลงขึ้นจ้องในทันทีอย่างตื่นตระหนก
เธอรีบผละจูบออกมาก่อนทำสีหน้าเป็นกังวล คามิวที่เห็นดังนั้นไม่ได้เอ่ยพูดอะไร
แต่โน้มลงจูบเบาๆที่ข้างแก้มก่อนจะไล่ลงไปที่ลำคอขาว
ส่วนมืออีกข้างที่ไม่ได้ใช้ประคองร่างของหล่อนไว้นั้นกำลังปลดกางเกงของตัวเองออก
“หื่นกามเอ้ย..”
เอ่ยลอยขึ้นมาแต่ก็ทำให้คิ้วอีกคนกระตุกได้
“เจ้ากำลังด่าข้ารึไง!”
เงยหน้าขึ้นมาจ้องแทบจะทันที
“แล้วแกคิดว่าฉันหมายถึงใครล่ะหา?”
เธอจ้องกลับด้วยแววตาที่พร้อมจะมีเรื่อง
“ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!”
ถูกตราหน้าว่าเป็นต้นเหตุเสียอย่างนั้น
“ฉัน?
ฉันไปเกี่ยวอะไรกับความหื่นของแกกัน!” แน่น่ะว่าไม่มีทางยอม
เถียงกลับไปพร้อมทั้งขึ้นเสียงมากขึ้นกว่าเดิม
การโต้เถียงเริ่มดำเนินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีใครที่ยอมใคร
จนเริ่มมีการปะทะด้วยกำลังเกิดขึ้นเล็กน้อย..
ด้วยระยะที่ใกล้ศีรษะแข็งๆนั่นโขกเข้าใส่หน้าของขุนนางหนุ่มอีกรอบก่อนที่เจ้าหล่อนจะถูกกดร่างลงไปนอนราบที่เตียง
สายตาคนละสีที่มองด้วยความโกรธนั้นเริ่มจะรู้สึกได้ว่ากำลังโดนโลมเลียจากสายตาคู่อความารีนในตอนนี้และสัมผัสจากฝ่ามือร้อนๆก่อนที่เริ่มไล่ลงจากไหล่ลงไปยังทรวงอก
...ลืมไปเสียสนิทว่าในตอนนี้ตัวเธอนั้นไม่มีผ้าชิ้นไหนปกปิดร่างอยู่เลย
ถูกยิ้มเยาะใส่ราวกับถูกมอบความพ่ายแพ้ให้..
“ชิ..” เธอเดาะปากอย่างหงุดหงิดก่อนจะคว้าคออีกคนให้โน้มลงมาหาแล้วเป็นฝ่ายมอบจูบให้เสียเอง
แต่ด้วยความดื้อรั้นของเจ้าตัวนั้นก็ไม่วายจะงับแรงๆใส่ริมฝีปากเสียจนเลือดซึม
เม็ดเหงื่อผุดพรายไปทั่วเรือนกายขาว
ไอร้อนแผ่ทั่วร่างทั้งสองที่เบียดเสียดแนบชิดกันสนิท
สะโพกผายยกลอยขึ้นเมื่อท่อนขาเรียวไขว้เกี่ยวกันไว้เกาะบนหลังของชายหนุ่ม
คิ้วมุ่นขมวดจ้องหน้าที่ห่างกันเพียงเล็กน้อย
แววตาที่มักเย็นชานั่นถูกละลายให้หายไปด้วยความร้อนที่พุ่งสูงในตอนนี้
ดูอบอุ่นแต่ก็แฝงด้วยเลศนัยจากความปราถนาในบางอย่าง
ผ่อนลมยาวแล้วกระชั้นร่างให้เข้าชิด
หญิงสาวเหงื่อตกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความร้อนจากสัมผัสที่ส่วนล่าง
เกาะที่ไหล่ขุนนางหนุ่มแน่นกัดริมฝีปากขณะความแปลบแทรกเข้ามาทีละเล็กน้อย เกร็งตัวจากสิ่งแปลกปลอมที่พยายามฝืนเข้ามา
จนต้องระบายออกด้วยจากกัดฟันคมลงบนไหล่เปล่า
แม้จะรู้สึกเจ็บที่ไหล่แต่คามิวก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
พร้อมทั้งเอื้อมลูบปลอบโยนบนผมนุ่มสีเทาเงินนั่น
ค่อยๆขยับดันร่างเข้าไปอย่างใจเย็นที่สุด
“อย่าเกร็งนักสิ..คุโรซากิ”
หลังจากฝังเขี้ยวจนเลือดออกแล้วเจ้าตัวก็ยอมผละออกมาแล้วจ้องใบหน้าคนพูด
เลื่อนมือขึ้นไปจิกบนเส้นผมบลอนด์ ซุกหน้าลงที่ข้างศีรษะ
“คามิว..”
ส่งเสียงพร่าเลือนใกล้ใบหูเรียกชื่อของอีกคน
เจ้าของนามรู้สึกถึงเลือดที่สูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้าในทันที แต่ยังพยายามทำตัวนิ่งไว้
“หึ..หูแดงหมดแล้วนะ..แกน่ะ”
พูดล้อใส่ทั้งที่ตัวเองก็หอบหายใจด้วยใบหน้าระเรื่อไม่แพ้กัน
ขุนนางหนุ่มนิ่งอยู่นานจนชวนให้รู้สึกหงุดหงิด หญิงสาวจึงผละออกมามอง
แต่แล้วขณะจะเอ่ยทักกลับถูกปิดปากไปโดยปริยายพร้อมทั้งแรงโถมเข้าหาก่อนเผลอหลุดร้องเสียงหลง
แต่นับว่ายังดีที่ไมได้หลุดเล็ดลอดออกมาเต็มเสียง..เพราะจูบที่ถูกมอบให้แบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อครู่
เนื้อผ้ากางเกงสีไปกับผิวเนียนยามที่ขยับ
แผ่นหลังชุ่มด้วยเหงื่อท่วมหยดลงบนผ้าสีขาวที่ปูเตียงซึ่งกำลังสั่นสะเทือนจนเกิดเสียง
เสียงครางทุ้มเรียกชื่อดังอยู่ที่ข้างใบหูราวกับจงใจให้ได้ยิน
มือทั้งสองถูกรวบกดไว้ที่ข้างตัว ประสานนิ้วแทรกไว้เพื่อกุมแต่เล็บของเธอจิกลงที่หลังมือของอีกฝ่ายเพื่อช่วยระบายความรู้สึกที่ประทุอยู่ในตอนนี้
คามิวแนบลงจูบเปลือกตาพลางซับน้ำตาใสที่คลออยู่ดว้ยริมฝีปาก
หยุดลงที่ปลายจมูกแล้วงับเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยวจนเจ้าตัวต้องจ้องถลึงตาใส่
แต่ก็ทำสงครามกันทางสายตาได้ไม่นานเท่าไหร่นักร่างที่เพิ่มความเร็วและแรงกระแทกนั้นก็ทำให้สติกระเจิงจนลืมความไม่พอใจนั่นไปเสียสนิท
ยิ่งจิกเล็บลงแรงพร้อมทั้งตวัดขารัดไว้แน่นขณะร่างเคลื่อนไปตามจังหวะของอีกฝ่าย
ถูกเบียดจูบลงมาอีกรอบและตอบรับโดยทันที
มือที่ประสานไว้ถูกคลายออกเพื่อโอบร่างของหญิงสาวให้เข้ามาแนบกับลำตัว
ส่วนแขนเล็กก็อ้อมมากอดรวบไว้ที่ต้นคอให้ถนัดมากขึ้น
แทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ..
ว่าก่อนหน้านี้ทะเลาะเรื่องอะไรกันอีก
ลงเอยแบบนี้ทุกครั้ง
เปลือกตาปรือขึ้นอย่างงัวเงีย
ร่างบางลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเกาศีรษะของตัวเองแล้วลูบใบหน้าก่อนจะคว้าเสื้อเชิ้ตที่กองอยู่ใกล้ตัวขึ้นมาแล้วสวมทับร่างที่เปลือยอยู่ เชิ้ตนั่นไม่ใช่ของเธอและเป็นทรงขนาดหุ่นผู้ชายมันจึงยาวเลยลงมาคลุมเหนือเข่าพอดี
แม้จะขยับเดินได้ไม่สะดวกเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร..
บานประตูกระจกถูกเลื่อนออกก่อนหญิงสาวจะเดินออกไปที่นอกระเบียง ประกายไฟแว้บขึ้นเมื่อกดไฟแช็ก
เปลวไฟถูกใช้ต่อบุหรี่ที่จ่อรอเอาไว้
สาวผมสั้นใบหน้าขาวเอนตัวใช้แขนเท้ากับรั้วระเบียง
มวนบุหรี่ถูกคีบไว้ด้วยนิ้วขณะพ่นควันสีเทาจางออกจากปาก
ที่ว่าไม่ใช่ครั้งแรก..
แล้วถ้าถามว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ก็คงตอบได้ไม่ถูกเช่นกัน..
เธอกับเจ้าบ้าน้ำตาลเสี่ยงเบาหวานนั่นไม่ใช่คนรัก
ไม่ได้อยู่ในสถานะที่คบกันเลยด้วยซ้ำ
จะเรียกว่าเพื่อน..ก็คงไม่เต็มปาก
จะเรียกว่าศัตรูก็คงใกล้เคียง..แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
เริ่มจากการที่ไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ ทะเลาะเถียงกันได้ทุกเรื่อง
จนกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงเธอเองก็ไม่รู้
ไม่อยากจะยอมรับ..แต่เวลาที่อยู่กับเจ้าหมอนั่นแล้วเธอรู้สึกไม่ต้องพยายามฝืนความเป็นตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
จะเว้นก็แต่เรื่องความรู้สึก....
เสียงฝีเท้าที่ก้าวมาใกล้ทำให้เธอต้องหยุดการใช้ความคิดแล้วหันไปมอง
เป็นคามิวที่อยู่ข้างหลังเธอ ชายหนุ่มจ้องมาทางหญิงสาวพร้อมกับมองเชิ้ตที่ใส่อยู่
“หือ..จะมาเอาเสื้อคืนเรอะ?
โทษทีแล้วกันพอดีมันใกล้มือที่สุดน่ะ” หล่อนมองร่างอีกคนที่สวมไว้แต่กางเกง
บุหรี่ที่ค้างอยู่ในมือถูกบี้ลงกับถาดใกล้ๆให้ดับก่อนจะทิ้งไว้ในนั้น
“จะไปเปลี่ยนมาคืนให้แล้วกัน” กล่าวเสร็จเธอก็เดินย้อนกลับเข้าไปด้านในห้อง
แต่ทว่ากลับถึงรั้งแขนไว้เสียก่อน
“อะไรอีกล่ะ?”
เอ่ยอย่างรำคาญเล็กๆแล้วเอี้ยวตัวกลับไปหา
จู่ๆร่างก็ถูกรวบเข้าไปกอดไว้แน่นจนต้องร้องด้วยความแปลกใจ
คุโรซากิยืนนิ่งแบบไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกหรือตอบสนองอย่างไร
“ข้าชอบเจ้าคุโรซากิ”
....สิ่งที่ได้ยินทำให้ยิ่งช็อคกว่าเดิม
“แกหลับยังไม่ตื่นเรอะ!!”
เธอรีบผลักร่างอีกคนออกก่อนจะร้องถามด้วยสีหน้าที่ปั้นไม่ถูก
“นี่ข้าพยายามตั้งใจพูดดีๆกับเจ้าแล้วนะ!
ทำเสียบรรยากาศเสียจริง”
ยิ่งย้ำแบบนี้ก็ยิ่งไปต่อไม่ถูก
ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
พยายามจะคิดว่าอีกคนล้อเล่นแต่แววตาที่จ้องมานั้นดูไม่ใช่แบบนั้นเลยนี่สิ
“เหอะ..ตลกน่า
อย่าทำให้ฉันขำหน่อยเลย” เธอพยายามส่งเสียงหัวเราะราวจะปฏิเสธสิ่งที่ได้ยิน
พลางเดินหลบเข้าไปด้านในห้อง แต่แล้วก็ดันถูกคว้าไว้ไม่ให้เข้าไปได้อีกรอบ
“ข้าก็อยากจะให้มันเป็นเรื่องตลกอยู่หรอก!
เพราะผู้หญิงอย่างเจ้าไร้ซึ่งความเป็นสตรีเพศสิ้นดี!
นิสัยหยาบกระด้าง
กริยาแย่ สวาปามเยี่ยงอดอยาก..”
“ว่าไงนะ!!
นี่แกด่าฉันเรอะ!”
ไม่ทันต้องรอให้พูดจบหล่อนก็รีบปรี่เข้าไปคว้าคออีกคนในทันที
“หึ..แล้วเจ้าคิดว่าข้าหมายถึงใครอีกล่ะ?”
หนอย...ย้อนกันชัดๆ
“แล้วอย่างแกมีดีอะไรนักหา?
ไอ้บ้าน้ำตาลเบาหวานเอ้ย!”
“ที่ข้ายอมลดตัวลงมารักเจ้าร็อคบ้าเนื้อแบบเจ้าไง
แค่นี้ยังไม่สำนึกบุญคุณข้าอีกเรอะ!” ด้านเป็นที่สุด.....
เธอควรจะรู้สึกยังไงกับประโยคนี้กัน..?
ระหว่างยืนนิ่งอยู่นั่นเองอยู่ๆคุณท่านเคานท์ผู้สูงศํกดิ์นักหนานั่นก็ย่อตัวลงคุกเข่าเสียอย่างนั้น
เธอแปลกใจเล็กน้อยแต่ก่อนจะเอ่ยหรือตอบสนองอะไรมือของเธอก็ถูกดึงไว้แล้วสวมแหวนเงินให้ที่นิ้วนางเสียอย่างนั้น
“หึ..
ข้าจะยอมแต่งงานกับเจ้าแล้วกัน” บทพูดมันไม่ใข่แล้วนะว้อย
แถมแหวนนี่ยัดเยียดชัดๆนี่หว่า!
“แกเมาน้ำตาลรึไงหา!”
เธอพยายามถอดแหวนนี่ออกแต่กลับโดนขวางไว้ด้วยฝ่ามือที่จับมือเธอแยกจากกัน
“ข้าจะให้เนื้อครึ่งตัน!”
นี่มันดูถูกกันชัดๆ
“ฉันไม่ได้เห็นแก่กินนะเฟ้ย!”
เถียงโดยทันควัน
“สองตัน”
ยังไม่เลิกต่อรอง
“ก็บอกว่าไม่ไงล่ะ!”
“ตลอดชีวิต วันละสิบมื้อ”
“...” เจ้าหล่อนถึงกับเงียบไปคล้ายจะเริ่มคล้อยตาม
“หึ..” ขุนนางหนุ่มขยับยิ้มกริ่มมองอยู่นานกว่าสาวเจ้าจะเพิ่งรู้ตัว
คามิวต้องชะงักไปเมื่อเห็นคุโรซากิรีบถอดแหวนออกก่อนจะเงยจ้องหน้าเขา
“มันต้องเริ่มจากคบกันก่อนสิฟะ..
ส่วนแหวนนี่..ใส่ไว้แบบนี้ก่อนแล้วกัน” เธอย้ายมาสวมแหวนนั่นที่นิ้วนางข้างขวาแทนก่อนจะหันหน้าแดงๆนั่นหลบแล้วเดินตรงรี่กลับเข้าไปข้างในห้อง
ขุนนางหนุ่มยืนอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆพลางก้าวเดินตามไปติดๆ
“ฮ-เฮ้ย!!”
จู่ร่างๆของเธอก็ลอยสูงขึ้นจนต้องเผลอร้องอุทานด้วยความตกใจ
คุโรซากิดึงเส้นผมยาวนั้นเป็นการเอาคืนที่เจ้าตัวเข้ามาอุ้มเธอแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
ทั้งสองเริ่มก่อสงครามทางวาทกรรมกันขึ้นเล็กๆขณะพาร่างเดินไป
ร่างของสาวร็อคถูกวางลงบนเตียงให้นอนราบตามมาด้วยขุนนางหนุ่มที่ขึ้นไปคร่อมทาบไว้
สายตาทั้งสองคู่ประสานจ้องกันก่อนศีรษะของชายหนุ่มจะถูกโน้มลงมาแล้วหลับตาลงแนบริมฝีปากเป็นอันพักรบสงครามวิวาท
-END-
เกือบจะเป็น PWP ....
ถ้าถามว่าทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้.......... ตอบเลยว่าไม่รู้.. สงสัยเครียด5555555555555555555
ไม่ได้เช็คคำผิดด้วย.... ปั่นตอนเที่ยงคืน..
ถ้าถามว่าทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้.......... ตอบเลยว่าไม่รู้.. สงสัยเครียด5555555555555555555
ไม่ได้เช็คคำผิดด้วย.... ปั่นตอนเที่ยงคืน..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น