2.01.2557

[Fic Utapri] Majestic Spiky's collar [3] (SpadeCAMUS x ClubRAN)




Fan-fiction Utapri

Title : Majestic Spiky's collar
Pairing : Camus x Kurosaki Ranmaru
Genre : AU, Drama(little)
Note : อ้างอิงธีมหลักจาก Joker Trap




[3]




               เสียงลมหายใจที่ผ่อนออกคล้ายจะติดขัด คิ้วคู่มุ่นขมวดอย่างไม่สบายใจเท่าไหร่นัก ร่างที่ห่มด้วยเสื้อโค้ทซึ่งนอนพิงโซฟาขยับไปมาอยู่หลายครั้งราวกับว่ากำลังอึดอัดอยู่ ดูท่าว่าจะกำลังฝันร้ายอยู่เป็นแน่ อความารีนเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่งในใจหนึ่งก็คิดจะปลุกจะเป็นการดีกว่าปล่อยให้อีกคนนอนซึมเหงื่อดิ้นไปมาแบบนี้ แต่อีกใจก็คิดว่าจะเป็นไปได้หรือที่จะปลุกเจ้าคนที่หลับลึกถึงขนาดถ้าบ้านพังก็คงไม่ยอมตื่นง่ายๆอย่างเช่นคนตรงหน้านี้ แถมใบหน้าที่ไม่บูดบึ้งใส่ของอีกคนก็หาดูได้ยากเสียด้วย

หน้ายุ่งๆยามหลับแบบนี้ก็ชวนมองไปอีกแบบ..

ดูจากภายนอกแล้วคงเดาไม่ออกเลยจริงๆว่าจะมีด้านที่คาดไม่ถึง ภายในความแข็งกร้าวที่ถูกสร้างขึ้นมาป้องกันตัวเองไว้ข้างในนั้นยังคงมีสิ่งที่ซ่อนไว้อยู่


ใครว่าหากจะซ่อนอะไรบางอย่างไว้มิดชิดเสียแค่ไหนแต่ดวงตาก็ยังสามารถสะท้อนสิ่งที่ปิดบังไว้ออกมาอยู่เสมอ


คงไม่จริงเสมอไป.. นัยน์ตาคู่นี้ที่เพ่งมองมาเหมือนกั้นไว้ด้วยกำแพงหนาไม่ให้จ้องลึกเจาะเข้าไปข้างในจิตใจได้เลยแต่สักนิด นับตั้งแต่เผลอสบไปในครั้งแรกรู้สึกได้เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น




แสงวาบในความมืดเด่นชัดแม้ระยะนับร้อยหลา ภาพของดวงหน้าขาวเปื้อนด้วยเลือดแดงชาดถูกมองผ่านเลนส์กลมที่กล้องส่องของปืนไรเฟิล ยังตรึงอยู่ไม่เคยเลือนดวงตาที่ไม่แม้แต่ระริกไหวยามลงมือ ไร้ความลังเลที่จะ สังหาร หากแต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานความสุขุมนั้นกลับหายไปเมื่อร่างของชายตรงหน้าเสร็จสิ้นจากการค้นร่างที่นอนแน่นิ่งไป ฉับพลันที่แววตาคู่นั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงจะเปรียบคงจากหมาป่ายามล่าเหยื่อสุดจะเยือกเย็นกลายเป็นลูกหมาเชื่องๆที่กำลังสั่นกลัว

เป็นความบังเอิญที่เขาถูกชิง เหยื่อ ตัดหน้าไป

แต่ก็ทำให้พบกับสิ่งที่น่าสนใจ..



ก็แค่น่าสนใจก็เท่านั้น




ตกอยู่ในภวังค์ความคิดนานพอดูกว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่แพขนตาของคนหลับขยับปรือขึ้น มุมปากที่ยกขึ้นนิดๆสลายไปในทันทีก่อนจะตีสีหน้านิ่งตามปกติดั่งเช่นที่ทำอยู่เป็นประจำ คามิวเอนหลังพิงพนักแล้วยกแขนขึ้นกอดอกเหล่สายตามองร่างที่บิดขี้เกียจหลังจากที่ตื่นนอน

แขนทั้งสองข้างยืดขึ้นไปเหนือศรีษะขณะที่ปากอ้าหาววอด ส่วนอเล็กซานเดอร์ที่นอนอยู่นั้นก็ตื่นขึ้นมาในเวลาที่ไล่เลี่ยกันก่อนจะลุกขึ้นยืดขาบ้างก่อนที่จะสลัดหัวไปมาเป็นจังหวะพร้อมกันกับอีกคนพอดี


               ตื่นมาพอดีเวลาน้ำชาเลยนี่ น้ำเสียงราบเรียบชวนให้คนที่ยังงัวเงียรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อยที่ได้ยิน คุโรซากิผูกคิ้วเหลียวศีรษะมามองเขาที่นั่งบนอยู่โซฟา เพียงสบสายตากลับไปเท่านั้นอีกคนก็หลบตาไปเสียเอง

หลังจากที่หายจากความง่วงแล้วอีกฝ่ายเพิ่งจะรู้ว่าที่บนตัวนั้นมีเสื้อโค้ทคลุมเอาไว้อยู่ คุโรซากิก้มมองอยู่สักหนึ่งก่อนจะร่นมันออกแล้วหยิบขึ้นมาวางพาดไว้ข้างๆเขาแทน


               เหลือแค่ Lady grey ส่วนของหวานไม่ได้ทำ เป็นประโยคบอกเล่าไม่ได้ต้องการทำตอบหรือคำปฏิเสธ ร่างโปร่งลุกขึ้นก่อนจะยกฝ่ามือลูบใบหน้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเดินออกไปจากโถงใหญ่เพื่อตรงไปยังห้องครัว

คามิวถอนหายใจยาวขณะมองตามแผ่นหลังที่เลี้ยวพ้นกำแพงไปแล้ว ก็แค่พูดทักว่าเป็นเวลาน้ำชาเฉยๆเอง ยังไม่ทันจะบอกให้ไปทำอะไรเลยแท้ๆ

แต่ก็เอาเถอะ.. ได้นั่งจิบชาพักก็น่าจะดีแล้วนี่นะ


บอซอยด์ขาวเขยิบตัวเข้ามานั่งใกล้ๆขายาว ใบหน้าแหงนเชิดเล็กน้อยพอดูสง่าก่อนจะหลับตาเคลิ้มเมื่อเขาเอื้อมมือไปลูบเบาๆบนศีรษะ นั่งรอเพียงไม่นานนักถ้วยชาบนจานรองก็ถูกนำมาวางเสิร์ฟให้บนโต๊ะเล็กข้างๆ ถุงชาที่แช่ถูกนำออกไปก่อนหน้าแล้ว กลิ่นหอมโชยแต่ไม่ฉุนจนเกินไป คามิวหยิบแห้วสีขาวขึ้นมองดูสีของชาที่เข้มกำลังพอดีก่อนจะวางไว้ตามเดิม ฝาของถ้วยน้ำตาลถูกเปิดออก ทันทีที่เสียงช้อนกระทบเบาๆกับถ้วยใบหน้าของชายที่ยืนมองก็ทำหน้าหน่ายขึ้นมา

ก้อนเหลี่ยมๆสีขาวถูกหย่อนลงในถ้วยชาทีละก้อนทีละก้อน ระดับน้ำในถ้วยโคลงไปตามแรงที่น้ำตาลก้อนถูกใส่ลงมาจนบางครั้งเกือบจะล้นออก

               “Lady grey ใครเขาใส่น้ำตาลกันบ้างฟะ ยืนมองคนที่แทบจะเทน้ำตาลก้อนทั้งหมดนั่นลงถ้วยก็อดจะพูดขึ้นมาไม่ได้

               หึ..รสชาติที่ไร้ความหวานของน้ำตาลน่ะช่างไร้รสนิยมสิ้นดี เสียงช้อนขูดน้ำตาลก้อนสีไปกับก้นแก้วดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะยกขึ้นดื่ม

สายตานั่นมองมาอย่างแหยงๆก่อนจะถอนหายใจแล้วยักไหล่เบาๆ

               ก็ไม่ได้คิดอยากจะเข้าใจรสนิยมเพี้ยนๆของแกล่ะนะ คุโรซากิยืนอยู่แบบนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ คงจะกำลังยืนรอเก็บถ้วยชา

อเล็กซานเดอร์ที่นั่งนิ่งอยู่เมื่อเห็นหน้าอีกคนก็เริ่มขยับไปมาก่อนจะหันมองมาทางเขาคล้ายจะขออนุญาตไปเล่นกับอีกคนอย่างไรอย่างนั้น เขาเพียงพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงอนุญาติก่อนที่เจ้าบอซอยด์จะวิ่งไปคลอเคลียที่ขาของอีกฝ่าย

               ดูท่าจะเข้ากันดีนี่.. แอบมาเล่นกับสุนัขของข้าบ่อยอย่างนั้นรึ? คามิวเอ่ยถามขณะจ้องผู้ที่ย่อตัวลงไปเกาคางสุนัขของเขาแล้วคลี่ยิ้มออกมาอย่างอัตโนมัติ ทั้งที่เวลาปกติไม่เคยเห็นภาพแบบนี้แท้ๆ

               ทำไมฉันจะต้องแอบ? แกไม่อยู่เองต่างหาก รอยยิ้มที่วาดเมื่อครู่หุบแทบจะทันทีที่ถูกทักก่อนใบหน้านั่นจะกลับมาจ้องเขาแบบหน่ายๆดังเช่นเดิม

               ข้าก็แค่แปลกใจ ตั้งปีกว่าแล้วก็เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก จริงที่ว่าระยะเวลาที่คุโรซากิเข้ามาอยู่นั้นนับได้เป็นปีแล้ว แต่ก็มีเหตุผลที่ว่าทำไมต้องเข้ามาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันตลอดเวลานี้อีกเช่นกัน

เพื่อที่จะจับตาดูให้แน่ชัดว่าสามารถที่จะไว้ใจได้หรือไม่

ตลอดเวลามานี้ไม่เคยมีท่าทีน่าสงสัยแต่อย่างใด งานทุกอย่างก็ทำตามไม่มีผิดพลาดจะเว้นก็แต่ขัดคำสั่งบ้างแต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรเสียหายเกินไปกว่าเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บเสียเอง

ไม่มีการติดต่อใดๆกับผู้อื่น ไม่มีอุปกรณ์สื่อสารหรือติดตามใดๆในร่างกาย

แม้จะถูกเพ่งเล็งไว้มากตอนช่วงแรกจนเริ่มจะวางใจได้แล้ว แต่ในตอนนี้การเคลื่อนไหวของบางอย่างทำให้น่าเป็นห่วงว่าคนตรงหน้าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง


คงจะใช้สายตาในการมองอย่างตรวจตราอีกฝ่ายมากจนเกินไปจนทำให้รู้ตัวเสียก่อน


               ฉันไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องอะไรทั้งนั้น ระยะสายตาที่จ้อง ลักษณะการมองการเพ่งพอจะรับรู้ได้ว่ากำลังถูกตรวจสอบ คุโรซากิพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความไม่พอใจเท่าไหร่นัก

               ข้ายังไม่ทันพูดว่าอะไรเสียหน่อย เขาหลับตาลงเบาๆพลางยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม เรื่องมีปากเสียงกันนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติแต่บทสนทนาในครั้งนี้ออกจะดูจริงจังไปกว่าทุกครั้ง ทั้งที่ปกติเวลาเริ่มจะไม่ลงรอยกันอีกคนจะเป็นฝ่ายเริ่มขึ้นเสียงใส่ในยามที่รู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิด แต่คราวนี้กลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแสดงความไม่พอใจออกมาแทน


อาจจะสมควรอยู่ เพราะการกระทำนี้เป็นสิ่งที่สื่อออกไปว่าไม่ไว้เนื้อเชื่อใจอีกคน





มันก็สมควรแล้ว..


ริมฝีปากขยับยิ้มเยาะตัวเองขณะวางแก้วชาลงในอ่าง น้ำยาล้างจานถูกบีบใส่ฟองน้ำนุ่มก่อนจะใช้ถูทำความสะอาดเครื่องถ้วยชามต่างๆ

คนที่ไม่เคยไว้ใจใครอย่างเขาก็ไม่สมควรจะได้รับการไว้วางใจจากคนอื่นเช่นกัน

พยายามไม่คิดว่าเป็นพวกพ้อง พยายามไม่สำคัญตัวว่าเป็นส่วนหนึ่ง พยายามที่จะไม่ผูกมัดหรือมีความสัมพันธ์อะไรมากกว่าไปกว่าคำว่าผู้รับงานและผู้สั่งการ

มันเป็นสถานะเดียวที่เขารู้จักและเลือกที่จะเป็นแบบนี้ไปตลอด


เพราะไม่มีทางที่จะโดน หักหลังได้อีก


               คุโรซากิ เสียงเอ่ยเรียกนั้นไม่ได้ทำให้เขาหยุดทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่ เจ้าของนามเพียงเอ่ยตอบกลับไปเป็นการขานรับแทน

               มีอะไร? พูดอย่างห้วนๆดังเช่นทุกครั้ง

               เตรียมสภาพสังขารเจ้าไว้ซะ พรุ่งนี้จะเริ่มดำเนินการตามแผนต่อ ไม่รู้ว่าคนพูดเอ่ยด้วยสีหน้าแบบไหนแต่ก็คงเดาออกว่าคงไม่ได้แตกต่างไปจากทุกที

ถึงจะอยู่ในขั้นต้องจับตาดูแต่เขาก็ยังทำงานได้อยู่สินะ ไม่สิ..การส่งออกไปทำงานต่างหากที่เป็นการพิสูจน์ว่าเขายังสามารถใช้การได้อยู่หรือเปล่า


และถ้าหากมีจุดที่ทำให้ต้องสงสัยแล้วล่ะก็อาจจะถูกกำจัดทิ้งไปทั้งอย่างนั้นเลยก็เป็นได้


จะยังไงก็ช่าง.. ต้องถูกมองยังไงก็ช่างมัน


เพราะยังไงเสียสิ่งที่เขาไม่มีทางจะทรยศอย่างแน่นอนก็คือคำสาบานนั่นที่ให้ไว้กับตัวเอง

จะถูกพรากศักดิ์ศรี หรือต้องหันหลังให้กับทุกสิ่ง

ถ้ามันเป็นหนทางเดียวที่จะได้ล้างแค้นผู้ถือโซ่ตรวนนี้อยู่อีกฝั่ง..



เขาก็เลือกที่จะลากมันลงนรกไปพร้อมกับตัวเอง!




               มีโอกาสสูงที่เจ้านั่นมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรที่เขากำลังสืบอยู่ จากที่เคยทำงานให้ฮาริยะแวดวงของการติดต่อส่วนมากมักจะเป็นสินค้าเถื่อนหรือผิดกฎหมาย วิธีการดำเนินงานก็เหมือนทุกครั้งคือเข้าไปติดต่อขอเป็นคู่ค้าก่อนจะเข้าแทรกซึมแย่งหุ้นส่วนอื่นที่กำลังติดต่อด้วยทั้งหมดมายังฝ่ายตัวเองก่อนจะกำจัดเสาหลักทิ้งแล้วแปลงสภาพตัวเองเป็นเสาต้นใหม่แทนส่วนตัวเขาจะเป็นหน่วย ตามเก็บกวาดใช่ว่าจะไม่รู้ผิดชอบชั่วดี..


แต่มันก็มีเหตุผลที่ทำให้ทำไมเขาถึงยอมเป็น หมารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ อยู่หลายปี...

จำยอม?

ถูกหลอกใช้ต่างหาก..



คิดแล้วก็สมเพชตัวเองชะมัด.. ฟันคมกัดแน่นกรอดพลางกำมือจนเส้นเลือดปูดนูนขึ้น ในตอนนั้นทั้งที่ใกล้แค่เอื้อมแท้ๆ..แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้นกลับยิ่งทำให้เขารับรู้ถึงคำที่ว่า ระดับที่ต่างกัน ขนาดอยู่ตรงหน้ายังไม่สามารถจะทำอะไรได้..ทั้งที่อุตส่าห์เข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อหวังจะได้เข้าใกล้ในจุดที่จะล้างแค้นได้แล้วแท้ๆ.. สุดท้ายก็ต้องเลือกหนทางที่ตัวเองรังเกียจที่สุดจนได้..


               มาเร็วดีนี่ เขาเอ่ยทักชายในสูทดำเดินตรงเข้ามา ณ จุดนัดพบแถวโกดังร้างซึ่งมักจะเป็นจุดส่ง ของ ซึ่งค่อนข้างตั้งอยู่บริเวณที่ไม่มีใครรู้จักเสียเท่าไหร่ สายตากวาดมองไปยังบริเวณรอบๆตรวจเช็คให้แน่ใจ

มาคนเดียว?.. ออกจะดูประมาทไปหน่อยล่ะมั้งสำหรับหมอนี่..

               ส่วนของหนี้..ที่ติดแกไว้ ชิพขนาดเล็กซึ่งบรรจุอยู่ในซองใสถูกส่งมอบวางไว้บนฝ่ามือหุ้มหนังสีดำ

เมื่อรับมาแล้วอีกฝ่ายกลับไม่คิดจะตรวจเช็คใดๆเลยแต่ใส่เก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเสียอย่างนั้น

               ทำงานได้ดีเหมือนก่อนเลยนะ.. ผู้พูดเอ่ยแล้วเว้นจังหวะก่อนจะขยับวาดยิ้มที่มุมปาก

               แต่ผมเกรงว่าเธอคงไม่ใช่หมาเชื่องๆเหมือนแต่ก่อนเสียแล้วสิ.. มือที่กระชับปืนที่ซุกอยู่ใส่สูทต้องชะงักไว้ก่อน รันมารุจ้องรอยยิ้มแฝงเลศนัยนั่นอย่างไม่ไว้ใจสุดๆ รู้อยู่หรอกว่าการที่เขารับข้อเสนอที่ถูกยัดเยียดนั่นมาย่อมต้องเสียเปรียบอยู่แล้ว แต่ว่าสีหน้าที่ฉายว่าถือไพ่เหนือกว่าอยู่นั้นทำให้เขาเริ่มคิดว่าสถานะตัวเองตกอยู่ในสภาวะเสียเปรียบกว่าที่คาดเอาไว้

               คงรู้อยู่สินะว่าถ้าผมหาตัวเธอพบ..ก็แปลว่าไม่ยากเลยที่ผมจะตามตัวบุคคลอันเป็นที่รักของเธอเจอได้เหมือนกัน


!?..


นัยน์ตาค้างนิ่งราวกับถูกสะกดให้เป็นหิน ชั่วครู่ที่พยายามตีสีหน้าให้ดูเป็นปกติ

               พูดอะไรของแก.. เขากดเสียงต่ำถามกลับไปโดยคุมไม่ให้สั่นจนจับสังเกตได้


ไม่มีทาง..


ฮาริยะเพียงหยิบแผ่นกระดาษแข็งที่น่าจะเป็นรูปถ่ายขึ้นมาก่อนจะใช้นิ้วชิ้วและนิ้วโป้งออกแรงกดให้เด้งมาทางเขา รันมารุรับมาไว้ในมือก่อนที่จะจ้องแล้วเบิกตาโพลง อีกฝ่ายมองท่าทีของเขาด้วยใบหน้าระรื่นยิ้ม


เรื่องนี้แม้กระทั่งคนในองค์กรเองก็ยังไม่รู้..


               ถือเป็นเรื่องน่ายินดีเลยทีเดียวที่น้องสาวกับคุณแม่ของเธอไม่ได้ตายไปพร้อมอุบัติเหตุครั้งนั้นจริงๆ


ภาพถ่ายที่เห็นอยู่นี้..ไม่ได้ตัดต่อ.. เด็กสาวกับผู้หญิงในรูปนั้นเป็นมุมที่แอบถ่ายมา วิวที่ด้านหลังนั้นก็คือสถานที่ที่เขาคิดว่าจะไม่มีใครตามไปเจอได้แล้วแท้ๆ


               ทุกวิธีการทุกอย่างที่เธอรู้..ก็มาจากผมที่สอนให้ทั้งนั้น


ยังไม่ทันจะทำอะไรกลับเป็นเขาที่เดินเข้าไปติดกับดักอย่างง่ายดาย





               คิดจะตลบหลังผมมันออกจะเร็วไปหน่อยนะ..ว่ามั้ย?





-TBC.-