Fan-fiction Utapri
Title : ♥Kill game♠
Pairing(?)
: Ren x Masato x Camus
Warning : 3P!! , AU, non-con (rape)
Rate : 18+
Rate : 18+
Note : สูบพลังงานเหลือเกิน...และอาจเมาตามคนแต่งได้, คงมีจุดที่งงๆอยู่บ้าง(เยอะแน่ๆ) ขออภัยด้วย ฮือ ห่างจากการพิมพ์อะไรยาวๆกับการบรรยายไปนานมากกกกกกกกก(เติม ก.ไก่ไปอีก) แถมฉาก....ก็..ห่างไปนานเหมือนกัน //ปิดหน้า
ย้ำอีกครั้งว่าฟิคนี้เป็น AU ความสัมพันธ์ตัวละครจะไม่เหมือนในเนื้อเรื่องหลัก อิงธีม Joker trap และ 3P
Ch.1
คิ้วขมวดแทบจะผูกปมแสดงความไม่พอใจเสียงถอนหายใจยาวดังออกมาแทบจะทันทีที่บานประตูไม้ถูกปิดลง
เจ้าคู่สนทนาสุดแสนจะกวนโมโหนั่นไปได้เสียที ปลายผมสีน้ำเงินไหวยามร่างเอนพิงพนักเก้าอี้ชายหนุ่มส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความหงุดหงิดที่ยังคงไม่หายไป
ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะไม้หรูเคลือบสลักทอดสายตาคู่สีอเมทิสต์ไปอย่างล่องลอยไร้จุดหมายใดๆ
เหม่อมองอยู่นานไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงเคาะประตู
เพราะไร้ซึ่งเสียงตอบกลับฝ่ายที่มาเยือนจึงถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาต
กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟสดโชยมาทางที่บุรุษผมบลอนซ์ยาวซึ่งถูกรวบเรียบร้อยสวมชุดสูทสีสุภาพเดินถือแก้วพร้อมจานรองสีขาวสะอาดเดินตรงเข้ามา
นัยน์ตาฟ้าสว่างมองผ่านเลนส์แว่นจ้องผู้ที่ยังคงนั่งเหม่อไม่รู้สึกถึงการมาของตนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจส่งเสียงเอ่ยเรียก
“ท่านประธานครับ”
ยังคงไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ จึงตัดสินใจเรียกอีกครั้ง
“ท่านประธานฮิจิริคาวะครับ”
ชายหนุ่มเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น
“!?” เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยกระเด้งตัวมานั่งหลังตรงก่อนจะหันมองตามเสียงเรียกนั่น
แต่แล้วต้องผงะจนล้อเก้าอี้เลื่อนถอยหลังเมื่อไปปะกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคุณเลขาฯที่โน้มมาเสียใกล้จนแทบจะหายใจรด
“คุณจินงูจิพูดไม่เข้าหูอีกแล้วสินะครับ”
เลขาฯหนุ่มร่างโปร่งเอ่ยแล้ววาดยิ้มเล็กน้อยพลางวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ
ฮิจิริคาวะถอนหายใจยาวแทนคำตอบ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณแล้วยกถ้วยกาแฟขึ้น..มือเรียวชะงักเล็กน้อยอย่างชั่งใจ
“ไม่ต้องห่วงครับ
ผมไม่ได้ใส่น้ำตาลหรือนม” เอ่ยพูดคล้ายติดตลก
เลขาฯหนุ่มโค้งตัวลงเล็กน้อยอมยิ้มเพียงพริบตาก่อนจะตีสีหน้าปกติดังเดิม
อ่า.. คุณคามิวเป็นเลขาฯของเขามาได้ประมาณสี่เดือน
ครั้งแรกที่เคยขอให้ช่วยชงกาแฟให้นั้นทำให้เขาจดจำไปตลอด.. นับตั้งแต่ตอนนั้นเขาจึงต้องย้ำก่อนทุกครั้งและรอให้อีกฝ่ายบอกก่อนจะยกขึ้นดื่ม
แม้จะทำงานด้วยกันมาได้ไม่นานแต่ก็นับว่าเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือและดูแลได้ในหลายๆเรื่อง
คงอาจเพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นมีอายุมากกว่าจึงมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา
แปลกใจอยู่เหมือนกันทั้งที่มีความสามารถมากขนาดนี้แต่กลับเข้ามาสมัครในตำแหน่งเลขาฯของประธานบริษัทที่เพิ่งเข้ารับช่วงสืบต่อธุรกิจต่อจากรุ่นก่อนยังไม่ทันครบปีแบบเขา
ปากแก้วขอบเนียนแนบจรดริมฝีปากรสขมของกาแฟดำซึมผ่านปลายลิ้นไหลลงสู่ลำคอ
จิบเพียงเล็กน้อยก่อนจะวางไว้บนจานรองตามเดิม
ฮิจิริคาวะเปิดแฟ้มเอกสารที่วางกองอยู่ด้านข้างเพื่อตรวจเช็คและลงลายเซ็นโดยมีคามิวคอยตรวจทานและส่งแฟ้มใหม่มาให้
ดวงตาเริ่มจะพร่าเลือน เขาส่ายศีรษะเล็กน้อยและกะพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ความง่วง
น่าแปลก.. ทั้งที่เพิ่งดื่มกาแฟไปแท้ๆ..
ฮิจิริคาวะพยายามเพ่งสายตามองตัวอักษรแต่เปลือกตาก็หนักอึ้งจนไม่สามารถจะอ่านออกเป็นคำได้เลย
ร่างของประธานหนุ่มค่อยๆก้มจนฟุบลงไปกับโต๊ะทำงาน
เลขาฯหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะสะกิดเรียก
“ออกฤทธิ์ไวกว่าที่คิดเสียจริง”
นั่นคือเสียงพึมพำอย่างสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสติจะสิ้นไป
เบาะนิ่มกับกลิ่นเจือของน้ำยาปรับผ้านุ่มชวนให้รู้สึกสบายตัวขยับพลิกกายด้วยความเคยชินหากแต่ไม่สะดวกดังเดิม
ใบหน้าติดสวยย่นคิ้วเล็กน้อยส่งเสียงในลำคอก่อนจะปรือตาขึ้น หากพบเพียงความมืด..
เกิดอะไรขึ้น!?
ร่างเพรียวสะดุ้งลุกขึ้นด้วยความตกใจ
ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะรู้สึกถึงสัมผัสที่คาดปิดดวงตาไว้ซึ่งทำให้เขามองไม่เห็น
ครั้นจะยกมือขึ้นเพื่อคลายก็พบว่าแขนของตนถูกมัดไพล่หลังไว้อยู่
ความกระวนกระวายเริ่มก่อตัวขึ้น ใบหน้าขาวชื้นด้วยเหงื่อ
ใจเต้นระรัวด้วยความหวาดระแวงยิ่งมองไม่เห็นสิ่งใดกับไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วก็ยิ่งรู้สึกกลัว
ฮิจิริคาวะกลืนน้ำลายผ่านลำคอที่แห้งผาก
พยายามตั้งสติแล้วนึกย้อนว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
เขากำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน..
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่นึกออก
กึก..
เสียงพื้นเท้ารองย่ำลงบนพื้นดังขึ้นเรียกให้ร่างของผู้ที่ถูกตัดประสาทสัมผัสทางการมองเห็นนั้นสะดุ้งอีกครั้ง
ศีรษะพยายามหันหาทางต้นเสียงแล้วถอยร่างกรูดไปในทิศตรงกันข้าม เขาเซเล็กน้อยเนื่องจากพื้นผิวที่ย่ำลงเหยียบไม่มั่นคง
“หึ..” เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันดังอยู่ในลำคอของผู้ที่เดินใกล้เข้ามา
นัยน์ตาหรี่จ้องร่างที่สั่นไหวด้วยความตื่นตระหนกยากจะคาดเดาว่าจ้องมองด้วยความรู้สึกเช่นไร
เบาะนอนยวบลงด้วยน้ำหนักที่ถ่ายลง
เขารู้สึกได้ถึงร่างที่กำลังใกล้เข้ามา สถานการณ์นี้แน่นอนว่าผู้ที่มองไม่เห็นและถูกมัดไว้ย่อมเสียเปรียบ
ฮิจิริคาวะเลือกที่จะเขยิบถอยตัวห่างออกแต่ทว่า...
“เจ้าคงไม่อยากจะหล่นลงไปฟาดกับพื้นหรอกกระมัง?”
เอ่ยด้วยเสียงแข็งพร้อมทั้งคว้าข้อเท้าไว้แล้วออกแล้วดึงจนร่างไถลกลับเข้ามา
ฮิจิริคาวะถลาจนแทบล้มลงไปกับเตียงหากแต่มีร่างของชายปริศนานั่นมารองรับไว้
ไม่นานนักถูกผลักให้ออกไปจนนอนกองอยู่ดี
“อย่าได้บังอาจ
หากไม่มีความจำเป็นข้าไม่มีทางสุงสิงกับเจ้าหรอก” น้ำเสียงนั่นยังคงแข็งกร้าว
แต่ว่ากลับคุ้นหูเสียเหลือเกิน..
“แกเป็นใคร..แล้วต้องการอะไร”
ชายหนุ่มพยายามคุมเสียงให้นิ่งเป็นปกติมากที่สุดแม้จะรับรู้ถึงบรรยากาศที่ตกเป็นรอง
“คำถามแรกของเจ้าข้าไม่จำเป็นจะต้องตอบ..
ส่วนอย่างหลังแน่นอนว่าข้ามีสิ่งที่ต้องการจากเจ้า” เว้นจังหวะไว้
ฝ่ามือเลื่อนลงประคองที่ใบหน้าเชยปลายคางให้แหงนขึ้น
“ข้อมูลการส่งออกสินค้า
‘ทั้งหมดตามความจริง’ ” เอ่ยเน้นคำขยาย
คิ้วขมวดหนักเมื่อเห็นว่าริมฝีปากบางยังคงปิดสนิทไม่ยอมขยับเอ่ยอะไรออกมา
เงียบเชียบอยู่พักใหญ่ ฮิจิริคาวะหายใจได้ไม่คล่องเสียเท่าไหร่
เหงื่อซึมที่ฝ่ามือจนเหนียวเหนอะ ซึ่งไม่ต่างจากน้ำลายในลำคอที่แทบจะกลืนไม่ได้
แต่ถึงกระนั้นหากทำอะไรวู่วามออกไปคงจะเป็นผลร้ายมากกว่าจึงเลือกที่จะนิ่งเสีย
“หึ
นึกอยู่แล้วว่าเจ้าคงไม่ยอมปริปากออกมาง่ายๆ” ชายปริศนาผละฝ่ามือออกจากใบหน้า
เสียงขยับของเบาะกับแรงกดดันเมื่อครู่ที่จางหายไปพอทำให้รู้ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นลุกห่างออกไปจากตัวของเขาแล้ว
ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยแต่ยังคงไม่โล่งใจ
เขาเม้มริมฝีปากแน่นขณะครุ่นคิด สินค้าทั้งหมดตามความจริงอย่างนั้นหรือ
หมายความว่ายังไงกัน..?
แส้ในมือถูกดึงตึงด้วยแรงพลันเกิดเสียงกระทบกันของเส้นหนังดังก้องทำเสียวสันหลังวาบ
เล่นเอาเหงื่อหยดจนโชกทั้งใบหน้า ฮิจิริคาวะกัดริมฝีปากที่สั่นจนแน่นพยายามไม่แสดงออกถึงความหวาดกลัวออกมาให้เห็นแต่อย่างใด
เสียงตวัดแส้ฟาดลงกับพื้นนั่นเข้ามาใกล้ทุกที
“เจ้ารีบบอกมาเสียดีกว่าก่อนที่ข้าจะ..-”
หลับตาลงสนิทเตรียมที่จะรับความเจ็บแสบหากถูกวาดลงที่กลางตัว
แอ๊ด...
บานประตูถูกเปิดขึ้นพร้อมกับเสียงเอ่ยพูดขึ้นราวกับจงใจจะขัดจังหวะ
“ใช้ไม้แข็งไม่ได้ผลหรอกน่า~
กับคนหัวดื้ออย่างหมอนี่น่ะนะ”
น้ำเสียงยียวนกับเสียงหัวเราะกวนประสาทนั่นเขาจำมันได้เป็นอย่างดี
บุรุษร่างสูงในเชิ้ตที่ปลดเม็ดกระดุมบนพร้อมกั๊กสีดำสวมทับไว้เดินเข้ามาด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง
ชายที่ยืนอยู่ก่อนหน้านั้นส่งเสียงไม่พอใจก่อนจะหันไปชักสีหน้าใส่แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร
“จินงูจิ! เป็นนายจริงๆสินะ!!” เขาตวาดเสียงเสียงลั่นด้วยความโกรธ
ไม่ผิดอย่างแน่นอนน้ำเสียงแบบนี้ ฮิจิริคาวะกัดฟันกรอดกำหมัดแน่นนึกอยากจะลุกขึ้นไปชกเข้าที่ใบหน้าของหมอนั้นเสียเหลือเกิน
ที่คอยเข้ามาป่วนการเจรจาทุกครั้งก็เพราะแบบนี้เองสินะ
มีที่ไหนตัวแทนบริษัทผมสว่างแสบตาทรงไม่เป็นระเบียบนั่น
ไหนจะสูทสีแดงที่ชวนไม่สบอารมณ์เวลาเห็นนั่นอีก อีกทั้งยังกริยาการพูดจาที่จงใจยั่วโมโหเขาอยู่ตลอดเวลา
“โอะ..ความแตกซะแล้วสิ
แย่เลยแฮะ” ผู้เอ่ยประโยคนั้นไม่ได้มีความรู้สึกว่าเดือดร้อนใดๆเลยแต่สักนิดกลับหัวเราะเล่นอย่างกับเป็นเรื่องขบขัน
“จินงูจิ
หากจะเล่นก็ไว้ทีหลัง” เสียงขรึมเอ่ยจ้องเขม็ง
“ฉันกำลังจริงจังอยู่ต่างหากล่ะบารอน~”
เอ่ยพร้อมยิ้มอย่งามีเลศนัย
สาวเท้าเข้าใกล้ร่างที่นอนกองอยู่บนเตียง
ขยับเคลื่อนตัวขึ้นไปหาแล้วเข้าใกล้ทีละนิด ทันทีที่ถูกสัมผัสใบหน้า
ฮิจิริคาวะก็สะบัดหนีจากมือของอีกคนอย่างรวดเร็ว
“ออกไปให้ห่างจากฉัน..”
ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางหนีแต่ก็ไม่มีทางที่จะยอมถูกปั่นหัวอยู่แบบนี้
ฮิจิริคาวะขยับขดตัวถอยจนชิดหัวเตียง
ขยับแขนทั้งสองข้างช้าๆหวังจะแก้เชือกให้คลายออกโดยไม่ให้ผิดสังเกต
ฟังจากเสียงแล้วเจ้าพวกนี้มีกันสองคน
แต่ก็ประมาทไม่ได้อยู่ดี..อาจจะมีพวกข้างนอกที่รอดักอยู่หากเขาหลุดจากตรงนี้ไปได้
“ชักช้าเสียจริง
ให้ข้าจัดการเองเสียดีกว่า” เสียงบุรุษปริศนานั่นเอ่ยขึ้น
เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้แต่หากถูกหยุดไว้เสียก่อนจะเข้ามาถึงตัวเขา
“รีบร้อนจังเลยนะทั้งที่งานอื่นออกจะใจเย็นแท้ๆ
เหมือนมีอะไรเลยนะ~” จินงูจิส่งสายตาจ้องไปยังอีกคนคล้ายกำลังจะจับผิด
ทันใดนั้นก็ขยับยิ้มออกมา
ทุกบทสนทนาเขายังคงได้ยิน
ข้อสงสัยต่างๆเริ่มผุดขึ้นมามากมายรอให้ปะติดปะต่อกัน..
เรื่องที่บริษัทของเขามีข่าวลือแปลกๆ เรื่องที่จินงูจิแฝงตัวเข้ามาร่วมเจรจา
ไหนจะเรื่องสินค้านั่นที่เจ้าพวกนี้ต้องการข้อมูล..
“อ่า..หรือว่าสี่เดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกัน?~”
แววตาขี้เล่นเปลี่ยนเป็นฉายแววจริงจัง
เจ้าของชื่อเรียกบารอนชะงักในทันใด
“นี่เจ้า!” ถลาตัวลงบนเบาะเข้าคว้าที่คอเสื้ออีกฝ่ายแล้วดึงกระชากให้ขึ้นมาจ้องใบหน้า
จินงูจิยังคงยิ้มร่าไม่สะเทือนใดๆ ผสานสายตาอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะยอมผละออกไป
สีหน้ายังคงไม่พอใจเสียเท่าไหร่แต่เจ้าตัวก็ยอมถอยออกแต่โดยดี
“อยากจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้าแล้วกัน”
แสร้งทำสีหน้าไม่สนใจแล้วกลับมายืนกอดอกดังเดิม
สี่เดือน.. คือคำที่ฮิจิริคาวะรู้สึกสะดุดเมื่อได้ยิน
ชายหนุ่มพยายามนึกสิ่งที่เกี่ยวข้องแต่ไม่ทันจะนึกออกร่างก็ถูกคว้าแล้วจับกดให้คว่ำหน้าลงกับเตียง
แย่ล่ะสิ..
“หืม..แก้เชือกได้เองด้วย
นึกว่าจะเป็นคุณชายที่เอาตัวรอดไม่ได้ซะอีก” สายตาจ้องที่ปลายเชือกที่ถูกคลายออกก่อนจะดึงมันออกให้หลุดเอง
ฝ่ามือจับข้อมือทั้งสองไว้แน่นก่อนจะหันไปทางผู้ที่ยืนอยู่
“จะออกไปก่อนก็ได้นะ
ฉันถนัดแต่วิธีเดิมๆซะด้วย~” คล้ายเอ่ยเตือนซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้น่าสงสัย
ฮิจิริคาวะพยายามดิ้นให้หลุดแต่กลับโดนแขนรวบล็อคตัวไว้จนขยับแทบไม่ได้
ศอกแหลมกระทุ้งไปยังคนด้านหลังแต่คงมีแรงไม่มากพอจึงไม่เป็นผล
“แกจะทำอะ-...!!”
ไม่ทันจะเอ่ยจบประโยคก็ต้องสำลักเมื่อถูกกรอกปากด้วยของเหลวกลิ่นประหลาดจากขวดแก้วขนาดเล็ก
เขาพยายามจะบ้วนทิ้งแต่ก็ถูกฝ่ามือหนาปิดปากไว้จนต้องฝืนกลืนกลับลงไปในลำคอ
ร่างของเขาถูกปล่อยออก ฮิจิริคาวะทั้งไอทั้งสำลักจนน้ำตาไหลพยายามเค้นสิ่งที่ตนกลืนลงไปให้ออกมาแต่ก็ทำให้เพียงแสบคอมากกว่าเก่าเท่านั้น
ฝ่ามือกุมที่คอตนเองที่รู้สึกร้อนผ่าวเพียงไม่นานก็เริ่มจะลามไปทั่วร่างกาย..
‘ออกฤทธิ์ไวกว่าที่คิดเสียจริง’
แว่วอยู่ในโสตประสาท..
ลมร้อนพ่นออกยามหอบหายใจด้วยความลำบากจนอกกระเพื่อมไหวแรง
เชิ้ตขาวโชกด้วยเหงื่อจนชุ่มไหลไปตามเส้นผมสีเข้มจนหยดลงบนที่นอน ไม่มีแม้แต่แรงจะเงยหน้าขึ้นมา
ทั้งแขนขาฝ่ามือไร้เรี่ยวแรงจะขยับหากแต่กายร้อนสุมดังกองเพลิงจนวูบวาบอยู่ภายใน ร่างขดตัวบิดไปมาเล็กๆพยายามสะกดกลั้นบางสิ่งที่คุกครุ่นอยู่ในกาย
ปลายเล็บจิกลงพยายามกำผ้าปูเตียงแล้วดึงเข้ามาให้ใกล้ใบหน้าตนเพื่อปกปิดความแดงก่ำที่แสนน่าอายในตอนนี้
“..!!” สะดุ้งโหยงทันทีด้วยสัมผัสจากปลายนิ้วที่แตะลงกลางแผ่นหลัง
ยามไล่ลากผ่านเหมือนดั่งกระแสไฟฟ้าวิ่งวนจนกระตุกเกร็งตัวเป็นระยะๆ ซี่ฟันขบแน่นทนฝืนกลั้นเสียงไม่ให้หลุดเล็ดรอดออกมาได้
ร่างกายที่ไม่คุ้นชินกับการถูกต้องตัวกับฤทธิ์ของยายิ่งทำให้ไวสัมผัสกว่าปกติ
“อะไรกัน..ท่าทางแบบนี้
คงทนเก็บไว้มาตลอดเลยสินะ~” เสียงนั้นก้มลงกระซิบข้างหูจนร้อนผ่าวขึ้นมา
ฝ่ามือนั่นพยายามจับร่างของเขาให้พลิกตัวหงายแต่คงยากเย็นมากเลยทีเดียวจึงตัดสินใจรั้งตัวขึ้นมาให้พิงหลังไว้กับเจ้าตัวแทน
ฮิจิริคาวะพยายามดิ้นด้วยแรงที่แทบไม่เหลือซึ่งเป็นผลเพียงทำให้สีไปกับร่างของชายที่อยู่ข้างหลังเท่านั้น
แผ่นอกเข้าแนบชิดกับแผ่นหลังจนเกร็งตัวแข็งทื่อ แขนแกร่งโอบรอบตัวเพื่อล็อคไว้
“อยากให้ฉันช่วยหรือเปล่าล่ะ?~”
จงใจทำเสียงพร่าจรดริมฝีปากแนบที่ใบหูที่แดง พ่นลมอุ่นปะทะจนสะดุ้งเสียว
คางมนถูกกดให้ก้มลงเผยพื้นที่หลังต้นคอที่ปกติจะถูกปกคอเสื้อบังไว้
สัมผัสชื้นแตะลงตวัดก่อนแนบเม้มจูบเบาๆชวนจั๊กจี้
ท่อนขาเรียวหนีบเข้าชิดกันเหยียดปลายนิ้วเท้าจิกลงกับเตียง
รังเกียจ..แต่ทำไมถึง..
รู้สึกดี..
“ทนไม่ไหวแล้วสินะ?”
ส่งเสียงอยู่ที่ด้านหลังศีรษะก่อนแนบใบหน้าลงที่ซอกคอขาว
เชิ้ตถูกแหวกออกแล้วปลดกระดุมออกไล่ลงไปทีละเม็ด ถอดแล้วร่นมาให้คาไว้อยู่ที่แขน
ผิวกายเนียนที่มักจะถูกปกปิดไว้มิดชิดอยู่เสมอกำลังร้อนดั่งถูกไฟลน
ฝ่ามือหนาลากลงผ่านหน้าท้องราบจนไปหยุดที่ขอบกางเกง ส่วนมืออีกข้างไม่อยู่นิ่งจับแหวกต้นขาให้แยกจากกันแล้วรั้งข้อพับยกขึ้นจนร่างของฮิจิริคาวะเอนลงกึ่งนอนหนุนลงบนบ่ากว้างของจินงูจิ
เสียงปลดตะขออาภรณ์เบื้องล่างนั่นทำให้เขาชะงักและใจไม่ดีเลยสักนิด
แม้ไม่เห็นสิ่งใดแต่ก็รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไร.. ความลนลานปนไปกับความรู้สึกปั่นป่วนพาให้ใจเต้นแรงกว่าที่เคย
“อย่า..” ร้องท้วงออกมาเองแบบอัตโนมัติยามที่รู้สึดถึงสัมผัสที่ล้วงเข้ามานั่น
“ยังจะปฏิเสธได้อีกหรอ..
นายไม่อยากรู้สึกดีขึ้นหรอ” เลื่อนเข้ากอบกุมกายร้อนนั่นแล้วเริ่มขยับเคลื่อนอย่างช้าๆ
ฮิจิริคาวะสะบัดใบหน้าขึ้นส่งเสียงร้องครางในทันที
ใช่..เขาปฏิเสธไม่ได้..ความต้องการนี้
จะฝืนดึงสติไว้ได้นานแค่ไหนเขาก็ไม่รู้..ทว่าตอนนี้มันกำลังหลุดลอยไปจนแทบจะไม่เหลืออีกแล้ว
สัมผัสพวกนี้ที่ไม่เคยได้รับกำลังถูกยัดเยียดมาให้อย่างไม่เต็มใจจะรับ..แต่ร่างกายนั้นกลับตรงกันข้าม
ระหว่างที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปตามอารมณ์นั่นเอง..อยู่ๆอีกคนก็หยุดชะงักไว้เพียงเท่านั้น
“บอกสิ่งที่ฉันต้องการมาสิ..แล้วฉันจะให้ในสิ่งที่นายกำลังต้องการ”
เสียงเจ้าเล่ห์นั่นกระซิบแผ่วเบาหากแต่เป็นประโยคที่รุนแรงเสียเหลือเกินสำหรับเขา
ฮิจิริคาวะสูดหายใจเข้าก่อนจะถอนออกแรงเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังเกิด
เขากำลังถูกปั่นหัว.. แล้วกำลังกลายเป็นเหมือนของเล่น
“ฉะ..ฉันไม่รู้..อะไรทั้ง..นั้น..”
เสียงเบาแผ่วเอ่ยขาดตอน
“อดทนเก่งจังนะ..”
ฟันคมขบลงกับใบหูตวัดปลายลิ้นหยอกจนต้องเอียงศีรษะรับไปตามสัมผัส
เอี้ยวบิดร่างไปมาสีหลังศีรษะไปบนใบหน้าอีกคนจนผ้าผืนที่ผูกคาดตาไว้เลื่อนลงมาที่ปลายคาง
ดวงตาปรือขึ้นมองในทันทีก่อนจะเบิกกว้างเพราะชะงักกับภาพแรกที่ได้เห็น
“ค..คามิว..ซัง”
ริมฝีปากขยับเอ่ยชื่อนั่ด้วยน้ำเสียงสั่น
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะรู้สึกเช่นไร.. ทั้งสับสนทั้งงุนงงและตกใจ กระจกตาสะท้อนภาพใบหน้าของผู้ที่เขาคุ้นเคยคนนั้นกำลังยืนพิงกำแพงกอดอกมองเขาในสภาพนี้อยู่...ซึ่งคงได้เห็นทุกอย่างตั้งแต่แรก
ภายในหัวเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ
ทั้งเรื่องที่ตนมาอยู่ที่นี่หลังจากที่ฟุบหลับในห้องทำงาน..
ทั้งเสียงที่คุ้นหูและ..สี่เดือนที่ได้ยินนั่น..
อะ..
กาแฟ..
เขารู้สึกจุกขึ้นมาในอกทันทีที่นึกออก..เขามองสีหน้าและนัยน์ตาอความารีนที่จ้องมานั้น..แตกต่างกันกับบุคคลที่เขาเคยรู้จักโดยสิ้นเชิง
“ท-..ทำไมกันครับ...”
เอ่ยด้วยเสียงที่เริ่มเครือ
“ถ้าเจ้ายอมบอกข้อมูลนั่นมาแต่แรกก็จบแล้ว”
น้ำเสียงแข็งกร้าวไม่ต่างกับสายตาที่มองจิกมา
ใบหน้าของเขาชาไปหมดเมื่อได้ยิน
คุณคามิว..ที่เอาใจใส่กับอ่อนโยนคนนั้น..
เป็นแค่เรื่องหลอกลวงอย่างนั้นหรือ
ขอบตาร้อนผ่าวไม่ใช่ด้วยฤทธิ์ยา
ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะหลุดเสียงสะอื้นออกมา
“เอ..แย่แล้วสิ..บารอนแกล้งแรงเกินไปจนร้องแล้วเห็นหรือเปล่า”
จินงูจิที่เงียบฟังอยู่นานเอ่ยแซวจนอีกฝ่ายถลึงตาใส่
แขนสีแทนขยับรั้งร่างเพรียวให้ลุกนั่งจนตักของตัวเอง
เลื่อนมือจับใบหน้าให้หันตรงจ้องคนที่ยืนอยู่ทั้งที่รู้ว่าฮิจิริคาวะไม่อยากให้เห็นน้ำตาที่กำลังคลออยู่ในตอนนี้
“จะไม่ช่วยปลอบหมอนี่หน่อยหรอ?~”
จงใจถามหยั่งเชิงเล่น แต่อีกฝ่ายกลับหันหน้าหลบไปทางอื่นทำไม่สนใจ
ยิ่งเห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งนึกสนุก
กางเกงผ้าถูกดึงลงแล้วถอดออกไปตั้งใจโยนทิ้งให้ไปกองตรงหน้าของอีกคน
แววตาคนเจ้าเล่ห์จ้องอย่างยียวนก่อนจะก้มลงงับลงที่ผิวกายขาวจนเป็นรอยแดง
นิ้วยาวชำแรกเข้าไปในโพรงปากให้เสียงสะอื้นปนครวญครางหลุดออกมา
“ถ้าอย่างนั้น..ฉันคงต้องช่วยปลอบนายแทนแล้วล่ะนะฮิจิริคาวะ”
สัมผัสได้ถึงความร้อนที่ชิดอยู่ที่ด้านหลัง
แรงกายขัดขืนก็ไม่ได้..แม้แต่แรงใจที่อยากจะทักท้วงก็ไม่เหลือ
เจ็บจนใจแทบสลายเพราะถูกหักหลังจากคนที่เขาไว้ใจ..
ทำไมเขาจะต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย..
นี่มันอะไรกัน..
อาการนิ่งไม่ตอบสนองของร่างที่ถูกโอบกอดทำให้จินงูจิรู้สึกหงุดหงิด
ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะชะเง้อใบหน้าเข้าหา เชยคางให้เงยขึ้นเพื่อบดจูบลง
ความคาวของเลือดคลุ้งอยู่ในปากทันทีจากเขี้ยวที่กัดลงเต็มแรงที่ริมฝีปาก
แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้ถอนจูบออกไปกลับแลบลิ้นแล้วยิ้มความพึงพอใจแล้วเข้าประกบจูบซ้ำลงอีกครั้ง
ขาเรียวขยับน้อยๆยามมือร้อนไล่ลงไปเบื้องล่าง
สัมผัสชื้นแฉะจากของเหลวเย็นที่ชโลมลงบนนิ้วค่อยๆฝืนสอดเข้าไปในกายที่ยังคงเกร็งตัวแน่น
ปลอบประโลมอยู่สักพักจึงผ่อนคลายลง
คามิวที่ยังอยู่ยืนอยู่ตรงนั้นเหลือบมองด้วยความไม่พอใจเสียเท่าไหร่
และแน่นอนว่าสายตาคมนั่นไม่มีทางมองผ่านภาพนั้น
จินงูจิจับยกท่อนขาเรียวขึ้นชี้กางออกก่อนจะเพิ่มจำนวนนิ้วที่แทรกเข้าไปแล้วเริ่มขยับไม่ให้ทันได้ตั้งตัวทันจนต้องร้องเสียงหลง
ฮิจิริคาวะส่งเสียงครางสลับหอบ หยาดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผากไหลงมาเป็นหยดที่ปลายคาง
นัยน์ตาปรือขึ้นจ้องมองพอดีกับจุดที่คามิวยืนอยู่
เพียงสบสายตาก็ต้องหลบเสมองทางอื่น
“บารอนเองก็ทนไม่ไหวแล้วใช่มั้ยล่ะ?”
เอ่ยจี้จุดจนต้องชะงัก
จินงูจิขยับยิ้มมองก่อนจะใช้มือลูบไปตามเรือนร่างเปลือยของชายหนุ่มราวกับจะโอ้อวดและยั่วโมโห
“หุบปาก..” ใบหน้าขาวซีดนั่นขึ้นสีจางเล็กน้อยแต่ก็พอจะสังเกตได้
“ก็เห็นยืนอยู่ตั้งนานนี่นา..”
ว่าพลางใช้มือข้างหนึ่งปลดกางเกงของตน
“หากเจ้าเสียทีข้าจักได้จัดการเก็บได้ทันอย่างไรเล่า”
ยังคงคุมเสียงให้เป็นปกติแต่ไม่ยอมสบตายามที่พูดด้วย
เร็นส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อยก่อนถอนนิ้วออกแล้วจึงจัดการขยับร่างเพรียวให้อยู่ในท่าที่สะดวก
ฮิจิริคาวะสะดุ้งเฮือกยามปลายร้อนแตะลงบนผิวกาย
ฝ่ามือที่ประคองพยายามช่วยให้แทรกผ่านเข้าไปในร่างอย่างใจเย็น
ขาเรียวที่ชุ่มเหงื่อโชกสั่นพยายามหุบลงแต่ก็ถูกจับให้แยกออก บั้นท้ายเสียดสีกับกล้ามหน้าท้องจนอีกฝ่ายเริ่มจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้วเช่นกัน
“อ..อ๊ะ!” สะโพกถูกกดลงอย่างรวดเร็วจนรับกายร้อนสุดความยาว
ฮิจิริคาวะร้องออกมาสุดเสียงพยายามควานหาที่ยึด ไหล่ทั้งสองขยับเบียดเสียดกับคนด้านหลัง
นิ้วจิกเล็บลงแน่นกับสีข้างจนเป็นรอย น้ำตาที่อาบแก้มเริ่มจะเหือดแห้ง
แต่สายตายังคงเหลือบจ้องมองคนตรงหน้านั่นอยู่เป็นระยะเหมือนต้องการที่จะกล่าวถามถึงเหตุผล
“ฮ...คา..มิวซัง..ท-..ทำไม..”
คงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นดูวิงวอนมากขนาดไหน
เอวที่ขยับน้อยๆค้างๆคาๆอย่างแกล้งหยอกนั่นยิ่งกระตุ้นอารมณ์ที่ปรารถนาจะถูกปลดปล่อยให้ทวีคูณ
ร่างเพรียวแอ่นกายกระตุกเป็นครั้งๆพยายามขยับสะโพกเองด้วยแรงที่โรยราแต่กลับถูกรั้งตัวไว้ให้อยู่เฉยๆ
ชายผู้ที่ขัดขวางขยับยิ้มโน้มแนบหน้าคลอเคลียกับใบหูระเรื่อ
“ใจร้อนจังนะ
แลกกันสิ..บอกข้อมูลนั่นมาแล้วฉันจะตามใจนายทุกอย่าง” เสียงกระซิบก้องในโสตประสาทเอือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ปลายนิ้วเขี่ยเล่นที่ยอดอกจนแข็งเป็นไตพลางขยับเอวเล็กน้อยพอเรียกให้เสียงครางหลุดออกมา
“ถะ..ถึงรู้..ฉันก็..ฮะ...ไม่..บ-..อ๊ะ..”
เปลือกตาปิดลงแน่นสะดุ้งเกร็งสุดตัวเมื่อกายอุ่นขยับ เพลิงร้อนถาโถมท่วมทั่วร่างหลอมให้ความละอายละลายสิ้น
มือขาวสลัดเสื้อที่ถูกถอดคาไว้ให้หลุดออกแล้วเอื้อมยึดไว้แน่นที่กล้ามแขนสีแทน
ส่งเสียงครวญครางออกอย่างไม่สามารถจะควบคุมอารมณ์ในห้วงราคะที่พุ่งทะยานขึ้นสูงได้
เคลิบเคลิ้มไปตามแรงขับเคลื่อนความหฤหรรษ์ที่ถูกมอบให้ร่างกายนี้เต็มใจรับอย่างไม่ขัดขืนอีกต่อไป
เอนศีรษะลงพิงด้วยความเมื่อยล้าปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายคุมเกมตามต้องการ
เสียงพร่าของจินงูจิยังคงพะเน้าพะนอข้างหู เอ่ยถ้อยคำปลอบโยนอ่อนหวานให้ตกหลุมพลาง
เขายังคงไม่ยอมปริปากใดๆออกมาให้กับคำถามนั่น
ซึ่งคงจะถึงขีดสุดแล้วที่อีกฝ่ายจะยอมทนรีดความลับนั่นด้วยวิธีการนี้
สะโพกถูกดันออกผลักให้ร่างของฮิจิริคาวะคว่ำหน้าลง
ยังคงดีที่ศอกทั้งสองค่ำไว้ได้ทัน
ความร้อนที่แทรกอยู่ภายในทำท่าจะถอนออกแต่ยังคงไม่สุด
เข่ามนขยับบิดให้เอวเคลื่อนอย่างโหยหา ช่างเป็นการกระทำที่น่าอับอายเสียจริง..
“ฉันก็อยากช่วยนะ..
แต่ต้องมีของตอบแทนกันด้วยสิ” เอ่ยออกมาอย่างไร้เยื่อในก่อนจะทิ้งท้ายด้วยเสียงหัวเราะ
แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเพราะร่างนั้นกลับเป็นฝ่ายที่ขยับออกห่างออกไปเสียเอง
มือกำแน่นที่ผ้าปูจนย่นคลานเข่าให้พ้นออกจากคนเบื้องหลัง
เงยใบหน้าที่แดงซ่านขึ้นแล้วปรือตามองบุรุษที่นิ่งเงียบด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“คามิวซัง..” ส่งเสียงเรียกหาด้วยสัณชาตญาณไม่เหลือแล้วซึ่งสติ
ริมฝีปากเผยอหอบหายใจกล่าวเรียกชื่อนั่นซ้ำอีกครั้งขณะพยายามเขยิบตัวเข้าไปให้ใกล้
ยกแขนขึ้นเอื้อมไปหาแต่แล้วก็ต้องล้มคว่ำลงจนใบหน้าฟุบไปกับเตียง
คงเพราะทนไม่ได้กับสภาพชายหนุ่มผมบลอนซ์จึงยอมก้าวเข้าไปหาพร้อมทั้งประคองใบหน้าขาวนั่นให้ขึ้นมาเพื่อจ้องมอง
ปลายนิ้วเย็นเกลี่ยไล่บนผิวชุ่มเหงื่อผ่านไฝเสน่ห์ที่แต้มอยู่ใต้ดวงตาคู่สีสวย มือเรียวที่ยันกายเลื่อนไปวางบนเข่าที่ยกขึ้นเท้าเบาะออกแรงดันให้แหงนมองได้ถนัด
“ช่วย..ด้วย...”
ถ้อยคำนั้นช่างตีความได้หลายแง่..
ยิ่งในสภาพแบบนี้แล้วก็ยากที่จะคิดเป็นอื่นได้
จินงูจิส่งเสียงอย่างขัดใจเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า เขาเพิ่งจะเคยเจอเป้าหมายที่ใจแข็งได้ขนาดนี้หนำซ้ำยังทำให้รู้สึกเหมือนโดนปฏิเสธแบบนี้อีก
“อ๊ะ!” ร่างถูกกระแทกแรงจนส่งเสียงร้อง อยากกระสันเสียววาบไปทั่วกายเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต
ออกแรงกำกางเกงผ้าของอีกคน
แน่นอนว่าจินงูจิจงใจที่จะแกล้ง มือหนาลูบไล้ลงมาตามบั้นเอวก่อนจะบีบเคล้นแล้วดึงกลับมาให้รับจังหวะที่เคลื่อนกายเข้าใส่อีกครั้ง
ร่างเพรียวร้องผวาโผเข้าเกาะร่างสูงตรงหน้าคว้าอย่างสะเปะสะปะถูกจุดที่ไวสัมผัส
แม้จะมีผืนผ้าคั่นเนื้อกายแต่ความอุ่นของฝ่ามือเรียวนั้นก็ยังส่งผ่านลงมาถึงตัว
“อึก..” คามิวกลืนน้ำลายดังก่อนจะยกหลังมือขึ้นบังใบหน้าที่ขึ้นสี ชายหนุ่มพยายามดันให้ร่างของฮิจิริคาวะออกไปห่างตน
แต่มือนั่นกลับจับแขนเขาไว้แน่น ดวงหน้าขาวเลื่อนเข้าใกล้จนปลายจมูกเฉี่ยวผ่านกัน
นัยน์ตามองมาอย่างเว้าวอนส่งเสียงครางในลำคอแล้วซุกลงกับแผ่นอก
อความารีนคู่สว่างหลุบลงจ้อง เลื่อนมือเชยคางให้แหงน สายตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนานั่นราวกับกำลังเหนี่ยวนำให้เกิดประกายไฟขึ้นในกาย
หากเพียงจุดให้ติด..คงลุกลามเป็นเพลิงกองโตที่ยากจะดับลงได้
แพขนตาปรือลงปิดเมื่อใบหน้าของชายผิวซีดเลื่อนเข้าใกล้
ไม่ทันที่กลีบปากจะแนบสนิทกันฝ่ามือแทนก็เอื้อมมาคว้าเพื่อปิดปากของคนที่อยู่ระหว่างกลางนั่นไว้แล้วดึงรั้งตัวให้ถอยกลับมาชิดตัวเอง
“!?” ผู้ที่ถูกประกบตัวรู้สึกแปลกใจจนเหลือบสายตาไปหา
เช่นเดียวกันกับอีกบุรุษที่ชะงักกลางคันซึ่งกำลังขมวดคิ้วมุ่นทำหน้าบึ้งตึงใส่
“อะไรของเจ้ากันจินงูจิ..”
คามิวโถมร่างคร่อมไว้ทางด้านหน้าเอ่ยถามข้ามเขาไปยังผู้ที่อยู่ด้านหลัง
“อือ..” เล็บคมจิกที่หลังมือขณะพยายามแกะเพื่อเปิดปากตน แต่อีกคนยังคงไม่ยอมปล่อยง่ายๆและทำหน้าบูดเล็กน้อยก่อนจะกระชับอ้อมแขนให้ร่างตรงกลางเขยิบมาชิดกว่าเดิม
บั้นท้ายกดลงแนบกับกายที่นั่งทับจนส่งเสียงครางระบายความซ่านที่ไหลแล่นผ่านร่าง
สติขาดผึงในทันทีกระชากแย่งร่างที่ถูกล็อคตัวไว้ให้มาฝั่งตน
มือซีดปัดฝ่ามือของอีกคนออกให้พ้นทางแล้วบดจูบลงแนบแน่นด้วยความร้อนรน เลื่อนมือไปช้อนไว้หลังศีรษะให้ถนัด
ปลายลิ้นอุ่นแทรกเข้าหาเมื่อกลีบปากเผยอออกไล่เข้ากวาดทุกหยดหยาดหวานที่จะเชยชิมได้
ฮิจิริคาวะแปะฝ่ามือลงบนแผ่นอกกว้างกุมเสื้อเชิ้ตดึงยื้อไว้เหมือนไม่ต้องการให้ผละออกไป
“บารอน..” คนที่ถูกทิ้งอยู่ด้านหลังเริ่มไม่พอใจจึงส่งเสียงท้วง
พยายามดึงร่างเพรียวกลับมาหาตัวเอง นัยน์ตาจ้องสบประสานกันราวกับมีประกายไฟส่งผ่านเป็นนัยว่าไม่ยอมแพ้
จินงูจิช้อนข้อพับขาเรียวให้ยกสะโพกขึ้นแล้วกดลงจนเจ้าของร่างต้องยอมผละจูบออกเพื่อส่งเสียงร้องครางแหงนหน้าขึ้นหอบหายใจเพื่อตักตวงอากาศเข้าสู่ปอด
“เจ้ารีบพูดมาเถอะฮิจิริคาวะ”
นิ้วหัวแม่โป้งกดลงที่ริมฝีปากล่างก่อนขยับแทรกเข้าไปเพื่อให้เปิดปากออก
จ้องสายตาจริงจังหมายจะคาดคั้นคำตอบแต่กลับถูกหลบตาไปเสียอย่างนั้น
“ผม..ไม่รู้..อะไรเลยจริงๆ..”
แผ่วเบาเกือบแทบไม่ได้ยิน
จิกปลายนิ้วลงที่รางดุมหล่นลงอย่างไร้เรี่ยวแรงไปกองพอดีที่ขอบกางเกงสแลคดำ
แน่นอนว่าทั้งสองไม่พอใจในคำตอบนี้แน่ๆ
“หากยืนยันเช่นนั้นแล้ว..คงช่วยไม่ได้”
คามิวยกมือขึ้นจับที่เส้นเนคไทร์ก่อนจะจัดการปลดแล้วดึงออกเพื่อมาใช้คาดใบหน้าของฮิจิริคาวะไว้
ไทร์เส้นยาวถูกผูกเป็นปมที่หลังศีรษะ เจ้าของดวงตาคู่อเมทิสต์ที่ถูกปิดไม่ให้มองเห็นถูกยกขึ้นให้เรียวขาพาดอ้อมไว้ที่หลัง
กายเบียดเสียดเข้าชิดที่ด้านหน้าเลื่อนมือลงกอบกุมที่ส่วนปลายไว้แล้วขยับนิ้วอย่างช้าๆ
ที่ด้านหลังยังคงขยับแทรกกายกระทั้นเข้าหาอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่นักแต่ความยืดเยื้อนี้ช่างทรมานจนแทบจะขาดใจให้ได้
ปลุกปั่นให้พุ่งสูงแต่ก็ชะงักไว้ให้อารมณ์ทิ้งดิ่งลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถูกกลั้นแกล้งจนต้องละศักดิ์ศรีแล้วร้องอ้อนวอนให้ช่วยปลดปล่อยตนเองจากสภาพนี้เสียที
“นี่บารอน.. ‘นั่น’น่าจะใช้ได้นะ~” เพราะมองไม่เห็นจึงไม่สามารถจะรู้ว่า
‘นั่น’ ที่พูดถึงอยู่คืออะไร..
แต่แล้วเสียงชวนขนลุกของแส้หนังก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ข้อมือทั้งสองถูกรวบเข้าหากันแล้วมัดไว้แน่นจนไม่สามารถดึงให้หลุดออกได้
เสียงหัวเราะด้านอยู่ที่หลังใบหูราวกับว่ากำลังสนุกสนานอยู่อย่างไงอย่างนั้น
“แบบนี้น่าจะรู้สึกตื่นเต้นดีนะ
ฮิจิริคาวะ~” กระแทกกายเข้าจนสุดอีกครั้ง เสียงครางต่ำกรอกเข้าที่หูก่อนจะกระหน่ำโถมเข้าใส่
ชายคนหน้าเม้มปากแน่นก่อนจะปลดกางเกงของตนออกแล้วเบียดกายเข้าหา
ความร้อนระอุทาบลงกับส่วนที่ไหวระริกนั่นก่อนจะถูกกุมเข้าไว้แล้วขยับไปพร้อมกัน
แรงสะเทือนจนหัวเตียงกระทบกำแพงสั่นลามไปยังเพดานยิ่งทวีวคามรุนแรงและเร็วมากขึ้นจนหวั่นว่าจะหักพังครืนลงมา
เสียงทั้งสองยังคงกระซิบถามคาดคั้นดว้ยคำถามเดิมหากแต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิมอยู่ดี
จวบจนกระทั่งถึงขีดจำกัดก็เปล่งเสียงร้องลั่นออกมาพร้อมกับหยาดของเหลวที่เปรอะลงบนหน้าท้องราบ
ส่วนในกายรับรู้ถึงความอุ่นที่หลั่งรินอยู่ภายใน
จินงูจิพ่นลมร้อนปะทะเข้าที่หลังต้นคอก่อนจะขยับเพื่อถอยร่างตนออกมา
ใบหน้าแดงเริ่มปรือตาลงจะปิดแต่ทว่าความร้อนรุ่มกลับสุมขึ้นมาอีกครั้ง
“ของพิเศษ..ไม่หมดฤทธิ์ง่ายๆหรอกนะ”
เอ่ยพร้อมหัวเราะเบาๆแล้วขยับจัดท่าทางแยกเรียวขาขาวออกจากกัน
ไม่ต้องเห็นด้วยตาก็รู้ได้ว่าช่างเป็นภาพที่ล่อแหลมและน่าอายมากแค่ไหน
ความรวดร้าวก่อตัวขึ้นอีกครั้งที่กลางตัวแต่ว่าแรงสูญสิ้นจนไม่เหลือ
ฮิจิริคาวะรู้สึกถึงร่างที่ขยับเข้ามาชิดกับส่วนล่าง ปากที่ส่งเสียงครางถูกช่วงชิงจูบอยู่เนิ่นนาน
ความร้อนแตะลงที่ช่องทางไม่ต้องตระเตรียมก็สามารถชำแรกผ่านเข้าไปได้โดยง่าย
ฝ่ามือกำแน่นจิกเล็บจนเกิดรอยบิดเอี้ยวตัวด้วยความกระสันเสียว สะโพกขยับตอบรับจังหวะไปอย่างอัตโนมัติ
“ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยบารอน
ยังมีเวลาอีกนานเลยล่ะ..” ปลายนิ้วลูบไล้บนพวงแก้มระเรื่อแดงก้มใบหน้าลงงับที่หัวไหล่ขาว
นัยน์ตาฟ้าสว่างส่องประกายวาวราวกับเด็กที่ได้รับของเล่นชิ้นใหม่
“จนกว่าจะรีดความลับจากหมอนี่หมดน่ะนะ..”
-Fin-