4.14.2558

[AU Fic Utapri] ♥Kill game♠ [Ren x Masato x Camus] [1]

Fan-fiction Utapri

Title :
Kill game
Pairing(?) : Ren x Masato x Camus
Warning : 3P!! , AU, non-con (rape)
Rate : 18+


Note : สูบพลังงานเหลือเกิน...และอาจเมาตามคนแต่งได้, คงมีจุดที่งงๆอยู่บ้าง(เยอะแน่ๆ) ขออภัยด้วย ฮือ ห่างจากการพิมพ์อะไรยาวๆกับการบรรยายไปนานมากกกกกกกกก(เติม ก.ไก่ไปอีก) แถมฉาก....ก็..ห่างไปนานเหมือนกัน //ปิดหน้า
ย้ำอีกครั้งว่าฟิคนี้เป็น AU ความสัมพันธ์ตัวละครจะไม่เหมือนในเนื้อเรื่องหลัก อิงธีม Joker trap และ 3P



Ch.1

               คิ้วขมวดแทบจะผูกปมแสดงความไม่พอใจเสียงถอนหายใจยาวดังออกมาแทบจะทันทีที่บานประตูไม้ถูกปิดลง เจ้าคู่สนทนาสุดแสนจะกวนโมโหนั่นไปได้เสียที ปลายผมสีน้ำเงินไหวยามร่างเอนพิงพนักเก้าอี้ชายหนุ่มส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความหงุดหงิดที่ยังคงไม่หายไป ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะไม้หรูเคลือบสลักทอดสายตาคู่สีอเมทิสต์ไปอย่างล่องลอยไร้จุดหมายใดๆ

เหม่อมองอยู่นานไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงเคาะประตู เพราะไร้ซึ่งเสียงตอบกลับฝ่ายที่มาเยือนจึงถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาต
กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟสดโชยมาทางที่บุรุษผมบลอนซ์ยาวซึ่งถูกรวบเรียบร้อยสวมชุดสูทสีสุภาพเดินถือแก้วพร้อมจานรองสีขาวสะอาดเดินตรงเข้ามา นัยน์ตาฟ้าสว่างมองผ่านเลนส์แว่นจ้องผู้ที่ยังคงนั่งเหม่อไม่รู้สึกถึงการมาของตนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจส่งเสียงเอ่ยเรียก

               ท่านประธานครับยังคงไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ จึงตัดสินใจเรียกอีกครั้ง

               ท่านประธานฮิจิริคาวะครับชายหนุ่มเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น

               “!?” เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยกระเด้งตัวมานั่งหลังตรงก่อนจะหันมองตามเสียงเรียกนั่น แต่แล้วต้องผงะจนล้อเก้าอี้เลื่อนถอยหลังเมื่อไปปะกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคุณเลขาฯที่โน้มมาเสียใกล้จนแทบจะหายใจรด

               “คุณจินงูจิพูดไม่เข้าหูอีกแล้วสินะครับเลขาฯหนุ่มร่างโปร่งเอ่ยแล้ววาดยิ้มเล็กน้อยพลางวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ

ฮิจิริคาวะถอนหายใจยาวแทนคำตอบ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณแล้วยกถ้วยกาแฟขึ้น..มือเรียวชะงักเล็กน้อยอย่างชั่งใจ

               ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ได้ใส่น้ำตาลหรือนมเอ่ยพูดคล้ายติดตลก เลขาฯหนุ่มโค้งตัวลงเล็กน้อยอมยิ้มเพียงพริบตาก่อนจะตีสีหน้าปกติดังเดิม

อ่า.. คุณคามิวเป็นเลขาฯของเขามาได้ประมาณสี่เดือน ครั้งแรกที่เคยขอให้ช่วยชงกาแฟให้นั้นทำให้เขาจดจำไปตลอด.. นับตั้งแต่ตอนนั้นเขาจึงต้องย้ำก่อนทุกครั้งและรอให้อีกฝ่ายบอกก่อนจะยกขึ้นดื่ม

แม้จะทำงานด้วยกันมาได้ไม่นานแต่ก็นับว่าเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือและดูแลได้ในหลายๆเรื่อง คงอาจเพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นมีอายุมากกว่าจึงมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา แปลกใจอยู่เหมือนกันทั้งที่มีความสามารถมากขนาดนี้แต่กลับเข้ามาสมัครในตำแหน่งเลขาฯของประธานบริษัทที่เพิ่งเข้ารับช่วงสืบต่อธุรกิจต่อจากรุ่นก่อนยังไม่ทันครบปีแบบเขา

ปากแก้วขอบเนียนแนบจรดริมฝีปากรสขมของกาแฟดำซึมผ่านปลายลิ้นไหลลงสู่ลำคอ จิบเพียงเล็กน้อยก่อนจะวางไว้บนจานรองตามเดิม ฮิจิริคาวะเปิดแฟ้มเอกสารที่วางกองอยู่ด้านข้างเพื่อตรวจเช็คและลงลายเซ็นโดยมีคามิวคอยตรวจทานและส่งแฟ้มใหม่มาให้


ดวงตาเริ่มจะพร่าเลือน เขาส่ายศีรษะเล็กน้อยและกะพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ความง่วง

น่าแปลก.. ทั้งที่เพิ่งดื่มกาแฟไปแท้ๆ..

ฮิจิริคาวะพยายามเพ่งสายตามองตัวอักษรแต่เปลือกตาก็หนักอึ้งจนไม่สามารถจะอ่านออกเป็นคำได้เลย ร่างของประธานหนุ่มค่อยๆก้มจนฟุบลงไปกับโต๊ะทำงาน เลขาฯหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะสะกิดเรียก


               ออกฤทธิ์ไวกว่าที่คิดเสียจริง

นั่นคือเสียงพึมพำอย่างสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสติจะสิ้นไป




               เบาะนิ่มกับกลิ่นเจือของน้ำยาปรับผ้านุ่มชวนให้รู้สึกสบายตัวขยับพลิกกายด้วยความเคยชินหากแต่ไม่สะดวกดังเดิม ใบหน้าติดสวยย่นคิ้วเล็กน้อยส่งเสียงในลำคอก่อนจะปรือตาขึ้น หากพบเพียงความมืด..


เกิดอะไรขึ้น!?

ร่างเพรียวสะดุ้งลุกขึ้นด้วยความตกใจ ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะรู้สึกถึงสัมผัสที่คาดปิดดวงตาไว้ซึ่งทำให้เขามองไม่เห็น ครั้นจะยกมือขึ้นเพื่อคลายก็พบว่าแขนของตนถูกมัดไพล่หลังไว้อยู่

ความกระวนกระวายเริ่มก่อตัวขึ้น ใบหน้าขาวชื้นด้วยเหงื่อ ใจเต้นระรัวด้วยความหวาดระแวงยิ่งมองไม่เห็นสิ่งใดกับไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วก็ยิ่งรู้สึกกลัว ฮิจิริคาวะกลืนน้ำลายผ่านลำคอที่แห้งผาก พยายามตั้งสติแล้วนึกย้อนว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

เขากำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน..
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่นึกออก


กึก..
เสียงพื้นเท้ารองย่ำลงบนพื้นดังขึ้นเรียกให้ร่างของผู้ที่ถูกตัดประสาทสัมผัสทางการมองเห็นนั้นสะดุ้งอีกครั้ง ศีรษะพยายามหันหาทางต้นเสียงแล้วถอยร่างกรูดไปในทิศตรงกันข้าม เขาเซเล็กน้อยเนื่องจากพื้นผิวที่ย่ำลงเหยียบไม่มั่นคง

               หึ..เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันดังอยู่ในลำคอของผู้ที่เดินใกล้เข้ามา นัยน์ตาหรี่จ้องร่างที่สั่นไหวด้วยความตื่นตระหนกยากจะคาดเดาว่าจ้องมองด้วยความรู้สึกเช่นไร

เบาะนอนยวบลงด้วยน้ำหนักที่ถ่ายลง เขารู้สึกได้ถึงร่างที่กำลังใกล้เข้ามา สถานการณ์นี้แน่นอนว่าผู้ที่มองไม่เห็นและถูกมัดไว้ย่อมเสียเปรียบ ฮิจิริคาวะเลือกที่จะเขยิบถอยตัวห่างออกแต่ทว่า...

               เจ้าคงไม่อยากจะหล่นลงไปฟาดกับพื้นหรอกกระมัง?เอ่ยด้วยเสียงแข็งพร้อมทั้งคว้าข้อเท้าไว้แล้วออกแล้วดึงจนร่างไถลกลับเข้ามา

ฮิจิริคาวะถลาจนแทบล้มลงไปกับเตียงหากแต่มีร่างของชายปริศนานั่นมารองรับไว้ ไม่นานนักถูกผลักให้ออกไปจนนอนกองอยู่ดี

               อย่าได้บังอาจ หากไม่มีความจำเป็นข้าไม่มีทางสุงสิงกับเจ้าหรอกน้ำเสียงนั่นยังคงแข็งกร้าว แต่ว่ากลับคุ้นหูเสียเหลือเกิน..

               แกเป็นใคร..แล้วต้องการอะไรชายหนุ่มพยายามคุมเสียงให้นิ่งเป็นปกติมากที่สุดแม้จะรับรู้ถึงบรรยากาศที่ตกเป็นรอง

               คำถามแรกของเจ้าข้าไม่จำเป็นจะต้องตอบ.. ส่วนอย่างหลังแน่นอนว่าข้ามีสิ่งที่ต้องการจากเจ้าเว้นจังหวะไว้ ฝ่ามือเลื่อนลงประคองที่ใบหน้าเชยปลายคางให้แหงนขึ้น

               ข้อมูลการส่งออกสินค้า ทั้งหมดตามความจริง’ ” เอ่ยเน้นคำขยาย คิ้วขมวดหนักเมื่อเห็นว่าริมฝีปากบางยังคงปิดสนิทไม่ยอมขยับเอ่ยอะไรออกมา

เงียบเชียบอยู่พักใหญ่ ฮิจิริคาวะหายใจได้ไม่คล่องเสียเท่าไหร่ เหงื่อซึมที่ฝ่ามือจนเหนียวเหนอะ ซึ่งไม่ต่างจากน้ำลายในลำคอที่แทบจะกลืนไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นหากทำอะไรวู่วามออกไปคงจะเป็นผลร้ายมากกว่าจึงเลือกที่จะนิ่งเสีย

               “หึ นึกอยู่แล้วว่าเจ้าคงไม่ยอมปริปากออกมาง่ายๆชายปริศนาผละฝ่ามือออกจากใบหน้า

เสียงขยับของเบาะกับแรงกดดันเมื่อครู่ที่จางหายไปพอทำให้รู้ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นลุกห่างออกไปจากตัวของเขาแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยแต่ยังคงไม่โล่งใจ

เขาเม้มริมฝีปากแน่นขณะครุ่นคิด สินค้าทั้งหมดตามความจริงอย่างนั้นหรือ
หมายความว่ายังไงกัน..?

แส้ในมือถูกดึงตึงด้วยแรงพลันเกิดเสียงกระทบกันของเส้นหนังดังก้องทำเสียวสันหลังวาบ เล่นเอาเหงื่อหยดจนโชกทั้งใบหน้า ฮิจิริคาวะกัดริมฝีปากที่สั่นจนแน่นพยายามไม่แสดงออกถึงความหวาดกลัวออกมาให้เห็นแต่อย่างใด เสียงตวัดแส้ฟาดลงกับพื้นนั่นเข้ามาใกล้ทุกที

               เจ้ารีบบอกมาเสียดีกว่าก่อนที่ข้าจะ..-”

หลับตาลงสนิทเตรียมที่จะรับความเจ็บแสบหากถูกวาดลงที่กลางตัว

แอ๊ด...
บานประตูถูกเปิดขึ้นพร้อมกับเสียงเอ่ยพูดขึ้นราวกับจงใจจะขัดจังหวะ

               ใช้ไม้แข็งไม่ได้ผลหรอกน่า~ กับคนหัวดื้ออย่างหมอนี่น่ะนะ

น้ำเสียงยียวนกับเสียงหัวเราะกวนประสาทนั่นเขาจำมันได้เป็นอย่างดี

บุรุษร่างสูงในเชิ้ตที่ปลดเม็ดกระดุมบนพร้อมกั๊กสีดำสวมทับไว้เดินเข้ามาด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง ชายที่ยืนอยู่ก่อนหน้านั้นส่งเสียงไม่พอใจก่อนจะหันไปชักสีหน้าใส่แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร

               จินงูจิ! เป็นนายจริงๆสินะ!!”  เขาตวาดเสียงเสียงลั่นด้วยความโกรธ ไม่ผิดอย่างแน่นอนน้ำเสียงแบบนี้ ฮิจิริคาวะกัดฟันกรอดกำหมัดแน่นนึกอยากจะลุกขึ้นไปชกเข้าที่ใบหน้าของหมอนั้นเสียเหลือเกิน

ที่คอยเข้ามาป่วนการเจรจาทุกครั้งก็เพราะแบบนี้เองสินะ

มีที่ไหนตัวแทนบริษัทผมสว่างแสบตาทรงไม่เป็นระเบียบนั่น ไหนจะสูทสีแดงที่ชวนไม่สบอารมณ์เวลาเห็นนั่นอีก อีกทั้งยังกริยาการพูดจาที่จงใจยั่วโมโหเขาอยู่ตลอดเวลา

               โอะ..ความแตกซะแล้วสิ แย่เลยแฮะผู้เอ่ยประโยคนั้นไม่ได้มีความรู้สึกว่าเดือดร้อนใดๆเลยแต่สักนิดกลับหัวเราะเล่นอย่างกับเป็นเรื่องขบขัน

               จินงูจิ หากจะเล่นก็ไว้ทีหลังเสียงขรึมเอ่ยจ้องเขม็ง

               ฉันกำลังจริงจังอยู่ต่างหากล่ะบารอน~” เอ่ยพร้อมยิ้มอย่งามีเลศนัย สาวเท้าเข้าใกล้ร่างที่นอนกองอยู่บนเตียง ขยับเคลื่อนตัวขึ้นไปหาแล้วเข้าใกล้ทีละนิด ทันทีที่ถูกสัมผัสใบหน้า ฮิจิริคาวะก็สะบัดหนีจากมือของอีกคนอย่างรวดเร็ว

               ออกไปให้ห่างจากฉัน..” ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางหนีแต่ก็ไม่มีทางที่จะยอมถูกปั่นหัวอยู่แบบนี้ ฮิจิริคาวะขยับขดตัวถอยจนชิดหัวเตียง ขยับแขนทั้งสองข้างช้าๆหวังจะแก้เชือกให้คลายออกโดยไม่ให้ผิดสังเกต

ฟังจากเสียงแล้วเจ้าพวกนี้มีกันสองคน

แต่ก็ประมาทไม่ได้อยู่ดี..อาจจะมีพวกข้างนอกที่รอดักอยู่หากเขาหลุดจากตรงนี้ไปได้

               ชักช้าเสียจริง ให้ข้าจัดการเองเสียดีกว่าเสียงบุรุษปริศนานั่นเอ่ยขึ้น เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้แต่หากถูกหยุดไว้เสียก่อนจะเข้ามาถึงตัวเขา

               รีบร้อนจังเลยนะทั้งที่งานอื่นออกจะใจเย็นแท้ๆ เหมือนมีอะไรเลยนะ~” จินงูจิส่งสายตาจ้องไปยังอีกคนคล้ายกำลังจะจับผิด ทันใดนั้นก็ขยับยิ้มออกมา

ทุกบทสนทนาเขายังคงได้ยิน ข้อสงสัยต่างๆเริ่มผุดขึ้นมามากมายรอให้ปะติดปะต่อกัน.. เรื่องที่บริษัทของเขามีข่าวลือแปลกๆ เรื่องที่จินงูจิแฝงตัวเข้ามาร่วมเจรจา ไหนจะเรื่องสินค้านั่นที่เจ้าพวกนี้ต้องการข้อมูล..

อ่า..หรือว่าสี่เดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกัน?~” แววตาขี้เล่นเปลี่ยนเป็นฉายแววจริงจัง เจ้าของชื่อเรียกบารอนชะงักในทันใด

นี่เจ้า!” ถลาตัวลงบนเบาะเข้าคว้าที่คอเสื้ออีกฝ่ายแล้วดึงกระชากให้ขึ้นมาจ้องใบหน้า จินงูจิยังคงยิ้มร่าไม่สะเทือนใดๆ ผสานสายตาอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะยอมผละออกไป สีหน้ายังคงไม่พอใจเสียเท่าไหร่แต่เจ้าตัวก็ยอมถอยออกแต่โดยดี

อยากจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้าแล้วกันแสร้งทำสีหน้าไม่สนใจแล้วกลับมายืนกอดอกดังเดิม

สี่เดือน.. คือคำที่ฮิจิริคาวะรู้สึกสะดุดเมื่อได้ยิน ชายหนุ่มพยายามนึกสิ่งที่เกี่ยวข้องแต่ไม่ทันจะนึกออกร่างก็ถูกคว้าแล้วจับกดให้คว่ำหน้าลงกับเตียง

แย่ล่ะสิ..
               หืม..แก้เชือกได้เองด้วย นึกว่าจะเป็นคุณชายที่เอาตัวรอดไม่ได้ซะอีกสายตาจ้องที่ปลายเชือกที่ถูกคลายออกก่อนจะดึงมันออกให้หลุดเอง ฝ่ามือจับข้อมือทั้งสองไว้แน่นก่อนจะหันไปทางผู้ที่ยืนอยู่

               จะออกไปก่อนก็ได้นะ ฉันถนัดแต่วิธีเดิมๆซะด้วย~” คล้ายเอ่ยเตือนซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้น่าสงสัย

ฮิจิริคาวะพยายามดิ้นให้หลุดแต่กลับโดนแขนรวบล็อคตัวไว้จนขยับแทบไม่ได้ ศอกแหลมกระทุ้งไปยังคนด้านหลังแต่คงมีแรงไม่มากพอจึงไม่เป็นผล

 “แกจะทำอะ-...!!” ไม่ทันจะเอ่ยจบประโยคก็ต้องสำลักเมื่อถูกกรอกปากด้วยของเหลวกลิ่นประหลาดจากขวดแก้วขนาดเล็ก เขาพยายามจะบ้วนทิ้งแต่ก็ถูกฝ่ามือหนาปิดปากไว้จนต้องฝืนกลืนกลับลงไปในลำคอ


ร่างของเขาถูกปล่อยออก ฮิจิริคาวะทั้งไอทั้งสำลักจนน้ำตาไหลพยายามเค้นสิ่งที่ตนกลืนลงไปให้ออกมาแต่ก็ทำให้เพียงแสบคอมากกว่าเก่าเท่านั้น ฝ่ามือกุมที่คอตนเองที่รู้สึกร้อนผ่าวเพียงไม่นานก็เริ่มจะลามไปทั่วร่างกาย..



ออกฤทธิ์ไวกว่าที่คิดเสียจริง

แว่วอยู่ในโสตประสาท..



               ลมร้อนพ่นออกยามหอบหายใจด้วยความลำบากจนอกกระเพื่อมไหวแรง เชิ้ตขาวโชกด้วยเหงื่อจนชุ่มไหลไปตามเส้นผมสีเข้มจนหยดลงบนที่นอน ไม่มีแม้แต่แรงจะเงยหน้าขึ้นมา ทั้งแขนขาฝ่ามือไร้เรี่ยวแรงจะขยับหากแต่กายร้อนสุมดังกองเพลิงจนวูบวาบอยู่ภายใน ร่างขดตัวบิดไปมาเล็กๆพยายามสะกดกลั้นบางสิ่งที่คุกครุ่นอยู่ในกาย ปลายเล็บจิกลงพยายามกำผ้าปูเตียงแล้วดึงเข้ามาให้ใกล้ใบหน้าตนเพื่อปกปิดความแดงก่ำที่แสนน่าอายในตอนนี้

               ..!!” สะดุ้งโหยงทันทีด้วยสัมผัสจากปลายนิ้วที่แตะลงกลางแผ่นหลัง ยามไล่ลากผ่านเหมือนดั่งกระแสไฟฟ้าวิ่งวนจนกระตุกเกร็งตัวเป็นระยะๆ ซี่ฟันขบแน่นทนฝืนกลั้นเสียงไม่ให้หลุดเล็ดรอดออกมาได้ ร่างกายที่ไม่คุ้นชินกับการถูกต้องตัวกับฤทธิ์ของยายิ่งทำให้ไวสัมผัสกว่าปกติ

               อะไรกัน..ท่าทางแบบนี้ คงทนเก็บไว้มาตลอดเลยสินะ~” เสียงนั้นก้มลงกระซิบข้างหูจนร้อนผ่าวขึ้นมา ฝ่ามือนั่นพยายามจับร่างของเขาให้พลิกตัวหงายแต่คงยากเย็นมากเลยทีเดียวจึงตัดสินใจรั้งตัวขึ้นมาให้พิงหลังไว้กับเจ้าตัวแทน
ฮิจิริคาวะพยายามดิ้นด้วยแรงที่แทบไม่เหลือซึ่งเป็นผลเพียงทำให้สีไปกับร่างของชายที่อยู่ข้างหลังเท่านั้น แผ่นอกเข้าแนบชิดกับแผ่นหลังจนเกร็งตัวแข็งทื่อ แขนแกร่งโอบรอบตัวเพื่อล็อคไว้

               อยากให้ฉันช่วยหรือเปล่าล่ะ?~” จงใจทำเสียงพร่าจรดริมฝีปากแนบที่ใบหูที่แดง พ่นลมอุ่นปะทะจนสะดุ้งเสียว
คางมนถูกกดให้ก้มลงเผยพื้นที่หลังต้นคอที่ปกติจะถูกปกคอเสื้อบังไว้ สัมผัสชื้นแตะลงตวัดก่อนแนบเม้มจูบเบาๆชวนจั๊กจี้ ท่อนขาเรียวหนีบเข้าชิดกันเหยียดปลายนิ้วเท้าจิกลงกับเตียง

รังเกียจ..แต่ทำไมถึง..

รู้สึกดี..

               ทนไม่ไหวแล้วสินะ?ส่งเสียงอยู่ที่ด้านหลังศีรษะก่อนแนบใบหน้าลงที่ซอกคอขาว เชิ้ตถูกแหวกออกแล้วปลดกระดุมออกไล่ลงไปทีละเม็ด ถอดแล้วร่นมาให้คาไว้อยู่ที่แขน

ผิวกายเนียนที่มักจะถูกปกปิดไว้มิดชิดอยู่เสมอกำลังร้อนดั่งถูกไฟลน ฝ่ามือหนาลากลงผ่านหน้าท้องราบจนไปหยุดที่ขอบกางเกง ส่วนมืออีกข้างไม่อยู่นิ่งจับแหวกต้นขาให้แยกจากกันแล้วรั้งข้อพับยกขึ้นจนร่างของฮิจิริคาวะเอนลงกึ่งนอนหนุนลงบนบ่ากว้างของจินงูจิ

เสียงปลดตะขออาภรณ์เบื้องล่างนั่นทำให้เขาชะงักและใจไม่ดีเลยสักนิด แม้ไม่เห็นสิ่งใดแต่ก็รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไร.. ความลนลานปนไปกับความรู้สึกปั่นป่วนพาให้ใจเต้นแรงกว่าที่เคย

               อย่า..ร้องท้วงออกมาเองแบบอัตโนมัติยามที่รู้สึดถึงสัมผัสที่ล้วงเข้ามานั่น

               ยังจะปฏิเสธได้อีกหรอ.. นายไม่อยากรู้สึกดีขึ้นหรอเลื่อนเข้ากอบกุมกายร้อนนั่นแล้วเริ่มขยับเคลื่อนอย่างช้าๆ ฮิจิริคาวะสะบัดใบหน้าขึ้นส่งเสียงร้องครางในทันที

ใช่..เขาปฏิเสธไม่ได้..ความต้องการนี้

จะฝืนดึงสติไว้ได้นานแค่ไหนเขาก็ไม่รู้..ทว่าตอนนี้มันกำลังหลุดลอยไปจนแทบจะไม่เหลืออีกแล้ว สัมผัสพวกนี้ที่ไม่เคยได้รับกำลังถูกยัดเยียดมาให้อย่างไม่เต็มใจจะรับ..แต่ร่างกายนั้นกลับตรงกันข้าม ระหว่างที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปตามอารมณ์นั่นเอง..อยู่ๆอีกคนก็หยุดชะงักไว้เพียงเท่านั้น

               บอกสิ่งที่ฉันต้องการมาสิ..แล้วฉันจะให้ในสิ่งที่นายกำลังต้องการเสียงเจ้าเล่ห์นั่นกระซิบแผ่วเบาหากแต่เป็นประโยคที่รุนแรงเสียเหลือเกินสำหรับเขา ฮิจิริคาวะสูดหายใจเข้าก่อนจะถอนออกแรงเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังเกิด

เขากำลังถูกปั่นหัว.. แล้วกำลังกลายเป็นเหมือนของเล่น

               “ฉะ..ฉันไม่รู้..อะไรทั้ง..นั้น..เสียงเบาแผ่วเอ่ยขาดตอน

               อดทนเก่งจังนะ..ฟันคมขบลงกับใบหูตวัดปลายลิ้นหยอกจนต้องเอียงศีรษะรับไปตามสัมผัส


เอี้ยวบิดร่างไปมาสีหลังศีรษะไปบนใบหน้าอีกคนจนผ้าผืนที่ผูกคาดตาไว้เลื่อนลงมาที่ปลายคาง ดวงตาปรือขึ้นมองในทันทีก่อนจะเบิกกว้างเพราะชะงักกับภาพแรกที่ได้เห็น

               ค..คามิว..ซังริมฝีปากขยับเอ่ยชื่อนั่ด้วยน้ำเสียงสั่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะรู้สึกเช่นไร.. ทั้งสับสนทั้งงุนงงและตกใจ กระจกตาสะท้อนภาพใบหน้าของผู้ที่เขาคุ้นเคยคนนั้นกำลังยืนพิงกำแพงกอดอกมองเขาในสภาพนี้อยู่...ซึ่งคงได้เห็นทุกอย่างตั้งแต่แรก

ภายในหัวเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องที่ตนมาอยู่ที่นี่หลังจากที่ฟุบหลับในห้องทำงาน.. ทั้งเสียงที่คุ้นหูและ..สี่เดือนที่ได้ยินนั่น..

อะ..
กาแฟ..

เขารู้สึกจุกขึ้นมาในอกทันทีที่นึกออก..เขามองสีหน้าและนัยน์ตาอความารีนที่จ้องมานั้น..แตกต่างกันกับบุคคลที่เขาเคยรู้จักโดยสิ้นเชิง

               ท-..ทำไมกันครับ...เอ่ยด้วยเสียงที่เริ่มเครือ

               ถ้าเจ้ายอมบอกข้อมูลนั่นมาแต่แรกก็จบแล้วน้ำเสียงแข็งกร้าวไม่ต่างกับสายตาที่มองจิกมา

ใบหน้าของเขาชาไปหมดเมื่อได้ยิน

คุณคามิว..ที่เอาใจใส่กับอ่อนโยนคนนั้น..
เป็นแค่เรื่องหลอกลวงอย่างนั้นหรือ

ขอบตาร้อนผ่าวไม่ใช่ด้วยฤทธิ์ยา ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะหลุดเสียงสะอื้นออกมา

               เอ..แย่แล้วสิ..บารอนแกล้งแรงเกินไปจนร้องแล้วเห็นหรือเปล่าจินงูจิที่เงียบฟังอยู่นานเอ่ยแซวจนอีกฝ่ายถลึงตาใส่ แขนสีแทนขยับรั้งร่างเพรียวให้ลุกนั่งจนตักของตัวเอง เลื่อนมือจับใบหน้าให้หันตรงจ้องคนที่ยืนอยู่ทั้งที่รู้ว่าฮิจิริคาวะไม่อยากให้เห็นน้ำตาที่กำลังคลออยู่ในตอนนี้

               จะไม่ช่วยปลอบหมอนี่หน่อยหรอ?~” จงใจถามหยั่งเชิงเล่น แต่อีกฝ่ายกลับหันหน้าหลบไปทางอื่นทำไม่สนใจ ยิ่งเห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งนึกสนุก

กางเกงผ้าถูกดึงลงแล้วถอดออกไปตั้งใจโยนทิ้งให้ไปกองตรงหน้าของอีกคน แววตาคนเจ้าเล่ห์จ้องอย่างยียวนก่อนจะก้มลงงับลงที่ผิวกายขาวจนเป็นรอยแดง นิ้วยาวชำแรกเข้าไปในโพรงปากให้เสียงสะอื้นปนครวญครางหลุดออกมา

               ถ้าอย่างนั้น..ฉันคงต้องช่วยปลอบนายแทนแล้วล่ะนะฮิจิริคาวะ

สัมผัสได้ถึงความร้อนที่ชิดอยู่ที่ด้านหลัง แรงกายขัดขืนก็ไม่ได้..แม้แต่แรงใจที่อยากจะทักท้วงก็ไม่เหลือ

เจ็บจนใจแทบสลายเพราะถูกหักหลังจากคนที่เขาไว้ใจ.. ทำไมเขาจะต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย..
นี่มันอะไรกัน..

อาการนิ่งไม่ตอบสนองของร่างที่ถูกโอบกอดทำให้จินงูจิรู้สึกหงุดหงิด ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะชะเง้อใบหน้าเข้าหา เชยคางให้เงยขึ้นเพื่อบดจูบลง ความคาวของเลือดคลุ้งอยู่ในปากทันทีจากเขี้ยวที่กัดลงเต็มแรงที่ริมฝีปาก แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้ถอนจูบออกไปกลับแลบลิ้นแล้วยิ้มความพึงพอใจแล้วเข้าประกบจูบซ้ำลงอีกครั้ง ขาเรียวขยับน้อยๆยามมือร้อนไล่ลงไปเบื้องล่าง สัมผัสชื้นแฉะจากของเหลวเย็นที่ชโลมลงบนนิ้วค่อยๆฝืนสอดเข้าไปในกายที่ยังคงเกร็งตัวแน่น ปลอบประโลมอยู่สักพักจึงผ่อนคลายลง

คามิวที่ยังอยู่ยืนอยู่ตรงนั้นเหลือบมองด้วยความไม่พอใจเสียเท่าไหร่
และแน่นอนว่าสายตาคมนั่นไม่มีทางมองผ่านภาพนั้น

จินงูจิจับยกท่อนขาเรียวขึ้นชี้กางออกก่อนจะเพิ่มจำนวนนิ้วที่แทรกเข้าไปแล้วเริ่มขยับไม่ให้ทันได้ตั้งตัวทันจนต้องร้องเสียงหลง ฮิจิริคาวะส่งเสียงครางสลับหอบ หยาดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผากไหลงมาเป็นหยดที่ปลายคาง นัยน์ตาปรือขึ้นจ้องมองพอดีกับจุดที่คามิวยืนอยู่ เพียงสบสายตาก็ต้องหลบเสมองทางอื่น

               บารอนเองก็ทนไม่ไหวแล้วใช่มั้ยล่ะ?เอ่ยจี้จุดจนต้องชะงัก จินงูจิขยับยิ้มมองก่อนจะใช้มือลูบไปตามเรือนร่างเปลือยของชายหนุ่มราวกับจะโอ้อวดและยั่วโมโห

               หุบปาก..ใบหน้าขาวซีดนั่นขึ้นสีจางเล็กน้อยแต่ก็พอจะสังเกตได้

               ก็เห็นยืนอยู่ตั้งนานนี่นา..ว่าพลางใช้มือข้างหนึ่งปลดกางเกงของตน

               หากเจ้าเสียทีข้าจักได้จัดการเก็บได้ทันอย่างไรเล่ายังคงคุมเสียงให้เป็นปกติแต่ไม่ยอมสบตายามที่พูดด้วย

เร็นส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อยก่อนถอนนิ้วออกแล้วจึงจัดการขยับร่างเพรียวให้อยู่ในท่าที่สะดวก ฮิจิริคาวะสะดุ้งเฮือกยามปลายร้อนแตะลงบนผิวกาย ฝ่ามือที่ประคองพยายามช่วยให้แทรกผ่านเข้าไปในร่างอย่างใจเย็น ขาเรียวที่ชุ่มเหงื่อโชกสั่นพยายามหุบลงแต่ก็ถูกจับให้แยกออก บั้นท้ายเสียดสีกับกล้ามหน้าท้องจนอีกฝ่ายเริ่มจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้วเช่นกัน

               อ..อ๊ะ!” สะโพกถูกกดลงอย่างรวดเร็วจนรับกายร้อนสุดความยาว ฮิจิริคาวะร้องออกมาสุดเสียงพยายามควานหาที่ยึด ไหล่ทั้งสองขยับเบียดเสียดกับคนด้านหลัง นิ้วจิกเล็บลงแน่นกับสีข้างจนเป็นรอย น้ำตาที่อาบแก้มเริ่มจะเหือดแห้ง แต่สายตายังคงเหลือบจ้องมองคนตรงหน้านั่นอยู่เป็นระยะเหมือนต้องการที่จะกล่าวถามถึงเหตุผล

               ฮ...คา..มิวซัง..ท-..ทำไม..
คงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นดูวิงวอนมากขนาดไหน


เอวที่ขยับน้อยๆค้างๆคาๆอย่างแกล้งหยอกนั่นยิ่งกระตุ้นอารมณ์ที่ปรารถนาจะถูกปลดปล่อยให้ทวีคูณ ร่างเพรียวแอ่นกายกระตุกเป็นครั้งๆพยายามขยับสะโพกเองด้วยแรงที่โรยราแต่กลับถูกรั้งตัวไว้ให้อยู่เฉยๆ ชายผู้ที่ขัดขวางขยับยิ้มโน้มแนบหน้าคลอเคลียกับใบหูระเรื่อ

               ใจร้อนจังนะ แลกกันสิ..บอกข้อมูลนั่นมาแล้วฉันจะตามใจนายทุกอย่างเสียงกระซิบก้องในโสตประสาทเอือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ปลายนิ้วเขี่ยเล่นที่ยอดอกจนแข็งเป็นไตพลางขยับเอวเล็กน้อยพอเรียกให้เสียงครางหลุดออกมา

               ถะ..ถึงรู้..ฉันก็..ฮะ...ไม่..บ-..อ๊ะ..เปลือกตาปิดลงแน่นสะดุ้งเกร็งสุดตัวเมื่อกายอุ่นขยับ เพลิงร้อนถาโถมท่วมทั่วร่างหลอมให้ความละอายละลายสิ้น มือขาวสลัดเสื้อที่ถูกถอดคาไว้ให้หลุดออกแล้วเอื้อมยึดไว้แน่นที่กล้ามแขนสีแทน ส่งเสียงครวญครางออกอย่างไม่สามารถจะควบคุมอารมณ์ในห้วงราคะที่พุ่งทะยานขึ้นสูงได้

เคลิบเคลิ้มไปตามแรงขับเคลื่อนความหฤหรรษ์ที่ถูกมอบให้ร่างกายนี้เต็มใจรับอย่างไม่ขัดขืนอีกต่อไป เอนศีรษะลงพิงด้วยความเมื่อยล้าปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายคุมเกมตามต้องการ เสียงพร่าของจินงูจิยังคงพะเน้าพะนอข้างหู เอ่ยถ้อยคำปลอบโยนอ่อนหวานให้ตกหลุมพลาง

เขายังคงไม่ยอมปริปากใดๆออกมาให้กับคำถามนั่น ซึ่งคงจะถึงขีดสุดแล้วที่อีกฝ่ายจะยอมทนรีดความลับนั่นด้วยวิธีการนี้
สะโพกถูกดันออกผลักให้ร่างของฮิจิริคาวะคว่ำหน้าลง ยังคงดีที่ศอกทั้งสองค่ำไว้ได้ทัน ความร้อนที่แทรกอยู่ภายในทำท่าจะถอนออกแต่ยังคงไม่สุด เข่ามนขยับบิดให้เอวเคลื่อนอย่างโหยหา ช่างเป็นการกระทำที่น่าอับอายเสียจริง..

               ฉันก็อยากช่วยนะ.. แต่ต้องมีของตอบแทนกันด้วยสิเอ่ยออกมาอย่างไร้เยื่อในก่อนจะทิ้งท้ายด้วยเสียงหัวเราะ แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเพราะร่างนั้นกลับเป็นฝ่ายที่ขยับออกห่างออกไปเสียเอง

มือกำแน่นที่ผ้าปูจนย่นคลานเข่าให้พ้นออกจากคนเบื้องหลัง เงยใบหน้าที่แดงซ่านขึ้นแล้วปรือตามองบุรุษที่นิ่งเงียบด้วยสายตาหยาดเยิ้ม

               คามิวซัง..ส่งเสียงเรียกหาด้วยสัณชาตญาณไม่เหลือแล้วซึ่งสติ ริมฝีปากเผยอหอบหายใจกล่าวเรียกชื่อนั่นซ้ำอีกครั้งขณะพยายามเขยิบตัวเข้าไปให้ใกล้ ยกแขนขึ้นเอื้อมไปหาแต่แล้วก็ต้องล้มคว่ำลงจนใบหน้าฟุบไปกับเตียง

คงเพราะทนไม่ได้กับสภาพชายหนุ่มผมบลอนซ์จึงยอมก้าวเข้าไปหาพร้อมทั้งประคองใบหน้าขาวนั่นให้ขึ้นมาเพื่อจ้องมอง ปลายนิ้วเย็นเกลี่ยไล่บนผิวชุ่มเหงื่อผ่านไฝเสน่ห์ที่แต้มอยู่ใต้ดวงตาคู่สีสวย มือเรียวที่ยันกายเลื่อนไปวางบนเข่าที่ยกขึ้นเท้าเบาะออกแรงดันให้แหงนมองได้ถนัด

               ช่วย..ด้วย...ถ้อยคำนั้นช่างตีความได้หลายแง่.. ยิ่งในสภาพแบบนี้แล้วก็ยากที่จะคิดเป็นอื่นได้

จินงูจิส่งเสียงอย่างขัดใจเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า เขาเพิ่งจะเคยเจอเป้าหมายที่ใจแข็งได้ขนาดนี้หนำซ้ำยังทำให้รู้สึกเหมือนโดนปฏิเสธแบบนี้อีก

               อ๊ะ!” ร่างถูกกระแทกแรงจนส่งเสียงร้อง อยากกระสันเสียววาบไปทั่วกายเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ออกแรงกำกางเกงผ้าของอีกคน

แน่นอนว่าจินงูจิจงใจที่จะแกล้ง มือหนาลูบไล้ลงมาตามบั้นเอวก่อนจะบีบเคล้นแล้วดึงกลับมาให้รับจังหวะที่เคลื่อนกายเข้าใส่อีกครั้ง ร่างเพรียวร้องผวาโผเข้าเกาะร่างสูงตรงหน้าคว้าอย่างสะเปะสะปะถูกจุดที่ไวสัมผัส แม้จะมีผืนผ้าคั่นเนื้อกายแต่ความอุ่นของฝ่ามือเรียวนั้นก็ยังส่งผ่านลงมาถึงตัว

               อึก..คามิวกลืนน้ำลายดังก่อนจะยกหลังมือขึ้นบังใบหน้าที่ขึ้นสี ชายหนุ่มพยายามดันให้ร่างของฮิจิริคาวะออกไปห่างตน แต่มือนั่นกลับจับแขนเขาไว้แน่น ดวงหน้าขาวเลื่อนเข้าใกล้จนปลายจมูกเฉี่ยวผ่านกัน นัยน์ตามองมาอย่างเว้าวอนส่งเสียงครางในลำคอแล้วซุกลงกับแผ่นอก อความารีนคู่สว่างหลุบลงจ้อง เลื่อนมือเชยคางให้แหงน สายตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนานั่นราวกับกำลังเหนี่ยวนำให้เกิดประกายไฟขึ้นในกาย

หากเพียงจุดให้ติด..คงลุกลามเป็นเพลิงกองโตที่ยากจะดับลงได้

แพขนตาปรือลงปิดเมื่อใบหน้าของชายผิวซีดเลื่อนเข้าใกล้ ไม่ทันที่กลีบปากจะแนบสนิทกันฝ่ามือแทนก็เอื้อมมาคว้าเพื่อปิดปากของคนที่อยู่ระหว่างกลางนั่นไว้แล้วดึงรั้งตัวให้ถอยกลับมาชิดตัวเอง

               “!?” ผู้ที่ถูกประกบตัวรู้สึกแปลกใจจนเหลือบสายตาไปหา เช่นเดียวกันกับอีกบุรุษที่ชะงักกลางคันซึ่งกำลังขมวดคิ้วมุ่นทำหน้าบึ้งตึงใส่

               อะไรของเจ้ากันจินงูจิ..คามิวโถมร่างคร่อมไว้ทางด้านหน้าเอ่ยถามข้ามเขาไปยังผู้ที่อยู่ด้านหลัง

               อือ..เล็บคมจิกที่หลังมือขณะพยายามแกะเพื่อเปิดปากตน แต่อีกคนยังคงไม่ยอมปล่อยง่ายๆและทำหน้าบูดเล็กน้อยก่อนจะกระชับอ้อมแขนให้ร่างตรงกลางเขยิบมาชิดกว่าเดิม บั้นท้ายกดลงแนบกับกายที่นั่งทับจนส่งเสียงครางระบายความซ่านที่ไหลแล่นผ่านร่าง

สติขาดผึงในทันทีกระชากแย่งร่างที่ถูกล็อคตัวไว้ให้มาฝั่งตน มือซีดปัดฝ่ามือของอีกคนออกให้พ้นทางแล้วบดจูบลงแนบแน่นด้วยความร้อนรน เลื่อนมือไปช้อนไว้หลังศีรษะให้ถนัด ปลายลิ้นอุ่นแทรกเข้าหาเมื่อกลีบปากเผยอออกไล่เข้ากวาดทุกหยดหยาดหวานที่จะเชยชิมได้ ฮิจิริคาวะแปะฝ่ามือลงบนแผ่นอกกว้างกุมเสื้อเชิ้ตดึงยื้อไว้เหมือนไม่ต้องการให้ผละออกไป

               บารอน..คนที่ถูกทิ้งอยู่ด้านหลังเริ่มไม่พอใจจึงส่งเสียงท้วง พยายามดึงร่างเพรียวกลับมาหาตัวเอง นัยน์ตาจ้องสบประสานกันราวกับมีประกายไฟส่งผ่านเป็นนัยว่าไม่ยอมแพ้ จินงูจิช้อนข้อพับขาเรียวให้ยกสะโพกขึ้นแล้วกดลงจนเจ้าของร่างต้องยอมผละจูบออกเพื่อส่งเสียงร้องครางแหงนหน้าขึ้นหอบหายใจเพื่อตักตวงอากาศเข้าสู่ปอด

               เจ้ารีบพูดมาเถอะฮิจิริคาวะนิ้วหัวแม่โป้งกดลงที่ริมฝีปากล่างก่อนขยับแทรกเข้าไปเพื่อให้เปิดปากออก จ้องสายตาจริงจังหมายจะคาดคั้นคำตอบแต่กลับถูกหลบตาไปเสียอย่างนั้น

               ผม..ไม่รู้..อะไรเลยจริงๆ..แผ่วเบาเกือบแทบไม่ได้ยิน จิกปลายนิ้วลงที่รางดุมหล่นลงอย่างไร้เรี่ยวแรงไปกองพอดีที่ขอบกางเกงสแลคดำ

แน่นอนว่าทั้งสองไม่พอใจในคำตอบนี้แน่ๆ

               หากยืนยันเช่นนั้นแล้ว..คงช่วยไม่ได้คามิวยกมือขึ้นจับที่เส้นเนคไทร์ก่อนจะจัดการปลดแล้วดึงออกเพื่อมาใช้คาดใบหน้าของฮิจิริคาวะไว้ ไทร์เส้นยาวถูกผูกเป็นปมที่หลังศีรษะ เจ้าของดวงตาคู่อเมทิสต์ที่ถูกปิดไม่ให้มองเห็นถูกยกขึ้นให้เรียวขาพาดอ้อมไว้ที่หลัง กายเบียดเสียดเข้าชิดที่ด้านหน้าเลื่อนมือลงกอบกุมที่ส่วนปลายไว้แล้วขยับนิ้วอย่างช้าๆ

ที่ด้านหลังยังคงขยับแทรกกายกระทั้นเข้าหาอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่นักแต่ความยืดเยื้อนี้ช่างทรมานจนแทบจะขาดใจให้ได้ ปลุกปั่นให้พุ่งสูงแต่ก็ชะงักไว้ให้อารมณ์ทิ้งดิ่งลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกกลั้นแกล้งจนต้องละศักดิ์ศรีแล้วร้องอ้อนวอนให้ช่วยปลดปล่อยตนเองจากสภาพนี้เสียที

               นี่บารอน.. นั่นน่าจะใช้ได้นะ~” เพราะมองไม่เห็นจึงไม่สามารถจะรู้ว่า นั่นที่พูดถึงอยู่คืออะไร..

แต่แล้วเสียงชวนขนลุกของแส้หนังก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ข้อมือทั้งสองถูกรวบเข้าหากันแล้วมัดไว้แน่นจนไม่สามารถดึงให้หลุดออกได้ เสียงหัวเราะด้านอยู่ที่หลังใบหูราวกับว่ากำลังสนุกสนานอยู่อย่างไงอย่างนั้น

               แบบนี้น่าจะรู้สึกตื่นเต้นดีนะ ฮิจิริคาวะ~” กระแทกกายเข้าจนสุดอีกครั้ง เสียงครางต่ำกรอกเข้าที่หูก่อนจะกระหน่ำโถมเข้าใส่

ชายคนหน้าเม้มปากแน่นก่อนจะปลดกางเกงของตนออกแล้วเบียดกายเข้าหา ความร้อนระอุทาบลงกับส่วนที่ไหวระริกนั่นก่อนจะถูกกุมเข้าไว้แล้วขยับไปพร้อมกัน

แรงสะเทือนจนหัวเตียงกระทบกำแพงสั่นลามไปยังเพดานยิ่งทวีวคามรุนแรงและเร็วมากขึ้นจนหวั่นว่าจะหักพังครืนลงมา เสียงทั้งสองยังคงกระซิบถามคาดคั้นดว้ยคำถามเดิมหากแต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิมอยู่ดี


จวบจนกระทั่งถึงขีดจำกัดก็เปล่งเสียงร้องลั่นออกมาพร้อมกับหยาดของเหลวที่เปรอะลงบนหน้าท้องราบ ส่วนในกายรับรู้ถึงความอุ่นที่หลั่งรินอยู่ภายใน จินงูจิพ่นลมร้อนปะทะเข้าที่หลังต้นคอก่อนจะขยับเพื่อถอยร่างตนออกมา

ใบหน้าแดงเริ่มปรือตาลงจะปิดแต่ทว่าความร้อนรุ่มกลับสุมขึ้นมาอีกครั้ง

               ของพิเศษ..ไม่หมดฤทธิ์ง่ายๆหรอกนะเอ่ยพร้อมหัวเราะเบาๆแล้วขยับจัดท่าทางแยกเรียวขาขาวออกจากกัน ไม่ต้องเห็นด้วยตาก็รู้ได้ว่าช่างเป็นภาพที่ล่อแหลมและน่าอายมากแค่ไหน

ความรวดร้าวก่อตัวขึ้นอีกครั้งที่กลางตัวแต่ว่าแรงสูญสิ้นจนไม่เหลือ ฮิจิริคาวะรู้สึกถึงร่างที่ขยับเข้ามาชิดกับส่วนล่าง ปากที่ส่งเสียงครางถูกช่วงชิงจูบอยู่เนิ่นนาน ความร้อนแตะลงที่ช่องทางไม่ต้องตระเตรียมก็สามารถชำแรกผ่านเข้าไปได้โดยง่าย ฝ่ามือกำแน่นจิกเล็บจนเกิดรอยบิดเอี้ยวตัวด้วยความกระสันเสียว สะโพกขยับตอบรับจังหวะไปอย่างอัตโนมัติ

               ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยบารอน ยังมีเวลาอีกนานเลยล่ะ..ปลายนิ้วลูบไล้บนพวงแก้มระเรื่อแดงก้มใบหน้าลงงับที่หัวไหล่ขาว นัยน์ตาฟ้าสว่างส่องประกายวาวราวกับเด็กที่ได้รับของเล่นชิ้นใหม่



               จนกว่าจะรีดความลับจากหมอนี่หมดน่ะนะ..





-Fin-