8.16.2558

[Oneshot Utapri] Kill hand:♠ (Camus x Masato)

Fan-fiction Utapri

Title :
 
Kill hand: ♠ 
Pairing : Camus x Masato
Warning :  AU
Rate : 18+

Note : 
oneshot นี้จะเป็นฉากเดียวกับในแฟนฟิคเรื่อง Kill game ตอนที่ 3 จงอย่าหาความเชื่อมโยงใดๆกับตอน3จริงๆเลย5555 จะเรียกว่าเป็นแฟนฟิคของแฟนฟิคอีกทีก็คงดูซับซ้อน(และสั้นเกินไป) เอาเป็นว่าเป็นหนึ่งในพล็อตที่คิดเอาไว้แต่ไม่ได้เอามาแต่งจริงๆในเรื่องหลัก สาเหตุก็เพราะไม่สามารถจะนำไปเชื่อมกับเนื้อเรื่องได้เท่าไหร่นักทั้งด้านช่วงเวลาและเหตุผลการกระทำของตัวละครที่ได้วางไว้แล้วก่อนหน้า

ส่วนใครก็เพิ่งเปิดมาเจอตอนนี้พอดีแนะนำให้ลองอ่านเรื่องหลักดูก่อนนะคะ >เรื่องหลัก<





            สองเข่าที่แยกออกค้ำกายรองรับน้ำหนักที่โถมลงใส่ร่าง เสียดสีไปกับผ้าปูเตียงเนื้อละเอียดจนเกิดเสียง หนุนใบหน้าซบลองกับสองแขนเพื่อซ่อนความแดงซ่านบนใบหน้าไม่ให้คนใจร้ายได้เห็น เส้นผมสีน้ำเงินชื้นด้วยเหงื่อปลิวไหวไปตามแรงกระทั้นเข้าหาที่ข้างหลัง ฮิจิริคาวะเม้มริมฝีปากแน่นกลั้นไม่ให้เสียงร้องประหลาดนั่นหลุดออกมา

               กลั้นไว้ทำไมเล่า..ไม่ใช่ว่าเจ้าร้องเรียกชื่อข้าอยู่ทุกค่ำคืนหรอกรึ?ชายผมบลอนซ์พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน รอยสักโพธิ์ดำแนบลงกับผิวที่บั้นเอวก่อนจะใช้มือดึงร่างผู้ที่อยู่ในท่าคลานให้ถอยกลับมารับกายเข้าไปจนสุด

               อึก..!!” ความจุกแล่นเข้ามาจนน้ำตารื้น

               หึ.. บังอาจใช้คนอื่นเป็นตัวแทนข้าอความารีนฉายแววขุ่นเคือง กัดฟันอย่างกริ้วโกรธกระแทกซ้ำใส่อย่างไม่สนใจว่าร่างนั่นจะรับได้ไหวหรือไม่

เรียวขาขาวถูกตีตราด้วยรอยจูบลามจนถึงก้นกบและแผ่นหลัง เนื้อตัวสั่นระริกร้อนวูบวาบไปจามสัมผัสที่ถูกมอบให้..จะกล่าวว่าไม่เต็มใจก็ไม่เชิงนัก แต่จะบอกว่ายินยอมก็ไม่ถูกเสียทีเดียว

               นี่ล่ะคือตัวตนที่แท้จริงของข้าที่เจ้าอยากจะรู้จักนัก

ทุกคำพูดกรีดลึกลงในอกความรู้สึกดีๆที่เลยหลงเหลือถูกฉีกออกให้ขาดวิ่น ยิ่งตอกย้ำในความเขลาของตนเอง..

ความอ่อนโยนแสนจอมปลอมพวกนั้น..ทำให้เขายอมเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฮิจิริคาวะกัดริมฝีปากตนแน่นจิกเล็บลงขยำผ้าปูเตียงหวังระบายควมเจ็บแปลบที่แล่นไปทั่วทั้งร่าง เปลือกตาปิดลงขังน้ำตาใสไม่ให้ไหลออกมา ถ้อยคำทำร้ายจิตใจถูกเอ่ยให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา เขานึกอยากจะปิดหูตัวเองเสียเหลือเกินแม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรได้มากก็ตามที

แต่แล้วเสียงริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำให้สายลับหนุ่มต้องหยุดการเคลื่อนไหวกลางคัน ฮิจิริคาวะเหลียวหลังไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังวุ่นอยู่กับการกดรับสายเขาจึงตั้งใจจะอาศัยจังหวะนี้ในการหนี

               สวัสดีครับ ใช่ครับ กระผมเลขาฯของท่านประธานฮิจิริคาวะพูดสายอยู่ครับโทนเสียงแข็งกร้าวนั่นแปรเปลี่ยนเป็นสุภาพนุ่มนวล

คามิวรู้สึกได้ถึงร่างที่พยายามจะเขยิบออกห่างตัวจึงใช้แขนข้างหนึ่งอ้อมไปรั้งตัวไว้แล้วดึงกลับเข้ามาให้ชิดตามเดิม นัยน์ตาตวัดจ้องแบบไม่พอใจพลางกระแทกกายเข้าหาคล้ายเป็นการลงโทษ

               อะ..!” ฮิจิริคาวะที่ตั้งตัวไม่ทันหลุดเปล่งเสียงครางออกมาก่อนจะรีบยกมือขึ้นกุมปากตนเองไว้

               ขอเรียนสายกับท่านประธานหรือครับ อ่า..ผมเกรงว่าตอนนี้ท่านประธานจะไม่สะดวกพูดสายเสียเท่าไหร่คามิวโกหกหน้านิ่ง เหลือบจ้องท่านประธานที่เริ่มจะให้ความสนใจกับบทสนทนา

พอถูกรู้ทันว่ากำลังจ้องรอโอกาสฮิจิริคาวะก็ไม่รีรอที่จะพุ่งตัวเข้าหาหมายจะแย่งโทรศัพท์จากมืออีกคนมาให้ได้อย่างรวดเร็ว..แต่ก็ไวได้ไม่เท่าสายลับมืออาชีพ สองแขนถูกรวบล็อคให้ไพล่หลังไว้ด้วยเพียงมือเดียว ด้วยสภาพตัวเขาในตอนนี้เป็นการยากที่จะพยายามดิ้นให้หลุด

เดี๋ยวก่อน..
เขาไม่จำเป็นจะต้องแย่งมือถือมาคุยเองอย่างเดียวนี่..

               ช่วยด้วย!ฮิจิริคาวะตะโกนออกมาสุดเสียงหวังจะให้ดังมากพอจนปลายสายได้ยิน

คามิวเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึงว่าจะมาไม้นี่ แต่ไม่ใช่ว่าจะแก้เกมไม่ได้เสียทีเดียว

               สักครู่นะครับโทรศัพท์ถูกวางให้หนีบไว้ระหว่างใบหูกับหัวไหล่ ฝ่ามือรีบเอื้อมไปตะครุบปากที่กำลังจะส่งเสียงดังให้ปิดสนิท เคลื่อนเอวเข้าหาอีกครั้งหมายให้ร่างที่นอนดิ้นอยู่สิ้นฤทธิ์ ชายหนุ่มกลั้นเสียงครางไว้ในลำคอกันไม่ให้หลุดออกดังเข้าไปในโทรศัพท์

               พอดีว่าท่านประธานกำลังติดธุระด่วนอยู่น่ะครับ หากจะฝากเรื่องไว้ที่ผมแทนจะสะดวกหรือเปล่าครับคามิวโน้มตัวลงเข้าชิดร่างตรงหน้า จงใจเอ่ยพูดด้วยโทนเสียงแบบเดียวกับช่วงที่ยังคงทำงานอยู่ในออฟฟิศ สังเกตเห็นสีระเรื่อที่ซึ่งลามจนแดงไปทั้งใบหู

               ได้ครับ.. แล้วทางเราจะติดต่อกลับไปครับเสียงหอบครางต่ำดังออกมาหลังจากที่ปลายสายได้กดวางหูไปแล้ว มือถือที่ถูกแนบไว้ร่วงตกลงบนเตียงนุ่มเมื่อลำคอเอียงให้กลับมาตั้งตรงตามเดิม คามิวแลบลิ้นเลียริมฝีปากพลางเร่งจังหวะขยับกายให้เร็วขึ้นจนสปริงที่รับน้ำหนักของคนทั้งสองส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด

นิ้วยาวสอดไปยังรอยแยกของกลีบปากให้เผลอออก ในทีแรกฮิจิริคาวะหมายที่จะกัดให้เสียเลือดซึมแต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง


ทั้งๆที่คนๆนี้..ทำร้ายเขามากมายขนาดนี้แท้ๆๆ

สัมผัสอุ่นของหยดน้ำตาร่วงแปะลงบนหลังมือ คามิวหยุดชะงักแทบจะทันที คนผมบลอนซ์ชะเง้อจ้องหน้าที่พยายามซุกหลบ ผละฝ่ามือที่กุมปากนั่นออกมาก่อนจะจับเชยคางดันขึ้นมองให้มองเห็นได้เต็มตา

               ...ย..อย่ามองผม..ในตอนนี้เลยนะครับฮิจิริคาวะเอ่ยด้วยเสียงสั่นๆพร้อมทั้งเลื่อนแขนตามมาบังใบหน้า เพราะเท่านี้เขาก็รู้สึกสมเพชตัวเองมากเกินพอแล้ว

คนใจร้ายน่ะหรือจะยอมฟัง คามิวคว้าข้อมือกดให้แนบลงกับเตียงเลื่อนหน้าตามเข้าประชิดจ้องเพ่งมองดวงหน้าซึ่งอาบน้ำตาใส

               ข้าห้ามเห็นแต่จินงูจิเห็นได้อย่างนั้นสิ?ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่ต้องการที่จะประชด คามิวไม่ได้รอให้อีกฝ่ายแก้ต่างจึงเอ่ยต่อเพื่อตัดบท

               แต่ถึงกระนั้นเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์จะมาห้ามไม่ให้ข้าทำอะไรทั้งนั้น เพราะหากข้าต้องการข้าก็จะทำ!” สองมือคว้าสะโพกจับให้มั่นโถมกายเข้าใส่ด้วยอารมณ์รุนแรง

แน่นอนว่าไร้ซึ่งความอ่อนโยนในสัมผัสที่ถูกมอบให้ เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ขืนบังคับ เอาแต่ใจ ซึ่งแตกต่างกับสัมผัสของจินงูจิโดยสิ้นเชิง แม้จะเป็นเช่นนั้นแล้ว..ล้วนทำให้เขารู้สึกดี..ถึงจะดีในคนละแบบก็ตาม


นั่นล่ะ..คือสิ่งที่ทำให้เขายิ่งฉงนใจ


กับคนหนึ่งที่มีความรู้สึกให้..แต่เต็มไปด้วยความร้ายกาจ

ส่วนอีกคนที่ไม่อยากแม้แต่จะผูกมิตรด้วย..กลับมอบคำหวานช่วยปลอบโยน



               ฮ-..ฮะ..!!” ฮิจิริคาวะกระตุกเกร็งตัวเรียวขาอ่อนล้าพับลงอย่างหมดแรง ใบหน้าแดงก่ำยามรู้สึกถึงความอุ่นที่ปลดปล่อยภายในกาย


ชายหนุ่มฟุบหน้าลงกับเตียงหอบหายใจถี่ ความอึดอัดถูกถอดถอนออกไปแล้ว ลมเย็นปะทะเข้าที่แผ่นหลังเปลือยหลังจากร่างของคามิวลุกออกไปจากเตียงทิ้งให้ฮิจิริคาวะนอนอยู่คนเดียวโดยไม่ได้เอ่ยคำลาใด


เขาเอง..ก็ไม่กล้าที่จะเงยมองตามอีกคน กลัวเหลือเกินที่จะต้องเห็นสายตาที่มองมาด้วยความเวทนานั่นอีก





แบบนี้แหละ..ดีที่สุดแล้ว



เพราะอย่างน้อย..ผมก็ได้รู้ถึง..ตัวตนที่แท้จริงของคุณ





-END-

8.15.2558

[AU Fic Utapri] ♥Kill game♠ [Ren x Masato x Camus] [3]

Fan-fiction Utapri

Title :
 
Kill game
Pairing(?) : Ren x Masato x Camus
Warning : 3P!! , AU, อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจอะไรทั้งสิ้น
Rate : 15+

Note : ย้ำอีกครั้งแฟนฟิคนี้อิงธีมจาก Joker trap และ 3P
ตอนเก่า : [1] [2]


Ch.3


               ผ้าห่มผืนหนาถูกใช้ห่อตัวคนที่นอนขดจนกลายเป็นก้อนกลมอยู่บนเตียง แม้แสงแดดจะส่องบ่งบอกถึงยามสายร่างนั่นก็ยังคงอยู่นิ่งไม่คิดที่จะขยับกาย ไม่ใช่เพราะยังคงหลับอยู่เพราะนัยต์ตาคู่อเมทิสต์นั้นยังลืมขึ้นมองเหม่อไปยังกำแพงโล่ง เขาไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ตนเองจ้องกำแพงเปล่าอยู่แบบนี้ เขาไม่รู้ว่าหมอนั่นลุกออกไปตั้งแต่ตอนไหน สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของเขาคือภาพของเหตุการณ์เมื่อคืน เด่นชัดทุกรายละเอียด จำจดทุกสิ่งได้เป็นอย่างดี ดีเกินไปจนตัวเขาเองนึกอยากจะให้มันเป็นเพียงความฝัน

แต่ทั้งความล้า ความปวดเมื่อย หรือแม้กระทั่ง..ร่องรอยบนผิวพวกนี้..เป็นสิ่งที่ย้ำว่ามันคือเรื่องจริง

ครั้งนี้...กล่าวโทษใครไม่ได้ทั้งนั้น

เพราะหมอนั่น..ไม่ได้บังคับขืนใจอะไรเขา

มีแต่เขาที่เป็นฝ่ายตอบรับ..และยอมใช้หมอนั่นเป็นตัวแทน..

ยิ่งคิดถึงความรู้สึกผิดก็ยิ่งโถมเข้าใส่

ใบหน้าขาวชาจนไร้ความรู้สึกไม่อาจทราบได้แน่ชัดว่าเป็นเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่ปะทะผิวหน้า หรือเพราะความรู้สึกอับอายต่อเรื่องเมื่อคืนกันแน่ ขอบตาแดงร้อนผ่าวรื้นด้วยหยาดน้ำตาใส ริมฝีปากซีดเม้มแน่นฝืนกลั้นไม่ให้สะอื้นร้องออกมา


เสียงบานประตูถูกแง้มเปิดตามมาด้วยเสียงของฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาข้างในห้อง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ร่างของชายหนุ่มหันไปมอง เงายาวทอดผ่านมาบนเตียงนอนทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมาหยุดยืนจ้องเขาอยู่ ฮิจิริคาวะนอนนิ่งอยู่เช่นนั้นและคิดว่าผู้มาเยือนคงจะเป็นจินงูจิเลยไม่ได้สนใจอะไร สองมือดึงผ้าขึ้นมาเพื่อคลุมปิดหน้าโผล่พ้นออกมาเพียงเส้นผมสีน้ำเงิน เขาไม่ต้องการให้ใครมาเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอยู่ในตอนนี้

               หึ..

โทนเสียงทุ้มนั่นไม่ใช่เสียงของจินงูจิ ฮิจิริคาวะรีบพลิกตัวหันไปหาเจ้าของเสียง ดวงตาเบิกกว้างยามที่เห็นใบหน้าของอีกคน
คุณคามิว.. เขานิ่งอึ้งในทันทีแม้กระทั่งลมหายใจก็ต้องหยุดตามไปด้วย

บุคคลที่เขาไม่พร้อมที่จะเจอหน้ามากที่สุดกำลังยืนจ้องมองมาทางเขาอยู่ในตอนนี้

ชายเรือนผมสีบลอนซ์หรี่ตาจ้องมาทางเขาพร้อมทั้งขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าของฮิจิริคาวะสลดลงในทันทีแล้วรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาบังหน้าของตนอีกรอบเพื่อหลบหน้า

               ยังอยู่อีกรึ?หนุ่มร่างโปร่งเอ่ยขึ้น น้ำเสียงนั่นบอกไม่ได้ว่ากำลังเย้ยหยันหรือเป็นเสียงแบบเฉพาะตัว

ฮิจิริคาวะกลืนน้ำลายเหนียวลงสู่ลำคอที่แห้งผาก เคลื่อนตาหลบลงล่างขยับปากซีดเอ่ยตอบ

               ถ้าหนีออกไปได้..ผมก็คงไม่ทนอยู่ที่นี่หรอกครับเค้นออกมาได้เพียงเสียงที่แผ่วเบา

               ถ้าเจ้าตอบในสิ่งที่ข้าต้องการก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แต่แรกหรอกเอ่ยย้ำถึงต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด สายตาคู่ที่จับจ้องมาไม่ใช่เพียงสีเท่านั้นที่เหมือนน้ำแข็ง..แต่ทำให้ผู้ถูกมองรู้สึกถึงความเยือกเย็นไปด้วยได้

               ผมตอบไปแล้วครับกระนั้นแล้วเขาก็ยังคงยืนกรานในคำตอบเดิม

               ว่าไม่รู้น่ะรึ? หึ..นั่นไม่ใช่คำตอบที่ข้าต้องการคามิวยังคงปฏิเสธที่จะเชื่อคำกล่าวนั่น

               “แต่นั่นเป็นคำตอบเดียวที่ผมจะให้ได้ครับ ถ้าจะให้พูดอย่างอื่น..มันคงจะเป็นการหลอกลวง’” เขาจงใจที่จะเน้นในคำสุดท้ายซึ่งสื่อถึงอีกฝ่าย

คามิวที่ได้ยินเหมือนจะนิ่งไปชั่วครู่แต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาให้เห็นได้ชัดนัก

               รู้แบบนี้แล้วจะช่วยปล่อยผมออกไปได้หรือเปล่าครับ?ฮิจิริคาวะใช้แขนค้ำยันร่างให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขยิบตัวให้หันไปหาอีกคน ผืนผ้าห่มที่คลุมร่างเลื่อนลงมากองปิดอยู่เฉพาะที่หน้าขา

อความารีนเหลือบจ้องเห็นรอยแดงจ้ำที่ตามผิวขาวถึงกับต้องชะงักไป

ฮิจิริคาวะเห็นท่าทีนั่นก็รู้สึกแปลกใจจนจับสายตาที่ต้องมายังลำตัวของตนได้ก็ทำให้เริ่มรู้สึกตัว ชายหนุ่มก้มลงมองไปตามเนื้อตัวของตนก็พบว่าเต็มไปด้วยร่องรอยทั่วร่างจึงรีบยกผ้าขึ้นมาคลุมตัวแทบไม่ทัน

               เจ้านั่น.. คามิวส่งเสียงพึมพำก่อนที่จะพยายามเบนสายตาหลบพร้อมทั้งกัดฟันเล็กน้อย

ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมระห่างพวกเราทั้งสองคน ฮิจิริคาวะช้อนสายตาขึ้นจ้องอย่างกล้าๆกลัวๆแล้วตัดสินใจเอ่ยถาม

               คุณมาที่นี่..วันนี้ เพื่อจะมาผลัดกับจินงูจิสินะครับ?เสียงแผ่วเบาจนเอ่ยขาดช่วง ใจจริงก็รู้อยู่แล้วว่าการที่คนตรงหน้ามาที่นี่ไม่ใช่เพราะต้องการมาหาเขาแต่อย่างใด แต่เพื่อที่จะมาเฝ้าไม่ให้นักโทษเช่นเขาหนีไปไหนได้ต่างหาก

ทว่าคนซื่อที่เอ่ยประโยคนั้นก็ไม่อาจทราบได้ว่ามันสามารถตีความได้อีกแง่เช่นกัน..

               นี่เจ้า! อย่าได้บังอาจเอาข้าไปเทียบกับเจ้าไพร่นั่น เรื่องพรรค์นั้นน่ะ..ข้า...-คนที่ตีความหมายไปอีกทางเผลอหลุดขึ้นเสียงใส่อย่างลืมตัว

               ?..แปลว่าคุณจะปล่อยผมไปหรือครับ!” คนซื่อยิ่งตีความต่อไปกันใหญ่ แววตาคู่ที่ฉายแววหม่นเมื่อครู่มีประกายความหวังขึ้นมา

เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? คามิวขมวดคิ้วเป็นปมจ้องอย่างไม่เข้าใจ

ก็คุณบอกว่าไม่ได้มาที่นี่เพื่อแลกเวรเฝ้าผมฮิจิริคาวะเริ่มจะรู้สึกว่าประกายของความหวังในดวงตาของตนเริ่มจะเลือนลางลงเมื่อเห็นสีหน้าตึงของอีกฝ่าย

คามิวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มทำความเข้าใจใหม่อีกรอบ

...เจ้าหมายถึงเรื่องผลัดเวรอยู่หรอกรึ?

เขากะพริบตาปริบมองอย่างสงสัยว่าตัวเองพูดอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไปอย่างนั้นหรือ?

               ข้ามาเพื่อดูให้แน่ว่าเจ้ายังไม่ได้หนีไปไหนและต้องมาคอยเฝ้าต่างหาก ฉะนั้นเรื่องปล่อยตัวอะไรนั่นเลิกคิดไปเสีย

เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของเขาก็สลดลง

               ทำสีหน้าเช่นนั้น ผิดหวังรึไงที่ข้าไม่ใช่จินงูจิ?ถามเพียงส่งๆไม่ได้คาดหวังคำตอบเท่าไรนัก

               ไม่ใช่หรอกครับ..ชายหนุ่มพึมพำตอบกลับไปแต่เว้นช่วงไว้เล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นใคร..ก็ไม่ได้น่าดีใจกว่ากันเลยสักนิดหลบสายตาเศร้านั่นลงพลางเม้มปากแน่น

ใช่แล้ว..หากให้เลือกระหว่างจินงูจิกับคุณคามิว..ขอเลือกที่จะไม่เจอหน้าเลยสักคนคงทำให้เขารู้สึกแย่น้อยกว่าที่เป็นอยู่ หนึ่งคือผู้ที่เห็นเขาเป็นแค่ของเล่นคอยปั่นหัว ส่วนอีกคนที่เขาเคยคิดว่ารู้จักกันดีซึ่งกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่มีแต่คำว่าการหลอกลวงหลงเหลืออยู่ให้เจ็บช้ำ

ความอึมครึมเริ่มเข้ามาปกคลุมอีกครา เงียบเชียบเสียจนทำให้เขาได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัว เพิ่งจะรู้ตัวเหมือนกันว่าใจของตนกำลังเต้นเร็วมากถึงขนาดนี้ ใช่ว่าเป็นความรู้สึกตื้นตันและยินดีที่ได้พบหน้าอีกฝ่าย หากแท้จริงแล้วหัวใจดวงนี้เต้นแรงเสียจนทำให้รู้สึกเจ็บในทรวงอก ฮิจิริคาวะแอบจิกนิ้วลงขยุ้มผ้าปูเตียงระบายความอึดอัดที่กำลังก่อตัว


               เจ้าควรรีบไปล้างเนื้อล้างตัวเสียเป็นเสียงทุ้มของคามิวที่เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ไม่ใช่เฉพาะคนบนเตียงหรอกที่รู้สึกได้ถึงควมอึดอัดที่คุกครุ่นอยู่นี้ ชายผมยาวที่เริ่มรำคาญบรรยากาศพูดเพียงเพื่อหาเรื่องเปลี่ยนไปยังประเด็นอื่นแทน

เขาพยักหน้ารับคำพร้อมทั้งดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดร่างเปลือยแล้วลุกขึ้นจากเตียง เมื่อสองขาก้าวลงยืนบนพื้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าร่างกายนี้อ่อนล้าเกินจะประคองร่างตนให้ยืนไหวได้ แม้จะขยับเคลื่อนไหวได้ไม่ราบลื่นนักก็ต้องจำฝืนทนเดินให้ดูเหมือนเป็นปกติดี

ทว่าผืนผ้าห่มนั้นไม่ได้ยาวมากพอที่จะปกปิดได้ทั้งหมด นัยน์ตาที่จ้องตามหลังของผู้ที่เดินผ่านหน้าตนไปนั่นหรี่ลงมองรอยบนต้นขาอย่างชั่งใจ ยิ่งได้เห็นอากัปกิริยาการเดินที่คล้ายจะเอนล้มลงได้ทุกเมื่อนั้นก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในใจ กะเผลกเดินอย่างเชื่องช้าจนได้เห็นของเหลวสีขุ่นไหลมาตามเรียวขาเพียงจินตนการถึงต้นทางที่มาแล้วก็ทำให้หมดซึ่งความอดทน คามิวที่ทนเห็นสภาพนั้นของฮิจิริคาวะไม่ไหวจึงรีบเข้าไปกระชากผ้าห่มออกก่อนจะลากเข้าไปในห้องน้ำ

               ค..คุณคามิว!? จะทำอะไรน่ะครับ!!” เขาเบิกตากว้างร้องเสียงหลง ไม่ทันจะได้คำตอบก็ถูกพลิกตัวให้หันหน้าเข้าหากำแพง

ฝักบัวถูกหมุนเปิดแล้วหันมาฉีดน้ำใส่ สายน้ำเย็นปะทะผิวกายจนเจ้าตัวต้องสะดุ้ง ฮิจิริคาวะพยายามพูดห้ามแต่อีกคนไม่ฟังแถมยังเลื่อนลงมาไล่ฉีดที่ต้นขาเสียอีก

               “!!” ใบหน้าขึ้นสีแดงจัดเพราะรู้สึกอับอาย ขาทั้งสองข้างรีบหุบเข้าหากันเพราะไม่อยากให้เห็นคราบที่แห้งกรังนั่น

               ผ-ผมจัดการเองได้ครับเขาพยายามบอกและดึงสายของฝักบัวมา ทั้งร่างเริ่มจะสั่นน้อยๆน่าจะเป็นเพราะความเย็นของน้ำ

               ชักช้าคามิวพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังไม่พอใจเท่าไหร่นักก่อนจะเลื่อนมือลงไปเพื่อจับขาทั้งสองของฮิจิริคาวะให้แยกออกจากกัน

               คุณคามิว...พอเถอะนะครับ..นอกจากใบหน้าที่จะแดงกว่าเก่าแล้วเขาก็รู้สึกถึงน้ำตาที่เริ่มคลอขึ้นมา สภาพแบบนี้ไม่ต้องการให้ใครได้เห็นทั้งนั้น..ยิ่งเป็นคนๆนี้แล้วล่ะก็..

อะ..!” ร่างต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้งเนื่องจากสัมผัสที่แตะลงบนผิวกาย ปลายนิ้วยาวเลื่อนมาตามซอกขาและพยายามแทรกเข้ามาเพื่อกวาดคราบที่ยังคงคั่งค้างอยู่ภายใน ยามที่ไล่วนร่างก็รู้สึกอ่อนยวบลงทันที ไม่แน่ใจว่าตนหูแว่วไปเองหรือไม่แน่เหมือนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังมาจากอีกฝ่าย

พ..พอเถอะครับ ผม..จัดการเองได้เสียงเริ่มสั่นนิดๆ ฝ่ามือขาวเลื่อนลงมาเพื่อบังช่องทางข้างหลังไว้

 ในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมผละมือออกไป ฮิจิริคาวะรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดๆ เขารับฝักบัวมาถือไว้แล้วรอให้อีกคนออกไปข้างนอกจะได้จัดการต่อให้เสร็จเสียที แต่ว่าคามิวยังคงยืนอยู่ที่เดิม

               “?..ไม่ออกไปรอ..ข้างนอกหรือครับ?เหงื่อเริ่มซึมขึ้นมาตามไรผม อีกฝ่ายยังคงจ้องเขาไม่วางตา

               ทำไมงั้นรึ? ข้าจะต้องเฝ้าเจ้าตลอดทุกเวลา รีบเข้าเสียเวลาคามิวเอ่ยแล้วยกแขนขึ้นกอดอก

               ...ย-..อย่างน้อยก็ช่วย..หันหลังไป..จะได้หรือเปล่าครับเรื่องเปลือยกายไม่ใช่ต้นเหตุที่ต้องเคอะเขิน แต่เป็นเพราะสิ่งที่ตนจะต้องจัดการนั่นจะให้คนอื่นมายืนมองก็ใช่ที่..

               หึ..เรื่องมากเสียจริงแม้จะเอ่ยบ่นแต่ชายหนุ่มก็ยอมหันไปอีกทางตามที่บอก

เมื่อเห็นดังนั้นแล้วฮิจิริคาวะก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและลงมือทำความสะอาดร่างกายตัวเองต่อ แต่ก่อนหน้านั้นเขาเอื้อมมือไปปรับอุณหภูมิน้ำให้อุ่นขึ้นแล้วค่อยมาฉีดล้างที่ต้นขาเพื่อชำระคราบออกไป แต่ไม่ว่าจะล้างออกไปเท่าไหร่..ที่ค้างอยู่ข้างในก็ยังคงไหลย้อนออกมาเลอะอีกอยู่ดี ยืนลังเลอยู่พักใหญ่แล้วสูดหายใจลึก นิ้วเรียวค่อยๆดันเข้าไปตามแบบที่อีกคนทำให้ ริมฝีปากเม้มแน่นแต่ก็ยังหลุดเล็ดลอดเสียงประหลาดออกมาได้อยู่ดี

               อึก..หลับตาลงแน่นแล้วเพิ่มจำนวนเป็นสองนิ้วก่อนจะแยกปลายนิ้วออกจากกันให้ของเหลวนั่นไหลออกมาได้ง่ายขึ้น

               ฮิจิริคาวะ..เจ้า...รีบๆจัดการเสีย! ชักช้าจริง!!” ผู้ที่ยืนรอเริ่มจะรู้สึกกระสับส่ายจนต้องเอ่ยเร่ง

               ค..ครับ!” เขาสะดุ้งเมื่อได้ยินน้ำเสียงดุนั่น พอเร่งมือเพื่อที่จะได้เสร็จไวขึ้นแล้วข้างในกลับรู้สึกแปลกๆขึ้นมา ใบหน้าเริ่มที่จะขึ้นสีแดงจางก่อนจะหลุดเสียงครางออกมา

               อา..ส..เสร็จแล้วครับเขาผละมือออกมาก่อนจะเอนพิงผนังห้องน้ำหอบอย่างหมดแรง

ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายนี้เริ่มอ่อนแรงลงหรือเปล่าจนทำให้เขาตาพร่ามัวเห็นใบหน้าของคุณคามิวมีสีแดง ..คงจะเบลอไปเองจริงๆเพราะคิ้วคู่นั้นยังคงขมวดบึ้งตึงอยู่เช่นเดิม

เมื่อพอหยุดหอบแล้วเขาก็หันซ้ายหันขวาเพื่อที่จะมองหาผ้าเช็ดตัว แต่เหมือนจะไม่มีทิ้งไว้ให้เสียนี่

               เอ่อ..จะให้ผมออกไปทั้งๆแบบนี้เลยหรือครับเขาเอ่ยพูดด้วยเสียงอ่อนเพราะกลัวจะถูกดุกลับมา และก็เกรงว่าหากออกไปทั้งแบบนี้ตนจะทำพื้นห้องเปียกได้

               แล้วทำไมเจ้าถึงออกไปไม่ได้กัน?ถามคล้ายจะรำคาญ

               ก็...ไม่มีผ้าขนหนู..น่ะสิครับแถมเสื้อผ้าตัวเดิมก็เลอะไปด้วย..อะไรก็ตามที่เขาไม่อยากจะนึกถึงมัน

               ยุ่งยากเสียจริงคามิวบ่นก่อนที่จะเดินออกไป

ในทีแรกเขาก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะรำคาญเขาเลยรีบเดินออกไปก่อนเพราะไม่อยากทนรอแล้ว แต่ทว่าเจ้าตัวกลับเดินกลับเข้ามาพร้อมกับโยนเสื้อคลุมมาทางเขา

               ?เขารีบรับไว้ก่อนจะเงยมองทำสีหน้างงใส่

               เจ้าสวมนี่ไปก่อนก็แล้วกันคามิวเอ่ยแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำอีกครั้ง

               ข-ขอบคุณครับฮิจิริคาวะรีบสวมเสื้อคลุมที่ได้รับมาทันทีแล้วเดินตามออกไป

แต่เสื้อนี่ก็ไม่ได้ช่วยซับน้ำบนร่างได้มากนักเพียงช่วยปกปิดร่างกายส่วนบนและเลยลงมาคลุมสะโพกเล็กน้อย ตลอดทางที่เดินก็เปียกเป็นรอยเท้าของเขา ฮิจิริคาวะเดินตามหลังของอีกคนไปเรื่อยๆแต่แล้วคนตรงหน้ากลับหยุดเดินอย่างกระทันหันจนทำให้เขาชนเข้าเต็มๆ

               “!!” เขาเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

               นี่เจ้า!” คามิวหันกลับมาทำเสียงดุใส่

               ข..ขอโทษครับ!” และนั่นก็ทำให้เขาตกใจจนพูดขอโทษแล้วรีบโค้งแบบลืมตัว

               หึ..คามิวส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงไม่ค่อยพอใจ ร่างโปร่งเดินตรงไปนั่งบนโซฟาปล่อยให้ชายหนุ่มตัวชื้นยืนอยู่ที่เดิม

ฮิจิริคาวะหันหลังกลับไปมองตามทางที่เดินผ่านก็พบว่าเปียกไปด้วยน้ำหยดที่มาจากตัวจึงเดินไปหาผ้ามาเช็ด

นัยน์ตาสีน้ำแข็งเสมองไปทางอื่นทำทีเป็นไม่สนใจทั้งที่ความจริงแล้วข้างในใจตนเองตอนนี้เต็มไปความรู้สึกกระอักกระอ่วนชวนสับสน แต่พอฮิจิริคาวะเดินกลับมาก็ต้องเผลอเหล่มองตาม ร่างของชายหนุ่มในเสื้อคลุมย่อตัวลงไล่เช็ดพื้นในท่าคลาน ยามเอื้อมจนสุดแขนชายเสื้อคลุมก็เลิกขึ้นจนสามารถมองลอดผ่านได้ คามิวรีบเบนสายตาหลบก่อนจะกุมขมับตัวเอง พยายามที่จะตั้งสติตนไม่ให้คิดอะไรประหลาดไปมากกว่านี้ สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะลุกไปชงชาสักถ้วยเผื่อจะช่วยหยุดอารมณ์ฟุ้งซ่านได้บ้าง

               ?ฮิจิริคาวะมองตามผู้ที่เดินผ่านตนไปทางครัว จะว่าไปแล้วเขาก็ยังไม่ได้ทานอะไรเป็นมื้อเช้าเลย ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาแล้วเสียด้วย

พอจะเดินเข้าไปด้านในอีกฝ่ายก็เดินส่วนออกมาเสียก่อน ชายหนุ่มเหลือบมองในมือทั้งสองก็เห็นว่าคุณคามิวนั้นถือแก้วน้ำร้อนใส่ถุงชามาพร้อมกับโหลน้ำตาลก้อน ในใจวูบขึ้นมาเล็กน้อยเพราะนั่นทำให้เขาหวนนึกไปถึงช่วงที่เคยอยู่ในออฟฟิศด้วยกัน นัยน์ตาฉายแววเศร้าลงเขาไม่อยากจะนึกถึงเรื่องในอดีตจึงเดินหลบเข้าไปนั่งคนเดียวในครัวแทน

เสียงน้ำตาลก้อนถูกหย่อนลงในถ้วยดังแว่วมาให้ได้ยินจนต้องเผลอนับตาม จำนวนนั้นไม่ใช่แค่สองหรือสาม..แต่เป็นสิบซึ่งน่าจะหวานมากจนต้องสำลักหากดื่มไปอย่างไม่รู้ตัวในครั้งแรก และตามมาด้วยเสียงช้อนคนที่ขูดน้ำตาลก้อนที่มากพอจะทำให้ชาล้นถ้วย ริมฝีปากขยับยิ้มบางยามที่นั่งฟังเสียงนั่น

               อย่างน้อย..นี่ก็ยังเป็นตัวตนจริงๆของคุณสินะเขาพึมพำเบาๆ

มัวแต่นั่งคิดจนลืมหิวไปเสียสนิท ขณะที่จะลุกขึ้นเพื่อไปเตรียมอาหารนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะบอกเจ้าของห้องก่อนที่จะลงมือทำอาหาร แม้ว่าวันก่อนเขาจะทำไปแล้วครั้งนึงก็เถอะ

ฮิจิริคาวะเดินออกจากจากครัวแล้วตรงไปยังโซฟา อีกฝ่ายเงยขึ้นมามองเขาครู่หนึ่งก่อนจะยกชาขึ้นดื่มต่อเหมือนไม่ได้ใส่ใจว่าเขาจะเดินมาหาหรือจะทำอะไร

               เอ่อ..แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยถามกลับเป็นฝ่ายที่ต้องถูกถามเสียเอง

               เจ้านั่น... ทุกครั้งเลยรึคนถามไม่ได้หันมอง

               ??เขาไม่เข้าใจในคำถามนั่นเลยได้แต่ทำสีหน้างงกลับไป

คามิวถอนหายใจยาวแล้ววางถ้วยชาลง ดวงตาตวัดมาจ้องอย่างจริงจังจนเขาต้องเผลอสะดุ้ง

               เจ้าจินงูจิ ทำเรื่องพรรค์นั้นกับเจ้าตลอดเวลาที่อยู่เลยอย่างนั้นรึ?สุดท้ายก็เอ่ยถามด้วยคำถามแบบตรงๆเพื่อที่จะให้ได้เข้าใจ

แต่แล้วมันก็ออกจะตรงเกินไปหน่อยจนคนได้ฟังต้องหน้าขึ้นสี ฮิจิริคาวะส่งเสียงอึกอักเหมือนไม่กล้าจะพูดตอบ แต่เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงรอฟังก็ยอมที่จะเปิดปากออกมา

               ก็..พอนึกถึงคืนก่อนแล้วก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงัก แม้จินงูจิจะรับปากว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ แต่คำสัญญาจากคนกะล่อนเช่นนั้นใช่ว่าจะเชื่อถือได้ไปตลอด สักวัน..หากคุณคามิวรู้เรื่องนี้ขึ้นมาล่ะก็.. ริมฝีปากเม้มแน่นแล้วเลือกที่จะเงียบอยู่แบบนั้น

               หึ..นิสัยน่ารังเกียจของเจ้านั่นคามิวบ่นถึงจินงูจิอย่างไม่ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่นัก

คำว่าน่ารังเกียจกระทบใจ แววตาอเมทิสต์สั่นไหวเคลื่อนหลบตาลง

               ถ้าเป็น..คุณคามิว..ล่ะก็..” เขาพูดเสียงเบาแล้วเว้นช่วงไว้

ผู้ถูกกล่าวถึงเลิกคิ้วอย่างสงสัย

               คงจะมีเหตุผลที่ต้องทำ..ส่วนจินงูจิ..ก็แค่เพราะอยากจะปั่นหัวผมเล่นเท่านั้นเอ่ยออกมาพลางรู้สึกคับแค้นใจที่เผลอหลงกลของหมอนั่น สองมือกำชายเสื้อแน่น

               แต่ถึงจะคาดคั้นยังไง ผมก็ให้ได้แต่คำตอบเดิมนั่นแหละครับ..ไม่ว่าคุณจะลงมือทำร้ายทรมานผมด้วยวิธีไหนก็เถอะเขาเงยหน้าขึ้นจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาที่แสดงถึงความแน่วแน่ในสิ่งที่พูด ทว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบทำเหมือนไม่ได้สนใจจะฟัง

               จะลองพิสูจน์ดูก็ได้นะครับ ยังมีวิธีอื่น..ที่คุณคามิวยังไม่ได้ลองใช่หรือเปล่าล่ะครับน้ำเสียงสั่นยามนึกถึงเสียงฟาดแส้หนังในคืนแรกที่ถูกพาตัวมา

               เจ้ากำลังท้าทายข้าอยู่อย่างนั้นรึ?ตวัดสายตาจ้องจนทำให้ต้องรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ

               ป-..เปล่าครับ ผม..แค่อยากจะพิสูจน์ให้พวกคุณยอมเชื่อสักทีฮิจิริคาวะเอ่ยแล้วหลับตาลงแน่น

เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ทำให้ร่างสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดจะหลบหรืออยู่เฉยๆอีกต่อไปแล้ว เขารู้สึกถึงร่างที่มายืนอยู่ตรงหน้าและเตรียมใจที่จะรับความเจ็บปวดจากการถูกทำร้าย เพราะอย่างน้อย..จะได้ตัดใจจากอีกฝ่ายได้เสียที

เสื้อคลุมตัวใหญ่ถูกแหวกออกเผยไหล่ทั้งสองข้าง แม้จะปิดตาไว้แต่ใบหน้าติดสีแดงจางก็เบือนหลบไปเองด้วยความเขินอาย รอยพวกนั้นยังคงเด่นชัดและสร้างความไม่พอใจขึ้นมาให้แก่ผู้ที่จดจ้องอยู่ มือคู่ที่กำลังจะร่นเสื้อลงต้องชะงักหยุด

               ...จะไม่ลงมือหรือครับ..?เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นเงียบไปจึงถามขึ้น

คามิวขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผละมืออกจากร่างของฮิจิริคาวะแล้วเดินห่างออกมา ชายหนุ่มมองนั้นเงยหน้าที่ก้มหลบขึ้นมองอย่างสงสัยทว่าอีกฝ่ายนั้นกลับเดินหลบไปทางอื่นแทน เมื่อเห็นดังนั้นแล้วเขาจึงรีบจัดเสื้อคลุมสวมให้เรียบร้อยตามเดิม

               กับจินงูจิ..เจ้าก็ไม่ปฏิเสธเช่นนี้หรอกรึ?แว่วดังมาด้วยน้ำเสียงคล้ายโกรธ..

ได้ยินแบบนั้นแล้วสีหน้าของฮิจิริคาวะก็ต้องสลดลงอีกครั้ง

รังเกียจ..สินะ

ริมฝีปากขยับยิ้มเหยียดให้กับตัวเอง เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั่น

               ทำไมเจ้าถึงไม่ตอบข้า?ยิ่งเห็นอาการเงียบนั่นแล้วก็ยิ่งต้องการที่จะได้รับคำตอบจากปาก

               คงจะน่ารังเกียจมากสินะครับ..สำหรับคุณคามิวฮิจิริคาวะเอ่ยเบาๆคล้ายจะเป็นการย้ำกับตัวเองเสียมากกว่า ยังไงเสียนั่นก็ไม่ใช่คำตอบที่น่าพอใจนักสำหรับผู้ที่รอฟัง

               เจ้าตอบไม่ตรงคำถามข้าคามิวยังคงพยายามที่จะเค้นคำตอบให้ได้ถึงแม้ว่าจากอาการของฮิจิริคาวะนั่นจะฟ้องออกมาหมดแล้วก็ตามที

               ถ้าไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้วผมขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะครับใช่..เขาต้องการที่จะเลี่ยงตอบคำถามนั่น และเขาเองก็ไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้นานกว่านี้อีกแล้ว

ไม่อยากที่จะต้องทนได้ยินเสียงและเห็นสายตาเหยียดหยามมากไปกว่านี้

สองมือกำชับเสื้อคลุมแน่นก้าวขาสั่นๆเดินไปทางห้องนอน บานประตูถูกดันเปิดเข้าไป ยังไม่ทันจะได้ปิดแผ่นหลังกว้างก็รีบเข้ามาดันไว้เสียก่อน ฮิจิริคาวะมองผู้ที่ยืนขวางประตูด้วยความรู้สึกสับสน

ทำไมคุณคามิวจะต้องคาดคั้นเรื่องนี้กับเขามากถึงขนาดนี้กัน?

               ข้ายังไม่หมดธุระกับเจ้าน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาคราวนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่มีทางลดละจนกว่าจะได้คำตอบ

               ผม..ไม่ต้องการจะพูดถึงเขาเองก็ยังคงยืนกรานที่จะไม่ขอตอบ แค่นี้ก็รู้สึกเจ็บช้ำใจตัวเองมาเกินพอแล้ว หากจะต้องพูดย้ำออกมาจากปากตัวเองซ้ำอีกครั้ง..มันเกินที่จะทนกับหวนนึกถึงการกระทำน่าอัปยศนั้น

หรือนั่นคือสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการกันแน่..ต้องการให้เขารู้สึกเจ็บปวดเพื่อจะได้มองด้วยสายตาสมเพชใส่กัน

แต่คุณคามิวคงไม่..
อ่า.. ไม่สิ เขาไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคนๆนี้อย่างที่คิด คนหลอกลวงคนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับจินงูจิ

               แต่ข้าต้องการจะรู้เริ่มจะกลายเป็นประโยคคำสั่ง

               “ถึงคุณจะรู้ไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกค-..ไม่ทันที่จะได้เถียงกลับก็ถูกแทรกขึ้นด้วยเสียงแข็งกร้าว

               ข้ากำลังสั่งเจ้าให้ตอบ! อย่าริมาต่อปากต่อคำกับข้าเจ้าไพร่!!” คามิวตวาดลั่นใส่ถลึงตาจ้องในแบบที่คนปกติยากจะได้เห็น

ฮิจิริคาวะสะดุ้งด้วยความกลัวจนขวัญหาย ร่างในชุดเสื้อคลุมก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติเบนนัยต์ตาตื่นตระหนกหลบ ริมฝีปากซีดเผือดพยายามขยับเปล่งเสียงสั่นๆตอบกลับไป

               ช...ชะ..ใช่แล้วครับ.. สองมือโอบกอดแขนตนเองแน่นราวกับต้องการจะหดตัวลงให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้

นัยน์ตาคู่สีน้ำแข็งหรี่จ้องมาจนเย็นวะวาบเสียเสียวสันหลัง แรงกดดันมหาศาลถูกผลักโถมใส่ยามร่างโปร่งเคลื่อนตัวสาวเท้าเข้ามาใกล้ทีละก้าว

               ข..ขอโทษ..ครับ..เพราะนึกว่าทำให้อีกคนต้องโกรธจึงได้แต่พูดขอโทษออกไป แต่ทว่าร่างตรงหน้ายังคงไม่หยุดเดินเข้ามาหา ฮิจิริคาวะจึงได้แต่พูดขอโทษซ้ำๆอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตนนั้นหวาดกลัวมากเสียจนกระทั่งน้ำตาได้รินอาบแก้มทั้งสองข้าง

               ฮึก..-..ขอโทษครับ..

เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นนั้นทำให้คามิวต้องหยุดมือที่กำลังจะเข้าไปสัมผัสร่างที่สั่นเทา ชายหนุ่มลดแขนลงพลางกำหมัดแน่นพร้อมทั้งพึมพำบ่นอะไรบางอย่าง ดวงตาอความารีนฉายแววอ่อนลงมองฮิจิริคาวะอย่างชั่งใจ

นิ่งเงียบกันได้ไม่นานเสียงบางอย่างก็ดังขึ้น..ฮิจิริคาวะเงยขึ้นมองด้วยความแปลกใจเพราะมันเป็นเสียงที่คุ้นหูเขาเสียเหลือเกิน

และวัตถุซึ่งเป็นต้นเสียงก็ถูกหยิบขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงของชายหนุ่มผมบลอนซ์ คามิวก้มมองหมายเลขที่ปรากฎอยู่บนจอก่อนจะมุ่นคิ้วเครียดแต่ก็กดรับสาย

               ครับ? ใช่ครับกระผมเป็นเลขาฯของท่านประธานฮิจิริคาวะครับ คำพูดแบบสุภาพและน้ำเสียงอ่อนโยนดังมาจากปากของบุคคลใจร้ายได้อย่างชวนประหลาดใจนัก คามิวสามารถปรับเปลี่ยนลักษณะนิสัยได้อย่างง่ายดายไม่ต้องตระเตรียมใดๆ

ฮิจิริคาวะชะงักนิ่งยามที่ได้ยินโทนเสียงนั้นอีกครั้ง แม้กระนั้นก็ตามแต่เขาจะจมดิ่งอยู่กับเรื่องเก่าๆไปก็คงไม่เกิดประโยชน์..จะมีก็แต่ความเจ็บปวดเสียเปล่าๆ

แต่แล้วเมื่อจ้องมองไปยังโทรศัพท์ในฝ่ามืออีกฝ่ายก็ทำให้เขานึกอะไรออกขึ้นมา พอเห็นว่าอีกคนกำลังให้ความสนใจอยู่กับคู่สายจึงฉวยโอกาสนั้นในการพุ่งตัวเข้าไปหมายจะแย่งโทรศัพท์เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ

อีกเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่จะคว้าได้มาอยู่แล้ว..ความไวของคนธรรมดาก็ไม่สามารถเทียบได้เท่ากับสายลับมืออาชีพอย่างคามิว ข้อมือถูกคว้าไว้แน่นจนไม่อาจสะบัดให้หลุดได้ แรงบีบนั้นบังคับให้ต้องยอมขยับไปตามทิศทางที่โดนควบคุม ฮิจิริคาวะถูกผลักลงให้นอนคว่ำหน้าไปกับเตียง สองแขนถูกจับมาล็อคไว้ไพล่หลังด้วยแรงจากเพียงมือเดียวเท่านั้น

               มีเรื่องที่จะแจ้งท่านประธานหรือครับ อ่า..กระผมเกรงว่าในตอนนี้ท่านประธานจะไม่สะดวกพูดสาย ฝากให้กระผมแจ้งแทนจะสะดวกหรือเปล่าครับคามิวยังคงพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติดี

               ช่วย-.......ฮิจิริคาวะพยายามจะตะโกนสุดเสียงหวังให้เข้าไปยังปลายสายแต่แล้วกลับถูกฝ่ามืออีกข้างมาคว้าปิดปากไว้แน่นจนเหลือเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้น

ส่วนมือถือถูกหนีบไว้ระหว่างใบหูและหัวไหล่ของชายผมยาวแทน คามิวเขยิบเข้าชิดที่ด้านหลังดันให้ร่างของฮิจิริคาวะต้องขดตัวงอ

               ..ถ้าอย่างนั้นหากท่านประธานเสร็จธุระแล้วทางเราจะติดต่อกลับไปครับ สวัสดีครับสิ้นสุดการสนทนาเลขาฯเพียงเปลือกก็รอจนปลายสายตัดไป มือสองข้างที่ล็อคแขนและปิดปากท่านประธานก็ผละออกเพราะหมดสิ้นซึ่งความจำเป็นแล้ว

ฮิจิริคาวะพลิกร่างตะแคงเหลือบสายตาจ้องโทรศัพท์ที่ถูกเก็บกลับเข้าที่เดิมอย่างหมดหวัง ในจังหวะเดียวกันคามิวก็ตวัดสายตามาสบพอดี

               หึ..

คามิวขยับร่างลุกขึ้นจากเตียงแล้วส่งเสียงเยาะเย้ยทิ้งไว้ก่อนจะเดินจากไป



สายตาและเสียงนั่น...ตอกย้ำความจริงอันแสนโหดร้ายเสียเหลือเกิน


เสียงสะอื้นร้องถูกกลืนลงไปกับเบาะที่นอนนุ่มแต่ความเปียกชื้นจากหยาดน้ำตาที่ไหลนองนั้นผืนผ้าไม่อาจจะซับไว้ได้ทั้งหมด ความเศร้าเสียใจถูกปล่อยออกมาอย่างหยุดไม่ได้ หวังเพียงมีสิ่งที่ช่วยรองรับมันไว้สูบจนร่างกายนี้สิ้นซึ่งเรี่ยวแรง สติเลือนลางกระทั่งไร้ความรู้สึกจะรับรู้อะไรได้อีกต่อไป





               ปลายนิ้วขยับขยำผ้าปูเตียง เปลือกตาปรือลืมขึ้นอย่างล้าๆ แรกความรู้สึกคือความเย็นจากกองน้ำตาที่เพิ่งแห้ง ลำคอของฮิจิริคาวะแห้งผากเพราะสะอื้นร้องไห้อยู่นานกระทั่งสลบไปจึงได้หยุด ชายหนุ่มค่อยๆขยับตัวช้าๆขึ้นมานั่งเนื่องจากรู้สึกวิงเวียนศีรษะ หลังจากพักอยู่ได้สักครู่หนึ่งจึงค่อยปรับตัวได้ หลังมือยกขึ้นเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า ถึงจะร้องออกมาจนน้ำตาหมดตัว..ความเสียใจที่มีก็ไม่ได้ทุเลาลงเลยจริงๆ เขายิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเอง

พอตื่นได้เต็มสติเขาจึงค่อยได้ยินเสียงที่ดังมาจากนอกห้อง ในทีแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นคุณคามิวแต่แล้วเสียงที่เขาได้ยินนั้นเหมือนว่าไม่ได้มาจากคนๆเดียว..

เป็นเสียงของการโต้เถียงกันของคนสองคน


เกิดอะไรขึ้นข้างนอกห้อง?


แม้จะกลัวว่าอาจเป็นเรื่องที่อันตราย..แต่สภาพตัวเองในตอนนี้คงไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าเดิมอีกแล้ว ฮิจิริคาวะเขยิบตัวลุกขึ้นจากเตียงและพยายามก้าวเท้าเดินให้เกิดเสียงเบาที่สุด ใบหูแนบลงที่บานประตูไม้เพื่อฟังเสียงแต่ได้ยินไม่รู้เรื่องเท่าไหร่นัก เขากลืนน้ำลายก่อนจะตัดสินใจแง้มประตูออกไปเพื่อแอบมองสถานการณ์ข้างนอก


ว่างเปล่า..

เขาไม่เห็นใครเลยที่อยู่ด้านนอก..แต่ก่อนที่จะเริ่มรู้สึกหลอนหูขึ้นมานั้นเสียงพูดคุยก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งดังมาจากฝั่งของโซฟา
ข้างในใจของเขาพยายามส่งเสียงว่าอย่าออกไป.. แต่อีกใจที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นกลับมาแรงผลักดันมากกว่า ฮิจิริคาวะเดินย่องอย่างเงียบเชียบตรงไปทางที่ตั้งของโซฟา


               ข้าบอกให้หยุดจินงูจิ!”


เสียงของคุณคามิวไม่ผิดแน่..ส่วนชื่อที่เอ่ยนั้น..เขาเองก็น่าจะเดาได้ว่าจะมีใครอื่นที่มาที่นี่ได้นอกไปจากหมอนั่น


               บารอนดูโกรธง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนนะ..เพราะอะไรกันนะ?~”


ก้าวเข้าใกล้ไปอีกทีละนิด..


               หุบปากของเจ้าไปซะ!”

กำลัง..ทะเลาะกันอยู่อย่างนั้นหรือ?

               ได้สิ..

จนเมื่อเดินเข้ามาใกล้ในระยะที่พอเหมาะแล้ว.. ภาพที่เขาได้เห็นทำให้ต้องยืนตะลึง

ร่างของสายลับทั้งสองคนกำลังนอนคร่อมกันอยู่บนโซฟา ริมฝีปากของทั้งคู่นั้นกำลังประกบกัน.. เหมือนว่าจินงูจิจะเป็นฝ่ายที่รู้สึกตัวก่อน นัยน์ตาคู่สีฟ้าสว่างขึ้นเหล่จ้องมาทางที่เขายืนอยู่ริมฝีปากที่แนบจูบอยู่กับผู้ที่อยู่เบื้องล่างนั้นยกมุมปากส่งยิ้มยียวนมาให้ และนั่นก็ทำให้ผู้ที่ถูกคร่อมร่างรับรู้ได้ถึงการมาของเขาด้วย ชายผมบลอนซ์ออกแรงผลักใบหน้ากะล่อนให้ออกไป ตวัดนัยน์ตาจ้องมาด้วยความตกใจ


               เจ้า...


               พวกเราเสียงดังจนทำให้นายตื่นหรอ ฮิจิริคาวะ~”



ฮิจิริคาวะได้แต่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก




-TBC.-



หอมกรุ่นจากเตาทุกตอน(......)