9.25.2558

[Oneshot Utapri] Shaving (RenMasa)

Fan-fiction Uta no prince-sama

Title : Shaving
Pairing : Jinguji Ren x Hijirikawa Masato
Rate : PG-15

Note: พล็อตพล็อตที่เคยคิดไว้ว่าอยากลองแต่งดูมาสักพักแล้ว เพิง่จะมีไฟปั่นออกมา ที่เขาว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน(..ถูกมั้ยน่ะ55)สินะ แต่ก็ยังคิดว่ายังบรรยายได้ไม่ถึงจุดที่ต้องการสื่ออยู่ดี อยากให้ฉากมันดูเซ็กซี่กว่านี้แต่ก็ทำได้แค่นี้ ฮือ
TLในฟิคเรื่องนี้จะเป็นช่วงที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้วละค่ะ (น่าจะประมาณวัย30+)




               ฉันบอกเคยแล้วไงว่ามันจั๊กจี้


เสียงท้วงดังขึ้นพร้อมกับมือขาวที่ออกแรงดันให้ใบหน้าคมของหนุ่มผิวแทนออกห่าง คิ้วคู่ขมวดมุ่นแสดงอาการไม่พอใจที่ถูกขัด เขาลองสบตาเผื่อพอจะมีโอกาสอยู่บ้าง ทว่าแววตาคู่อเมทิสต์ที่จ้องมานั่นฉายแววจริงจังกับคำปรามและคงไม่ใจอ่อนง่ายๆดังเช่นที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วเลยต้องยอมผละตัวลุกจากการคร่อมร่างอีกฝ่ายแล้วกลับมานั่งบนโซฟาตามเดิม โดยที่เขยิบเว้นระยะห่างไว้พอให้รู้ว่ากำลังน้อยใจ

คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่พอได้เห็นแบบนี้ก็ส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย ริมฝีปากขยับยิ้มบางพลางยันกายให้กลับมานั่งพิงเบาะนุ่ม พอเห็นว่าคนขี้งอนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหายจึงลองเอื้อมนิ้วไปจิ้มข้างแก้ม

..สัมผัสสากจากไรหนวดเคราซึ่งทิ่มบนปลายนิ้วทำให้ต้องดึงมือกลับอัตโนมัติ

เร็นที่ยิ่งเห็นอย่างนั้นแล้วก็ยิ่งทำหน้าบึ้งกว่าเก่า

               นี่..งอนเป็นเด็กไปได้น่าฮิจิริคาวะเอ่ยขณะเลื่อนตัวเข้าไปนั่งให้ชิดกัน

นัยน์ตาสีฟ้าสว่างเหล่มองมาก่อนจะเคลื่อนหลบไปทำทีเป็นไม่สนใจ

               ก็ฉันไม่ชอบเวลาที่หนวดนั่นมันทิ่มหน้า บอกให้โกนออกก็ไม่ยอมเองไม่ใช่รึไงล่ะยอมเป็นฝ่ายง้อทั้งๆที่ตนเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ในเมื่อยังไม่ยอมหายแบบนี้ก็ขอเป็นฝ่ายโกรธเองบ้างก็แล้วกัน

กล่าวเสร็จฮิจิริคาวะก็ลุกขึ้นพร้อมกับเชิดหน้าใส่น้อยๆ ไม่ต้องรอให้เดินหนีข้อมือก็ถูกคว้าไว้แล้วกระตุกเรียกให้หันมอง ชายผมสีน้ำเงินเข้มปั้นหน้าเรียบเหล่สายตากลับไปพลางเลิกคิ้ว

               ก็มันเป็นงาน ฉันก็บอกนายแล้วเหมือนกันว่าถ้าปิดกล้องเมื่อไหร่ค่อยโกนออกน่ะเขาพูดเสียงค่อยคล้ายพึมพำ ในตอนนี้เขากำลังรับงานแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่อยู่ ด้วยบทที่ได้รับผู้กำกับอยากจะให้คนแสดงไว้เคราจริงมากกว่าแต่งเอา ซึ่งตัวเขาเองก็เพิ่งจะเคยไว้เพราะส่วนมากมักจะโกนทุกครั้งก่อนจะขึ้นมาให้สังเกตเห็นได้

และแน่นอนว่าฮิจิริคาวะเองก็ไม่ค่อยอยากให้เขาไว้หนวดหรือเคราเช่นกัน

               ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้ก็งดเอาหน้าเข้ามาใกล้ฉันก็แล้วกันฮิจิริคาวะกล่าวย้ำและแกะมือที่รั้งไว้ให้หลุดออก

ดูท่าจะไม่ชอบอย่างมากเลยด้วย ที่จริงแล้วหมอนี่ก็บ่นตั้งแต่ช่วงแรกแล้วด้วย ตอนที่เขาเอาหน้าไปซุกตัวก็สะดุ้งแล้วโวยวายใส่ว่าทำไมถึงปล่อยให้ขึ้น

แต่กว่าจะถ่ายทำเสร็จก็อีกตั้งอาทิตย์กว่า

               แค่ไม่ให้โดนก็ได้งั้นสินะ?ไม่งั้นเขาคงจะเฉาก่อนงานจะจบพอดี

เร็นลุกขึ้นยืนเลื่อนมือลงโอบไว้ที่เอวอีกฝ่าย เขาขยับยิ้มขณะที่โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆแต่แล้วมาซาโตะกลับใช้มือยันหน้าเขาไว้ไม่ให้เข้ามาชิดกว่านี้เสียอย่างนั้น

               อะไรอีกเล่า?ครั้งนี้เขาไม่ยอมและพยายามใช้หน้าดันกลับไป

               จูบก็ไม่ได้เหมือนกัน!” ฮิจิริคาวะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุๆพยายามเลื่อนมือไปปิดปากคนที่ทำหน้าฉงนใส่

               หา..?เขาที่ได้ฟังก็ขัดใจหนักกว่าเก่าและพยายามดึงมืออีกคนออกไปให้พ้นทาง แต่เหมือนทางนั้นเองก็ไม่ยอมหนำซ้ำยังใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่มาจิ้มที่เอวเขาจนเผลอสะดุ้งกระเด้งตัวถอยกลับไปตั้งหลัก

               นี่มันจะเยอะไปแล้วนะ!” ชักจะไม่พอใจขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว เร็นถอนหายใจใส่ รอยยิ้มกะล่อนนั่นหายไปจากใบหน้าเหลือแต่คิ้วผูกปมและริมฝีปากที่เป็นเส้นตรง

               ก็มันตำหน้าฉันอยู่ดีนี่ อย่างที่ฉันบอกจนกว่านายจะโกนเคราออกระยะนี้ก็งดไปสักพักก็แล้วกันฮิจิริคาวะพูดย้ำเหมือนต้องการที่จะยื่นคำขาดแก่เขา

อยากจะเถียงอยู่หรอกแต่จากสายตาแข็งๆของคนที่ยืนกอดอกซึ่งจ้องเขาในตอนนี้แล้วหากยังไม่มีฝ่ายไหนยอมคงจะได้ทะเลาะกันจริงๆ ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยโต้เถียงกันเพราะต่างคนต่างดื้ออยากจะเอาชนะ แต่นั่นมันเป็นเรื่องเมื่อหลายปีมาแล้ว

และเขาเองก็ไม่อยากจะถูกหาว่าเป็นเด็กไม่รู้จักโตด้วย..

               ก็ได้..สุดท้ายก็ต้องยอมตอบตกลงแม้จะไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก

ระหว่างที่ก้มหน้าซึมนั่นเองศีรษะก็ถูกฝ่ามือวางประคองรั้งไว้ที่ด้านหลัง ไม่ทันจะได้เงยขึ้นมองก็รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มอุ่นของกลีบปากที่ทาบลงบนหน้าผาก

               ดีมากมาซาโตะพูดเหมือนกำลังเอ่ยชมเด็กๆพร้อมกับลูบปลอบกลุ่มเส้นผมสีน้ำตาลทองนั่น

เมื่อเขาเหลือบขึ้นจ้องสายตาก็ประสานเข้ากับรอยยิ้มอ่อนโยนของมาซาโตะที่ส่งมาให้ เร็นชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มรู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวด้วยความเขิน



ถ้าเป็นแบบนี้จนถึงวันปิดกล้องก็คงจะไม่เฉาตายไปก่อนล่ะนะ..




               กลับมาแล้วเสียงดังมาจากผู้ที่ก้าวเข้ามาในคอนโด เสื้อคลุมสีขาวตัวยาวถูกแขวนไว้บนเสาข้างกำแพง รองเท้าหนังแบรนด์ดังถูกหยิบวางเก็บไว้บนชั้น สองขายาวเดินทอดตรงมาทางโซฟานุ่มทิ้งตัวลงนั่งด้วยความล้า ฝ่ามือยกเสยเส้นผมน้ำตาลทองที่ปรกใบหน้าให้ขึ้นไปด้านบนเอนคอพิงพนักพักให้หายเหนื่อย

               วันนี้ปิดกล้องแล้วสินะคนที่อยู่ข้างในครัวชะเง้อหน้าออกมาทักหลังจากได้ยินเสียงของคนที่เพิ่งกลับมา

               อืม..มีเลี้ยงฉลองปิดกล้องด้วยน่ะเลยกลับมาช้ากว่าที่คิดเร็นกล่าวพร้อมกับมองตามอีกคนที่ยกถ้วยสองใบออกมาตั้งไว้บนโต๊ะกินข้าวกลางห้อง ก่อนที่หมอนั่นจะเดินกลับเข้าไปยังในครัวอีกรอบ

               ก็กะไว้แล้วล่ะว่านายคงจะทานมื้อเย็นมาจากที่นั่นแล้วคราวนี้เดินกลับมาพร้อมผ้าขนหนูสีขาวที่กำลังห่ออะไรไว้อยู่และกล่องกระดาษที่บรรจุสิ่งที่น่าจะเป็นขวด

               มานั่งนี่สิเสียงลากเก้าอี้ดังขึ้นก่อนฮิจิริคาวะจะหันหน้าไปมองคนที่นั่งไขว่ห้างที่โซฟา

เขาเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัยแต่ก็ลุกเดินไปหา

               นายเตรียมมื้อเย็นให้ฉันอีกหรอ?...หืม??พอเข้าไปถึงระยะหนึ่งยังไม่ต้องชะเง้อมองก็ได้กลิ่นที่เขาพอจะรู้ได้ว่าไม่ใช่อาหาร และยังคุ้นอีกเสียด้วย

พอเห็นว่าเขายืนแบบงงๆมาซาโตะก็รีบกดไหล่ดันให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะคว้าผ้ามาผูกให้เหมือนผ้ากันเปื้อน

               เดี๋ยวสิ..นี่นาย..เขาแหงนคอเหลือบสายตาจ้องคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เงาสะท้อนสีเงินของสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายนั้นทำให้เดาได้ว่าตอนนี้หมอนั่นกำลังจะทำอะไร

               ก็นายตกลงแล้วนี่ว่าพอปิดกล้องจะโกนเจ้าเคราหนามๆนี่ออกน่ะไม่พูดเปล่าแต่ใช้นิ้วจิ้มลงที่ปลายคางทดสอบถึงความแหลมซึ่งคอยตำผิวตนที่ว่าด้วย

               อ่า..ฉันจัดการเองได้น่า อีกอย่าง..มีดที่นายใช้มันจะไม่ดู..ดั้งเดิม..ไปหน่อยหรอเขากะพริบตามองใบมีดคมกริบที่อีกฝ่ายถือไว้

               จะบอกว่าของ โบราณสินะ กลัวฉันพลาดปาดคอนายล่ะสิมาซาโตะกล่าวยิ้มขำพร้อมทั้งประคองลำคอของจินงูจิให้แหงนได้องศาที่พอดี

               “ไม่ใช่อย่างนั้น.. แต่แบบนี้ก็คงตื้นเต้นไปอีกแบบดีล่ะนะเร็นว่าพลางหัวเราะ

เขาได้ยินเสียงแกะพลาสติกที่ห่อกล่องกระดาษออกตามมาด้วยเสียงเปิดหยิบขวดออกมาตั้ง เร็นแอบเหลือบมองก็เห็นว่าขวดใบนั้นก็คือครีมโกนหนวดที่กำลังถูกบีบออกมาใส่ฝ่ามือ ครีมนุ่มสีขาวถูกทาลงที่ใต้คางไล่ขึ้นมาตามไรหนวด สัมผัสเย็นของโลหะที่จ่อแถวลำคอทำให้หวั่นใจจนเผลอนั่งตัวเกร็ง

               นายแน่ใจนะว่าเคยใช้มีดโกนแบบนี้มาก่อนน่ะมาซาโตะ?ตอนนี้เริ่มจะลังเลเสียแล้ว เร็นช้อนสายตาจ้องคนที่ทำหน้าขะมักเขม้นกับการใช้ใบมีดปาดลงบนครีมสีขาว

               แล้วนายคิดว่าฉันโกนหนวดตัวเองยังไงล่ะ? อยู่เฉยๆซะถ้าไม่อยากเลือดออกฮิจิริคาวะขู่และใช้มือข้างที่ว่างจับล็อคให้ศีรษะคนผมทองอยู่กับที่

ใบมีดไล่โกนเส้นขนจากบริเวณสันกรามทีละเล็กน้อย ดูจากสีหน้าแล้วคงต้องเพ่งสมาธิมากเลยทีเดียว เร็นขยับยิ้มบางขณะมองใบหน้าของมาซาโตะที่อยู่ห่างจากเขาแค่ระยะลมหายใจ

               แล้วถ้านายเผลอทำมีดบาดฉันขึ้นมาจริงๆล่ะ?เขาแกล้งพูดหยอกขึ้นมาระหว่างที่อีกฝ่ายยกใบมีดออกเพื่อย้ายมาที่แก้มอีกฝั่งบ้าง

               นายก็เอามีดปาดฉันคืนแล้วกันฮิจิริคาวะพูดด้วยใบหน้าและน้ำเสียงนิ่งจนแยกไม่ออกว่ากำลังพูดจริงหรือล้อเล่น

เขาหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินแบบนั้นก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายดุให้เงียบเพราะมันทำให้หน้าของเขาขยับไปด้วย


จนกระทั่งไล่มาถึงที่ใต้คาง มาซาโตะดันหน้าผากของเขาลงมาอีกเพื่อให้แหงนหน้าขึ้นจนพิงร่างด้านหลังพอดี ศีรษะของอีกฝ่ายก็โน้มลงมาใกล้กว่าเก่าเช่นกัน ลมหายใจอุ่นระที่ลำคอ ปลายนิ้วนุ่มแตะลงที่ปลายคางออกแรงยึดเล็กน้อยเพียงพอที่จะคุมไม่เกิดการขยับเขยื้อน ความเย็นของมีดลากผ่านลำคอของเขากวาดครีมส่วนที่เหลือให้หลุดออกไป ระหว่างนั้นเองที่สายตาของพวกเขาสบกันพอดี รอยยิ้มถูกวาดขึ้นบนดวงหน้าที่แต้มไฝเสน่ห์แล้วเบนสายตาออกจากเขาเพื่อไปสะสางส่วนที่เหลือต่อให้เสร็จ

               เรียบร้อยแล้วมาซาโตะกล่าวและวางมีดลงบนโต๊ะ ผ้าขนหนูสีขาวถูกหยิบมาชุบน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ในถ้วยแล้วยกขึ้นบิดให้หมาดเพื่อนำมาเช็ดตามรอยที่เพิ่งถูกโกนหนวดทิ้ง

เร็นหลับตาพริ้มขณะที่อีกคนเช็ดตามปลายคางให้ ด้วยความน่าหมั่นไส้นั้นผ้าขนหนูทั้งผืนจึงถูกใช้คลุมปิดทั้งใบหน้าแล้วขยี้ๆด้วยแรงที่ไม่มากนักก่อนจะตบท้ายด้วยการบีบจมูกไว้

               ฉันหายใจไม่ออกนะเร็นเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้และพยายามดึงผ้าบนหน้าออก พอสาแก่ใจอีกฝ่ายแล้วเขาจึงกลับมาหายใจได้ดังเดิม


ระหว่างที่รอฮิจิริคาวะเก็บข้าวของอยู่นั้นเขาก็ใช้นิ้วลูบปลายคางดูก็พบว่าแทบไม่ต่างจากเวลาที่เขาใช้ที่โกนหนวดโกนเองเสียเท่าไหร่ ถึงแบบนี้จะเมื่อยคอไปบ้างแต่ยังไงวิวก็ดีกว่าเห็นๆ


เขาเดินตามอีกฝ่ายไปเพื่อช่วยล้างทำความสะอาดของที่ใช้แต่ดันถูกบอกให้รออยู่เฉยๆเนื่องจากครั้งล่าสุดที่ไปช่วยล้างจานนั้นเขาทำจานแตกไปสองใบ..

ไม่ใช่เพราะมือลื่น..แต่เพราะมัวแต่เล่นกับอีกฝ่ายจนเผลอกวาดจานที่วางบนอ่างล้างตกแตก


               เสร็จแล้วหรอ?เขาเอ่ยถามเมื่อเสียงของน้ำจากก๊อกหยุดไหลไป

               อืมมาซาโตะที่ยกของไปเก็บเอ่ยตอบ

เขารอจนอีกฝ่ายนั้นทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงเดินตรงเข้าไปหา

               มีอะไรอีกรึไง?ฮิจิริคาวะเอียงคอถามกับท่าทีแปลกๆของเร็น

เขาไม่ได้ตอบแต่ช้อนร่างของอีกคนขึ้นมาแล้วพาเดินไปยังโซฟาเพราะระยะมันใกล้ที่สุด

...ถึงถัดไปจะเป็นห้องนอน แต่ว่าสำหรับเขาในตอนนี้ เพียงวินาทีเดียวก็รอไม่ได้อีกแล้ว

               เร็น??มาซาโตะที่ถูกวางนอนบนโซฟาเบิกตากว้างพยายามจะดันคนที่กำลังขึ้นคร่อมตัว

               ตอนนี้หน้าฉันเกลี้ยงแล้วนี่นา~” ชายหนุ่มขยับยิ้มอย่างมีเลศนัยเลื่อนมือจับที่สาบของยูกาตะก่อนที่จะแหวกออกกว้างเผยผิวขาวที่รอยอะไรๆได้จางไปหมดแล้ว เขาไถใบหน้าซุกไซ้ไปตามผิวกายที่ห่างจากการสัมผัสมานาน

มาซาโตะถอนหายใจออกมาคล้ายรู้สึกหน่ายๆ

               ยังไงฉันก็พูดไปแล้วนี่นะ..สองแขนเรียวโอบไว้รอบหลังคอของเร็นเลื่อนนัยน์ตาอเมทิสต์สบตรงๆกับสีฟ้าใสคู่นั้น


ฝ่ามือขยุ้มจิกเบาๆบนเส้นผมน้ำตาลทอง มาซาโตะขยับยิ้มหวานก่อนจะหลับตาลงรับทุกสัมผัสที่เข้าครอบครองทั้งร่าง เสียงพร่ำบอกปลอบโยนอย่างใคร่รักจากเร็นแม้จะเป็นคำซ้ำๆก็ไม่เคยทำให้รู้สึกเบื่อ

ร่างเพรียวขยุกขยิกเพราะมือซุกซุนที่เลื่อนคลายโอบิสีดำ แก้มขาวต้องขึ้นสีแดงก่ำยามที่สัมผัสอุ่นจากริมฝีปากไล่ฝากรอยไปทั่วตัว สันจมูกโด่งใส่สูดกลิ่นกายหอมนับตั้งแต่ใบหู ลำคอ หัวไหล่มน

ใบหน้าของเร็นโน้มลงใกล้เข้ามาเรื่อยๆกระทั่งแนบริมฝีปากเข้าชิดเพื่อมอบจูบแผ่วเบาบนกลีบปากนุ่ม สัมผัสอ่อนโยนอยู่ได้เพียงไม่นานก็เริ่มทวีเป็นร้อนแรงมากขึ้นด้วยความโหยหามาตลอดทั้งอาทิตย์





และคงอีกพักใหญ่กว่าจะชดได้หมด





-END-

8.16.2558

[Oneshot Utapri] Kill hand:♠ (Camus x Masato)

Fan-fiction Utapri

Title :
 
Kill hand: ♠ 
Pairing : Camus x Masato
Warning :  AU
Rate : 18+

Note : 
oneshot นี้จะเป็นฉากเดียวกับในแฟนฟิคเรื่อง Kill game ตอนที่ 3 จงอย่าหาความเชื่อมโยงใดๆกับตอน3จริงๆเลย5555 จะเรียกว่าเป็นแฟนฟิคของแฟนฟิคอีกทีก็คงดูซับซ้อน(และสั้นเกินไป) เอาเป็นว่าเป็นหนึ่งในพล็อตที่คิดเอาไว้แต่ไม่ได้เอามาแต่งจริงๆในเรื่องหลัก สาเหตุก็เพราะไม่สามารถจะนำไปเชื่อมกับเนื้อเรื่องได้เท่าไหร่นักทั้งด้านช่วงเวลาและเหตุผลการกระทำของตัวละครที่ได้วางไว้แล้วก่อนหน้า

ส่วนใครก็เพิ่งเปิดมาเจอตอนนี้พอดีแนะนำให้ลองอ่านเรื่องหลักดูก่อนนะคะ >เรื่องหลัก<





            สองเข่าที่แยกออกค้ำกายรองรับน้ำหนักที่โถมลงใส่ร่าง เสียดสีไปกับผ้าปูเตียงเนื้อละเอียดจนเกิดเสียง หนุนใบหน้าซบลองกับสองแขนเพื่อซ่อนความแดงซ่านบนใบหน้าไม่ให้คนใจร้ายได้เห็น เส้นผมสีน้ำเงินชื้นด้วยเหงื่อปลิวไหวไปตามแรงกระทั้นเข้าหาที่ข้างหลัง ฮิจิริคาวะเม้มริมฝีปากแน่นกลั้นไม่ให้เสียงร้องประหลาดนั่นหลุดออกมา

               กลั้นไว้ทำไมเล่า..ไม่ใช่ว่าเจ้าร้องเรียกชื่อข้าอยู่ทุกค่ำคืนหรอกรึ?ชายผมบลอนซ์พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน รอยสักโพธิ์ดำแนบลงกับผิวที่บั้นเอวก่อนจะใช้มือดึงร่างผู้ที่อยู่ในท่าคลานให้ถอยกลับมารับกายเข้าไปจนสุด

               อึก..!!” ความจุกแล่นเข้ามาจนน้ำตารื้น

               หึ.. บังอาจใช้คนอื่นเป็นตัวแทนข้าอความารีนฉายแววขุ่นเคือง กัดฟันอย่างกริ้วโกรธกระแทกซ้ำใส่อย่างไม่สนใจว่าร่างนั่นจะรับได้ไหวหรือไม่

เรียวขาขาวถูกตีตราด้วยรอยจูบลามจนถึงก้นกบและแผ่นหลัง เนื้อตัวสั่นระริกร้อนวูบวาบไปจามสัมผัสที่ถูกมอบให้..จะกล่าวว่าไม่เต็มใจก็ไม่เชิงนัก แต่จะบอกว่ายินยอมก็ไม่ถูกเสียทีเดียว

               นี่ล่ะคือตัวตนที่แท้จริงของข้าที่เจ้าอยากจะรู้จักนัก

ทุกคำพูดกรีดลึกลงในอกความรู้สึกดีๆที่เลยหลงเหลือถูกฉีกออกให้ขาดวิ่น ยิ่งตอกย้ำในความเขลาของตนเอง..

ความอ่อนโยนแสนจอมปลอมพวกนั้น..ทำให้เขายอมเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฮิจิริคาวะกัดริมฝีปากตนแน่นจิกเล็บลงขยำผ้าปูเตียงหวังระบายควมเจ็บแปลบที่แล่นไปทั่วทั้งร่าง เปลือกตาปิดลงขังน้ำตาใสไม่ให้ไหลออกมา ถ้อยคำทำร้ายจิตใจถูกเอ่ยให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา เขานึกอยากจะปิดหูตัวเองเสียเหลือเกินแม้มันจะไม่ได้ช่วยอะไรได้มากก็ตามที

แต่แล้วเสียงริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำให้สายลับหนุ่มต้องหยุดการเคลื่อนไหวกลางคัน ฮิจิริคาวะเหลียวหลังไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังวุ่นอยู่กับการกดรับสายเขาจึงตั้งใจจะอาศัยจังหวะนี้ในการหนี

               สวัสดีครับ ใช่ครับ กระผมเลขาฯของท่านประธานฮิจิริคาวะพูดสายอยู่ครับโทนเสียงแข็งกร้าวนั่นแปรเปลี่ยนเป็นสุภาพนุ่มนวล

คามิวรู้สึกได้ถึงร่างที่พยายามจะเขยิบออกห่างตัวจึงใช้แขนข้างหนึ่งอ้อมไปรั้งตัวไว้แล้วดึงกลับเข้ามาให้ชิดตามเดิม นัยน์ตาตวัดจ้องแบบไม่พอใจพลางกระแทกกายเข้าหาคล้ายเป็นการลงโทษ

               อะ..!” ฮิจิริคาวะที่ตั้งตัวไม่ทันหลุดเปล่งเสียงครางออกมาก่อนจะรีบยกมือขึ้นกุมปากตนเองไว้

               ขอเรียนสายกับท่านประธานหรือครับ อ่า..ผมเกรงว่าตอนนี้ท่านประธานจะไม่สะดวกพูดสายเสียเท่าไหร่คามิวโกหกหน้านิ่ง เหลือบจ้องท่านประธานที่เริ่มจะให้ความสนใจกับบทสนทนา

พอถูกรู้ทันว่ากำลังจ้องรอโอกาสฮิจิริคาวะก็ไม่รีรอที่จะพุ่งตัวเข้าหาหมายจะแย่งโทรศัพท์จากมืออีกคนมาให้ได้อย่างรวดเร็ว..แต่ก็ไวได้ไม่เท่าสายลับมืออาชีพ สองแขนถูกรวบล็อคให้ไพล่หลังไว้ด้วยเพียงมือเดียว ด้วยสภาพตัวเขาในตอนนี้เป็นการยากที่จะพยายามดิ้นให้หลุด

เดี๋ยวก่อน..
เขาไม่จำเป็นจะต้องแย่งมือถือมาคุยเองอย่างเดียวนี่..

               ช่วยด้วย!ฮิจิริคาวะตะโกนออกมาสุดเสียงหวังจะให้ดังมากพอจนปลายสายได้ยิน

คามิวเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึงว่าจะมาไม้นี่ แต่ไม่ใช่ว่าจะแก้เกมไม่ได้เสียทีเดียว

               สักครู่นะครับโทรศัพท์ถูกวางให้หนีบไว้ระหว่างใบหูกับหัวไหล่ ฝ่ามือรีบเอื้อมไปตะครุบปากที่กำลังจะส่งเสียงดังให้ปิดสนิท เคลื่อนเอวเข้าหาอีกครั้งหมายให้ร่างที่นอนดิ้นอยู่สิ้นฤทธิ์ ชายหนุ่มกลั้นเสียงครางไว้ในลำคอกันไม่ให้หลุดออกดังเข้าไปในโทรศัพท์

               พอดีว่าท่านประธานกำลังติดธุระด่วนอยู่น่ะครับ หากจะฝากเรื่องไว้ที่ผมแทนจะสะดวกหรือเปล่าครับคามิวโน้มตัวลงเข้าชิดร่างตรงหน้า จงใจเอ่ยพูดด้วยโทนเสียงแบบเดียวกับช่วงที่ยังคงทำงานอยู่ในออฟฟิศ สังเกตเห็นสีระเรื่อที่ซึ่งลามจนแดงไปทั้งใบหู

               ได้ครับ.. แล้วทางเราจะติดต่อกลับไปครับเสียงหอบครางต่ำดังออกมาหลังจากที่ปลายสายได้กดวางหูไปแล้ว มือถือที่ถูกแนบไว้ร่วงตกลงบนเตียงนุ่มเมื่อลำคอเอียงให้กลับมาตั้งตรงตามเดิม คามิวแลบลิ้นเลียริมฝีปากพลางเร่งจังหวะขยับกายให้เร็วขึ้นจนสปริงที่รับน้ำหนักของคนทั้งสองส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด

นิ้วยาวสอดไปยังรอยแยกของกลีบปากให้เผลอออก ในทีแรกฮิจิริคาวะหมายที่จะกัดให้เสียเลือดซึมแต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง


ทั้งๆที่คนๆนี้..ทำร้ายเขามากมายขนาดนี้แท้ๆๆ

สัมผัสอุ่นของหยดน้ำตาร่วงแปะลงบนหลังมือ คามิวหยุดชะงักแทบจะทันที คนผมบลอนซ์ชะเง้อจ้องหน้าที่พยายามซุกหลบ ผละฝ่ามือที่กุมปากนั่นออกมาก่อนจะจับเชยคางดันขึ้นมองให้มองเห็นได้เต็มตา

               ...ย..อย่ามองผม..ในตอนนี้เลยนะครับฮิจิริคาวะเอ่ยด้วยเสียงสั่นๆพร้อมทั้งเลื่อนแขนตามมาบังใบหน้า เพราะเท่านี้เขาก็รู้สึกสมเพชตัวเองมากเกินพอแล้ว

คนใจร้ายน่ะหรือจะยอมฟัง คามิวคว้าข้อมือกดให้แนบลงกับเตียงเลื่อนหน้าตามเข้าประชิดจ้องเพ่งมองดวงหน้าซึ่งอาบน้ำตาใส

               ข้าห้ามเห็นแต่จินงูจิเห็นได้อย่างนั้นสิ?ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่ต้องการที่จะประชด คามิวไม่ได้รอให้อีกฝ่ายแก้ต่างจึงเอ่ยต่อเพื่อตัดบท

               แต่ถึงกระนั้นเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์จะมาห้ามไม่ให้ข้าทำอะไรทั้งนั้น เพราะหากข้าต้องการข้าก็จะทำ!” สองมือคว้าสะโพกจับให้มั่นโถมกายเข้าใส่ด้วยอารมณ์รุนแรง

แน่นอนว่าไร้ซึ่งความอ่อนโยนในสัมผัสที่ถูกมอบให้ เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ขืนบังคับ เอาแต่ใจ ซึ่งแตกต่างกับสัมผัสของจินงูจิโดยสิ้นเชิง แม้จะเป็นเช่นนั้นแล้ว..ล้วนทำให้เขารู้สึกดี..ถึงจะดีในคนละแบบก็ตาม


นั่นล่ะ..คือสิ่งที่ทำให้เขายิ่งฉงนใจ


กับคนหนึ่งที่มีความรู้สึกให้..แต่เต็มไปด้วยความร้ายกาจ

ส่วนอีกคนที่ไม่อยากแม้แต่จะผูกมิตรด้วย..กลับมอบคำหวานช่วยปลอบโยน



               ฮ-..ฮะ..!!” ฮิจิริคาวะกระตุกเกร็งตัวเรียวขาอ่อนล้าพับลงอย่างหมดแรง ใบหน้าแดงก่ำยามรู้สึกถึงความอุ่นที่ปลดปล่อยภายในกาย


ชายหนุ่มฟุบหน้าลงกับเตียงหอบหายใจถี่ ความอึดอัดถูกถอดถอนออกไปแล้ว ลมเย็นปะทะเข้าที่แผ่นหลังเปลือยหลังจากร่างของคามิวลุกออกไปจากเตียงทิ้งให้ฮิจิริคาวะนอนอยู่คนเดียวโดยไม่ได้เอ่ยคำลาใด


เขาเอง..ก็ไม่กล้าที่จะเงยมองตามอีกคน กลัวเหลือเกินที่จะต้องเห็นสายตาที่มองมาด้วยความเวทนานั่นอีก





แบบนี้แหละ..ดีที่สุดแล้ว



เพราะอย่างน้อย..ผมก็ได้รู้ถึง..ตัวตนที่แท้จริงของคุณ





-END-