fan-fiction utapri
Title: Dinner
Pairing: Jinguji Ren x Hijirikawa Masato
Rate:
18+
A/N: เป็นพลอตกระทันหันมากๆ แค่อยากเขียนฉากนึงเท่านั้น เลยออกมาเป็นฟิคสั้นๆ ภาษาน่าจะแกว่งไปมากเพราะไม่ได้เขียนมานานสุดๆ รู้สึกจะเขียนบรรยายยาวๆ ไม่ค่อยได้แล้ว
Warning: NSFW
เม็ดฝนหยดลงตกพรำๆ
กระจายเป็นสายน้ำกระดอนยามกระทบพื้น
ความเย็นในห้องโดยสารของรถยนต์ทำให้ไอน้ำเกาะบนกระจก เบื้องหน้าเป็นสัญญาณไฟแดงจึงต้องจอดหยุด แสงจากจอโทรศัพท์มือถือสว่างขึ้น กล่องเด้งเตือนขึ้นว่ามีข้อความเข้า
นัยน์ตาคู่สีฟ้าสว่างจ้องมองชื่อที่ส่งมาไว้
'ฮิจิริคาวะ'
เล็กคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยก่อนที่จะกดเปิดอ่าน
'วันนี้น่าจะเลิกช้ากว่าที่บอก
ขอโทษด้วยจินงูจิ'
จินงูจิ เร็น ถอนหายใจเบาๆ
ตั้งใจขับรถออกมาหลังจากที่เสร็จงานและแวะทำธุระที่ร้านขายของชำทันทีเพื่อให้ทันเวลาที่นัดกันไว้
แบบนี้กว่าจะถึงห้องก็คงดึกเป็นแน่ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
สายตาเหล่มองไปยังถุงใส่วัตถุดิบสำหรับเตรียมอาหาร
ทิ้งไว้ในรถหลายชั่วโมงหวังว่าคงจะไม่เสียไปก่อน
เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันที่ว่างตรงกันทั้งวันพอดีหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างติดงานจนแทบไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันเลยเกือบเดือน
เลยกะว่าจะกลับไปทำมื้อเย็นด้วยกัน
รออยู่พักใหญ่สัญญาณไฟก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว
เขาขับตรงไปยังสตูดิโอที่ฮิจิริคาวะไปทำงานในวันนี้ หลังจากได้รับบัตรผ่านก็เข้าไปลานจอดรถแล้วดับเครื่อง
ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานแค่ไหนถึงอีกฝ่ายจะเสร็จงาน ภายในรถเงียบสกัดได้ยินกระทั่งเสียงของเข็มนาฬิกาข้อมือขยับ
น่าจะผ่านไปรางครึ่งชั่วโมงจึงมีเสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้น
เจ้าของมือถือก้มลงอ่านก่อนจะขยับยิ้ม
แขนยาวเอื้อมไปคว้าร่มคันใหญ่ที่อยู่เบาะหลังก่อนจะออกจากรถ
กางร่มแล้วกดรีโมตสัญญาณเพื่อล็อคประตู รองเท้าเดินย่ำน้ำที่นองบนพื้น
ส่งเสียงเจาะแจะไปตามทางจนไปถึงข้างในอาคาร ดวงตากวาดมองรอบๆ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่นัก
คงเพราะเลยเวลางานทั่วไปมามากแล้ว
"จินงูจิ" เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียก
ใบหน้าสละสลวยของชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินชะเง้อมองมาหลังจากที่เดินพ้นประตูตึก
"ปล่อยให้รอนานเลยนะ ไม่ไหวเลยนายเนี่ย" เอ่ยบ่นเชิงหยอกไปเช่นนั้น
แต่ใบหน้ายังคงวาดยิ้มไว้อยู่
"ช่วยไม่ได้นี่ นายอยากรีบมารอเองทำไมล่ะ" ไม่ยอมปล่อยให้ถูกว่าฝ่ายเดียวหรอก
ฮิจิริคาวะมุ่ยหน้าเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินไปยืนใต้ร่มที่อีกคนกางให้
ทั้งคู่เดินไปจนถึงรถคันที่จอดไว้
เสียงกดปลดล็อคดังขึ้น เจ้าของรถจะเปิดประตูให้ มือถือร่มไว้ระมัดระวังไม่ให้อีกคนเปียก
เมื่อเห็นว่าเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้วจึงค่อยเดินอ้อมเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ
รอให้คนด้านข้างรัดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะสตาร์ทรถขับออกมา
รถในท้องถนนยามดึกมีไม่มากน้อย
จึงใช้เวลาไม่นานในการขับกลับมาถึงที่พักถึงจะฝนตกก็ตามที แผนที่วางไว้ดูท่าจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เพราะกว่าจะขึ้นมาถึงห้องพร้อมขนข้าวของที่ซื้อมาก็จวนจะสี่ทุ่มเสียแล้ว โดยปกติแล้วหากต่างคนไม่ได้มีตารางงานแน่นฮิจิริคาวะก็จะมาค้างด้วยกันที่ห้องของเขา
"ยังเรียกว่ามื้อเย็นได้หรือเปล่านะ?" เร็นพูดขึ้นมาระหว่างหยิบของออกจากถุงนำมาเรียงไว้บนเคาน์เตอร์ครัว
ส่วนผักก็นำมาล้างในอ่างล้างจาน
หัวหน้าครัวในวันนี้เป็นฮิจิริคาวะ
ส่วนเขาเป็นลูกมือ
"ฉันถึงบอกให้นายหาอะไรกินตอนเย็นไปก่อนไงล่ะ" ฮิจิริคาวะเดินกลับมาพร้อมสวมคัปโปงิทับไว้
แขนเสื้อถูกพับขึ้นก่อนจะหยิบของบางส่วนที่ถูกวางเรียงรอไว้มาจัดการต่อ
หัวแครอทสีส้มถูกนำมาปอกเปลือกด้านนอกออก
แล้วหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ ส่วนอีกด้านจินงูจิกำลังหั่นหัวหอมใหญ่เป็นชิ้นเล็กๆ
แล้วจึงหยิบกระทะทรงสูงมาวางไว้บนเตาไฟฟ้าก่อนจะเปิดเพื่ออุ่นให้ร้อนค่อยเทน้ำมันและหัวหอมลงผัด
"ตรงนี้เรียบร้อยแล้วนะ~" เขาเบาไฟลงเล็กน้อย ชายหนุ่มหันมองคนที่ยืนข้างตัวพลางอมยิ้ม
ฮิจิริคาวะมักจะเพลิดเพลินกับการทำงานบ้านรวมทั้งการทำอาหาร
"ถ้าว่างนายก็ไปจัดโต๊ะเสียสิ" เจ้าตัวเหมือนจะรู้ว่ากำลังถูกมองจึงเอ่ยไล่ให้ไปทำอย่างอื่นแทน
ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเด็กไม่มีทางคลาดไปจากสายตาที่ว่องไว
คงจะรู้สึกเขินที่ถูกมองนานๆ ฮิจิริคาวะเบียดตัวมายืนไล่ที่เขา
จัดการเทแครอทลงในกระทะพร้อมกับเครื่องปรุง
เขาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะหยิบจานและช้อนส้อมไปวางเตรียมบนโต๊ะกินข้าว
ระหว่างที่กำลังจัดของอยู่นั้นก็เหลือบมองร่างที่กระดุกกระดิกตัวไปมาที่มุมครัวในห้อง
เป็นภาพที่นานครั้งถึงจะได้เห็นทีเดียว ทุกครั้งที่กลับมาที่ห้องก็จะมีแต่เขาที่เดินวนไปมาคนเดียว
ครั้งล่าสุดก็เดือนก่อนที่ได้เห็นภาพอีกคนมาอยู่ด้วยกันและใช้เวลาร่วมกันในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากงาน
จะว่าไปแล้วก็ชวนคิดถึงช่วงที่ฮิจิริคาวะจะคอยปลุกเขาตอนเช้าสมัยเรียน
"ฉันว่ารสเค็มพอดีแล้ว นายลองมาชิมดูก่อนสิ" ฮิจิริคาวะหันมาแล้วเอ่ยเรียกให้ไปช่วยชิมรส
เขาเดินไปตามที่เรียกหา ชะเง้อหน้าจ้องในกระทะระหว่างรออีกคนตกน้ำขึ้นมาแบ่งใส่ถ้วยใบเล็กแล้วยื่นมาชิมริมฝีปาก
"ระวังร้อนด้วย"
เอ่ยเตือนไว้ขณะที่ควันยังคงโชยอยู่
จินงูจิเป่าเบาๆ ก่อนจะลองชิมรส
มุ่นคิ้วอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับอีกคน ระหว่างนี้คงต้องตั้งทิ้งไว้รอให้เย็นลงก่อนถึงจะนำไปปั่นได้
อุปกรณ์ที่ใช้แล้วถูกวางไว้ในอ่างล้างจานเตรียมทำความสะอาด
"จริงสิงานวันนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ?" จินงูจิเอ่ยถามเพื่อชวนคุย
มักจะเป็นเช่นนี้บ่อยครั้งเพราะอีกคนนั้นไม่ค่อยเก่งเรื่องการเปิดบทสนทนา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไรในความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ฮิจิริคาวะส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ขณะเปิดน้ำล้างภาชนะในอ่าง
"เพิ่งถามเรื่องนี้น่ะหรอ
ก็นะพอบรรยากาศเงียบนายก็คงไม่ชอบนี่เนอะ" นัยน์ตาคู่สีอเมทิสต์เหล่มองมาอย่างรู้ทันก่อนจะเอ่ยตอบคำถามนั้น
"รู้ทันจริงนะ ฉันก็อยากหาเรื่องชวนคุยนี่นา" คิดตามที่พูด
เพราะไม่ได้ชวนคุยเรื่องทั่วไปแบบนี้มาพักใหญ่แล้ว จินงูจิขยับตัวไปยืนใกล้ๆ
แล้วช่วยรับจานที่ล้างน้ำยาแล้วมาล้างให้สะอาด
"ก็แน่นอนอยู่แล้วสิ ฉันรู้ทันเรื่องนายหมดนั่นแหละ" ขยับยิ้มบางแล้วหันหน้าเอียงคอจ้องมอง
ภาพตรงหน้าทำเอาชะงักจนเกือบทำจานหลุดมือ
"ให้ตายสิ.." เขารีบวางจานเก็บบนชั้นก่อนจะบ่นพึมพำ
มือที่ยังเปียกน้ำอยู่คว้ารวบกอดอีกคนจากข้างหลังในทันที
สองแขนโอบไว้ชิดพลางเกยคางบนหัวไหล่
ฮิจิริคาวะบ่นพร้อมขยับตัวขืนเล็กน้อยแต่ก็รู้แก่ใจว่าคงไม่ถูกปล่อยจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วล้างจานต่อไปจนเสร็จ
"นี่นายยังไม่ตอบเลย ว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง" จินงูจิคลอเคลียใบหน้าชิดกับหลังต้นคอเอ่ยถามย้ำอีกรอบ
ส่วนมือทั้งสองเริ่มขยุกขยิกบนอยู่ตัวจนฝ่ามือขาวต้องมาคว้าบีบไว้ให้อยู่นิ่ง
"ก็เหนื่อยนิดหน่อย วันนี้ต้องเลื่อนเวลาถ่ายรายการเพราะฉากไม่พร้อมน่ะ" ฮิจิริคาวะเอ่ยตอบสาเหตุที่ทำให้วันนี้เลิกงานช้ากว่าตารางปกติ
มือคู่นั้นยังไม่เลิกซุกซนจนคนถูกกอดเริ่มมุ่นคิ้ว
แถมคนข้างหลังยังเบียดตัวมาแนบชิดจนทำให้ต้องพิงกับขอบอ่างล้างจาน นัยน์ตาคู่สีอเมทิสต์มองไปทางกระทะที่ตั้งทิ้งไว้
"มันยังไม่เย็นหรอกน่า.. คงอีกสักพัก" ทว่าจินงูจิคงจะรู้ทันเลยพูดขึ้นมาดักไว้ก่อน
ก็เข้าใจอยู่ว่าเกือบเดือนที่ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกันแบบนี้เลย
ไม่ใช่แค่จินงูจิเท่านั้นที่รู้สึกโหยหา แต่ฮิจิริคาวะก็เองก็เช่นกัน
ลมอุ่นหายใจรดที่ลำคอ ศีรษะเรือนผมสีน้ำเงินเอนพิงไปด้านหลัง
"นี่..ฉันยังสวมคัปโปงิ..อยู่เลยนะ.." เริ่มรู้สึกถึงสัมผัสที่รุกรานมากขึ้นเรื่อยๆ
จึงเอ่ยเตือน
"ใส่ไว้แบบนี้ก็ได้นี่" จินงูจิเอ่ยเสียงต่ำกระซิบข้างใบหูแล้วกดริมฝีปากแนบลงชิด
คนในอ้อมกอดสะดุ้งตัวก่อนจะร้อนวูบที่หู
ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ ปลายนิ้วลากบนหลังมือสีแทนก่อนจะผละออกปล่อยให้ขยับตามใจ
สันจมูกไถลงบนพวงแก้มขาว ดันให้หันมาสบตา
เลื่อนเข้าประกบจูบแผ่วเบารอให้แน่ใจจึงย้ำจูบด้วยรสที่หนักหน่วงขึ้น
เปลือกตาทั้งคู่ปิดลงตอบรับสัมผัส ตักตวงเข้าไปยังในโพรงปากด้วยปลายลิ้น
ลำตัวบิดเร่าตามฝ่ามือที่ลูบไล้ไปทั่ว ลงคลำที่สะโพกทั้งสองด้านก่อนจะถกผ้าสีขาวให้ขึ้นมาแล้วล้วงมือไปอยู่ข้างใต้
เข็มขัดถูกปลดออกอย่างรวดเร็วก่อนขอบกางเกงจะถูกดึงให้ร่วงลงมากองที่ข้อเท้า ผิวเปลือยที่ช่วงล่างรู้สึกเย็นวูบจนเผลอเกร็ง
"จินงูจิ.." ฮิจิริคาวะขยับผละจูบออกมาพลางหอบหายใจ
แววตาที่กำลังสั่นไหวจ้องไปยังนัยน์ตาคู่สีฟ้า
เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกโน้มตามไปหาแล้วเม้มกลีบปาก
เลื่อนสองมือบีบคลึงบนเนื้อขาวจนทำให้ผิวกายอุณหภูมิสูงขึ้น
"ฉันคิดถึงนายจนทนไม่ไหวแล้วล่ะ..มาซาโตะ" เขาเอ่ยเสียงพร่าส่งสายตาเว้าวอน
ดวงหน้าแต้มไฝเสน่ห์ของคนถูกเรียกชื่อจริงแดงก่ำ
เม้มปากแน่นแล้วผงกศีรษะเชิงอนุญาต ร่างกระตุกยามที่ถูกสัมผัสเล้าโลม
ขาทั้งสองสั่นระริกเมื่อถูกล่วงล้ำที่เบื้องหน้า แทบจะอ่อนยวบเมื่อได้รับการปรนเปรอ
ร่างกายนี้ช่างตอบสนองไวเกินคาดคงเพราะทนคิดถึงสัมผัสจากจินงูจิไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
"อืม..ถ้าทิ้งไว้...เกินยี่สิบนาที...ซุปจะชืดเอานะ.." เสียงสั่นไปหมด พิงตัวไปหาร่างที่กอดอยู่ข้างหลัง
"เข้าใจแล้ว~" จินงูจิหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบรับ
หยดเหงื่อไหลไปตามแขนเรียวลงมาหยุดบนที่ข้อมือซึ่งวางเท้าไว้กับขอบของเคาน์เตอร์ครัว
ปลาบเล็บจิกลงขณะใช้มือยันร่างไว้รองรับแรงโถมจากด้านหลัง
ฮิจิริคาวะส่งเสียงครางปนหอบหายใจแรง ริมฝีปากสั่นเทิ้มบิดตัวงอตามความกระสันจากสัมผัสวาบหวาม
เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังอยู่ที่ท่อนล่าง บั้นเอวถูกรั้งไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสองจนเป็นรอยแดง
กายที่สอดประสานกันขยับเป็นจังหวะเร่งเร้าชวนเสียววาบที่ช่วงท้อง
ติ่งหูถูกขบเม้มหยอกขณะกระซิบปลอบโยนด้วยถ้อยคำหวาน ปรือตามองก็เห็นเส้นผมส้มทองคลอเคลียอยู่ข้างศีรษะ
"เร็น..." เรียกด้วยเสียงแผ่ว
กลีบปากวาดยิ้มให้อย่างยั่วยวน
และก็ถูกช่วงชิงไปด้วยรสจูบร้อนแรงในทันที
สะโพกแอ่นโก่งรับเป็นอย่างดี ปล่อยให้เนื้อตัวถูกปรนเปรอตามที่มอบให้
อารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้เต็มไปด้วยความใคร่รักและลุ่มหลง
ทั้งสองต่างกำลังเติมเต็มความโหยหาซึ่งกันและกัน ช่วงเวลานี้มีเพียงพวกเขาแค่นั้น จนในที่สุดก็พากันมาถึงปลายทาง
ทุกความปรารถนาที่อัดอั้นได้ถูกปลดปล่อยจนล้น
ท่อนขาสั่นเปื้อนเยิ้มด้วยของเหลว ผืนผ้าสีขาวยับยู่ยี่เปรอะเหนียวไปหมด
แทบจะทรุดฮวบเมื่อจินงูจิถอนกายออกมา สองแขนช่วยประคองตัวไว้อย่างทะนุถนอม
กดริมฝีปากลงไล่หอมแก้มระเรื่อ
"นายทำอาหารต่อเองแล้วกัน...ฉันคงยืนไม่ไหวแล้ว" ฮิจิริคาวะเอ่ยอย่างยิ้มขำ
ตอนแรกก็อยากโกรธที่ทำคัปโปงิเปื้อนขนาดนี้ แต่ตัวเองก็มีส่วนผิดด้วย
อย่างน้อยก็ขอเอาคืนเรื่องอื่นก็ยังดี
"แย่เลยนะ กว่าจะเสร็จคงเที่ยงคืนเลย
แต่ก็ยังดีที่ได้กินมื้อพิเศษรองท้องไปแล้ว" จินงูจิหัวเราะแล้วยิ้มกริ่ม
เขายกตัวอีกคนขึ้นอุ้มอย่างง่ายดายก่อนจะพาไปล้างตัว
หลังจากเรียบร้อยดีก็ช่วยแต่งตัวสวมชุดใหม่แล้วพยุงมานั่งรอที่โต๊ะอาหาร
พอเดินกลับมาที่ครัวก็ถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นซุปในกระทะเย็นหมดแล้ว
ดูท่าคงจะต้องใหม่อีกรอบก่อนเอาไปปั่นซึ่งเสียงบ่นก็ดังไล่หลังมาจากคนที่นั่งรออยู่
สักพักใหญ่จึงค่อยยกไปเสิร์ฟให้ถึงที่พร้อมขนมปังที่ซื้อมา
คนที่นั่งอยู่ทำท่าสนใจขนมปังมากกว่าซุปแครอทที่ช่วยกันทำเสียอีก ก็เรื่องปกติล่ะนะ
"ทานแล้วนะครับ"
เร็นเอ่ยพูดพร้อมอีกฝ่ายก่อนจะเริ่มกินมื้อเย็นที่ข้ามวันไปแล้ว
แต่ถึงเวลาจะไม่ใช่แต่บรรยากาศแบบนี้ที่มีอีกคนอยู่ด้วยก็ทำให้เป็นมื้อเย็นมากกว่าครั้งไหนๆ
และพรุ่งนี้ก็จะได้มีมื้อเช้ากันอีกด้วย
-END-