แรงสครีมกับความฟินช่างน่ากลัวจริงๆ
Fan-fiction Utapri
Title : Majestic Spiky's collar
Pairing : Camus x Kurosaki Ranmaru
Genre : AU, Drama(little)
Note : อ้างอิงธีมหลักจาก Joker Trap
[2]
กรอบ..
พื้นรองเท้ากดน้ำหนักเหยียบลงบนฝ่ามือที่พยายามจะขยับคว้าด้ามปืนที่อยู่บนพื้นเบื้องหน้า
ส้นหนากดย้ำลงไปอีกรอบจนเกิดเสียงแหลกของกระดูกนิ้วมือจนกระทั่งหยุดนิ่งไม่ขยับ
ปลายเท้าถูกยกขึ้นก่อนจะเหวี่ยงใส่เข้าที่สีข้างร่างที่นอนคว่ำอย่างเต็มแรง
ฝ่ามือซึ่งถูกสวมไว้ด้วยถุงมือดำขลับหยิบปืนที่ตกอยู่ขึ้นมาก่อนจะขึ้นนกแล้วเล็งไปที่ศีรษะของอีกฝ่าย
แสงวูบสะท้อนนัยน์ดวงตาไร้ซึ่งแววฉายอยู่เพียงเลือดที่กระเซ็นออกหลังจากถูกเหนี่ยวไกลั่นออกไปด้วยนิ้วชี้ที่ไม่แม้แต่จะสั่นหรือชะงักด้วยความลังใจ
คาวกลิ่นเหล็กสีแดงชาดกระเด็นเป็นหยดเปรอะบนใบหน้าขาว
แกร๊ง..
ดังอยู่แค่เสียงปลอกกระสุนที่ร่วงลงมา
เพราะที่เก็บเสียงซึ่งใส่เอาไว้ก่อนหน้า
ร่างที่นอนแน่นิ่งไปแล้วถูกเขี่ยด้วยฝ่าเท้าให้พลิกหงายตัวขึ้นมา
ชายหนุ่มยกแขนเสื้อขึ้นปาดรอยเลือดบนหน้าก่อนจะย่อตัวลงไปแหวกเสื้อตัวนอกแล้วเริ่มค้นร่างนั่นเพื่อที่จะหาอะไรบางอย่าง
คิ้วคู่มุ่นเข้าหากัน เขาค้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนสภาพเสื้อของศพตรงหน้าหลุดรุ่ยแต่ก็ยังไม่พบ
เสียงสบถเบาๆดังลอดไรฟันอย่างหงุดหงิด
ก่อนที่จะกัดฟันกรอดแล้วลุกขึ้นมาใช้เท้ากระทืบซ้ำอยู่สองสามครั้งใส่ด้วยความโมโห
บ้าเอ้ย.. นี่มันตัวหลอก
จะอะไรก็ไม่ทำให้เขาเป็นเดือดเป็นร้อนได้เท่ากับสิ่งที่จะต้องเจอหลังจากนี้..
แค่เพียงจะคิดก็ไม่อยากแล้ว
นัยน์ตาฉายทั้งแววนึกโกรธเคลือบปนด้วยความหวาดหวั่นให้พอได้เห็น
“รู้อยู่สินะ..ถ้าทำงานพลาดจะต้องเจออะไร”
น้ำเสียงเย็นพาลให้สันหลังวาบ ร่างทั้งร่างแข็งทื่อราวกับเป็นหิน ฝีเท้าที่ค่อยๆสาวเข้ามาใกล้อย่างเนิบๆยามที่พื้นรองเท้าหนังชั้นดีนั่นมาหยุดตรงสายตาที่หลบลงมองสะท้อนให้เห็นใบหน้าตัวเองที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ..ฝ่ามือทั้งสองเองก็เช่นกันเดียว
เงียบอยู่ครู่หนึ่งแต่ความกดดันที่โถมเข้ามาใส่นั้นยิ่งทวีเพิ่มให้อึดอัดแทบหายใจไม่ออก
“ยิ่งเธอที่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดด้วยแล้ว..
ความผิดหวังที่มีกับครั้งนี้คงลดหย่อนโทษให้ไม่ได้” ปลายเส้นผมสีน้ำตาลถูกจิกลงก่อนจะถึงให้แหงนหน้าขึ้นมองตรง
จดจ้องลึกเข้ามาด้วยแววตาที่เขาหวาดกลัวมาแต่ไหนแต่ไร
ไม่ว่าจะตอนใดที่ได้เห็นเหมือนว่าสายตาคู่นี้กำลังสูบวิญญาณเขาให้สิ้นหรือไม่ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
ระริกไหวด้วยความกลัว อาการสั่นเทาเริ่มชัดจนถูกจับสังเกตได้
รอยยิ้มแสยะผุดเผยบนดวงหน้าก่อนปลายนิ้วที่ดึงผมอยู่จะผละออกแล้วเลื่อนมาไล้ไปตามใบหน้าอย่างช้าๆ
หยุดที่ปลายคางแล้วบีบด้วยนิ้วออกแรงกดจนเจ็บ
จากยิ้มแสยะเย็นกลายมาเป็นวาดยิ้มบางที่คล้ายจะอ่อนโยนแต่ไม่เลย..
เป็นสัญญาณที่อันตรายเสียยิ่งกว่าสีหน้าก่อนหน้านี้อีกด้วยซ้ำ
ปลายนิ้วแข็งกดลงบนริมฝีปากให้อ้าออกก่อนจะแทรกเข้าไปด้านใน
ฟันคมสีไปกับเล็บแข็งเผลอกระตุกแยกเขี้ยวอย่างลืมตัว
“หืม..เริ่มจะไม่เชื่องกับผมหรอ..”
คิ้วเลิกขึ้นมองอยู่สักพักแล้วเสียงหัวเราะดังอยู่ในลำคอ
แทบจะสำลักเมื่อถูกบีบที่ลำคอ ร่างถูกดันให้ถอยไปจนกระทั่งติดกับกำแพง
ศีรษะโขกเต็มแรงด้วยความตั้งใจของอีกคน ไม่ทันจะตั้งตัวได้ทันก็ถูกพลิกให้แนบหน้าเข้าหาผนังเสียแล้ว
มือที่ปัดป่ายไล่ลงไปตามหลังแม้ในใจจะต่อต้านสักแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ
“มาเริ่มกันเถอะ..บทลงโทษที่คุ้นเคยกันดีน่ะ..”
สิ่งที่ทำให้สมคำที่เรียกว่า ‘บทลงโทษ’
นั้นไม่ใช่ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ร่างกายจะได้รับ
แต่มันคือการถูกตีตราลึกลงไปฝังข้างในใจและความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือน
ไม่ใช่ครั้งแรก..
และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
ความชื้นจนเหงื่อทำให้เหนอะหนะจนต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้น
เปลือกตาขยับลืมขึ้นก่อนจะลุกขึ้นนั่งในทันทีจนทำให้เลือดสูบฉีดขึ้นไปยังศีรษะแทบจะไม่ทัน
รันมารุยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ชุ่มด้วยเหงื่อก่อนจะพยายามสูดหายใจตั้งสติ
เมื่อขยับฝ่ามืออีกข้างไปยันไว้บนผ้าปูเตียงก็สัมผัสขึ้นความชื้นของเหงื่อที่ไม่ต่างจากทั่วตัว..
ทั้งๆอากาศช่วงนี้ออกจะเรียกได้ว่าหนาวแท้ๆ
เพราะไอ้ฝันร้ายนั่นแน่ๆ...
ทั้งที่พยายามไม่นึกถึง..แต่เพราะคราวก่อน..
ไม่ว่าจะหนีไปไกลสักแค่ไหน..ก็ไม่มีทางพ้น..
เขาน่าจะรู้..แล้วควรที่จะรู้ตัวอยู่เสมอ
แผลที่เกือบจะแห้งแต่ไม่สนิทนับเป็นอุปสรรคอย่างมากในการจะอาบน้ำ
เขาเองก็เป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบอะไรที่มันยุ่งยาก
จะต้องมาคอยระวังไมให้ถูกน้ำมันก็ลำบาก ยามความเย็นไหลผ่านก็เผลอสะดุ้งเพราะความแสบที่แปลบขึ้นมา
แต่คงทำให้เจ็บได้ไม่เท่าเงาบนกระจกในตอนนี้ที่สายตาของเขากำลังมองร่างตัวเอง..และรอยแดงตามตัว..
แค่ด้านหน้าก็ชวนอยากจะสำรอกด้วยความรังเกียจ..ถ้าเขาเห็นด้านหลังที่น่าจะไม่ต่างกันคงอยากจะกรีดมันออกด้วยมีดคมๆ
ยอมให้เป็นรอยแผลเป็นยังจะดีซะกว่า..
ขยะแขยง..
นัยน์ตาจังคงจดจ้องร่องรอยในเงากระจกนิ่งราวกับหวนนึกถึงเรื่องที่เกิดในตอนนั้น..
“ดูท่าผมจะปล่อยหมาตัวนี้ออกมาเดินเล่นนานไปแล้วสิ”
เส้นผมถูกยีเบาๆก่อนจะถูกดึงจิกขึ้นมา
“แถมยังถูกย้อมขนใหม่ซะด้วย..หืม..จ้องผมแบบนั้นคงจะลืมไปแล้วสินะว่าใครคือเจ้าของ?”
สายตาจ้องลดลงมองอย่างเหยียดสิ่งที่ดูต่ำกว่า
“..เอาเถอะยังไงเธอก็หนีไปจากผมไม่พ้นอยู่ดี
เราคงมีเวลามาทบทวนกันใหม่อีกมาก.. ส่วนครั้งนี้ขอทวงหนี้คืนเล็กน้อยแล้วค่อยปล่อยให้เดินเล่นไปก่อนสักพักก็แล้วกัน”
สบู่เหลวลูบไปตามตัว..เมื่อผ่านรอยนั่นก็เผลอออกแรงถูจนผิวแทบจะถลอก
กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนได้กลิ่นคาวเลือดที่ไหลเป็นสายลงไปปนกับน้ำที่เปิดทิ้งไว้
เขาละสายตาลงก้มมองก็พบว่ากำลังจิกเล็บอยู่บนแขนของตัวเองอยู่
พอคลายก็พบว่าเป็นรอยลึกใช่เล่น..ก็แหงสิถึงกับเลือดออกมาเลย..
แล้วจะยังไง..
ควรจะบอกหรือยังไง..
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเพราะนี่เป็นปัญหาของเขาแค่คนเดียว
ยังไงซะตอนนี้เรื่องภารกิจก็ต้องสำคัญที่สุด..
ถ้ามันเกี่ยวกันเมื่อไหร่ถึงจะจำเป็นที่จะต้องรายงาน
นอกจากการอาบน้ำกว่าจะทำแผลทั้งทายาแถมพันผ้าใหม่ก็ใช้เวลานานไม่ต่างกัน
ชีวิตประจำวันที่ปกติสำหรับเขาแต่อาจไม่ใช่สำหรับคนทั่วไปเรื่องพวกนี้ทำจนเริ่มชินเข้าไปทุกที
กระดุมเชิ้ตบางถูกติดทีละเม็ดจนครบก่อนจะสวมทับไว้ด้วยเสื้อไหมพรมหนาสีดำเพื่อให้อุ่นขึ้น
ห้องในส่วนของเขาก็ไม่ได้เล็กจนเกินไป..คงเพราะส่วนมากพื้นที่แห่งนี้ไม่ค่อยจะมีคนเข้ามาอยู่นานนักนอกจากจะมารับภารกิจแล้วก็แยกย้ายไปทำงาน
เขาไม่มีที่พักอื่นนอกจากที่นี่
ส่วนงานบังหน้าก็แทบจะไม่เข้ากันสักนิด..ร้านเค้กเบเกอรี่ตามรสนิยมหมอนั่น..
[MAJESTIC SPADE] โค้ดเนมที่เรียกกันของหมอนั่น..
จะเรียกว่าเป็นบุญคุณเสียจริงที่ได้รับการอุปการะมาจากข้างถนนตอนหมดสิ้นหนทางโดยสายลับสองหน้าของแท้ที่เป็นเบาหวานก็คงจะไม่ผิดเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด..แต่ที่ถูกกว่าคือไม่อยากยอมรับเพราะกระดากทั้งปากและใจ
จะให้ยอมรับหรือไว้ใจใครง่ายๆน่ะหรอ..
ต่อให้ทำเรื่องที่เป็นบุญคุณมากก็ยังไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงอยู่ดีว่าต้องการผลประโยชน์อะไรบ้าง
เขาถูกสอนมาแบบนี้..จากความเลวร้ายในอดีต..
คนที่จะเชื่อใจได้จริงๆก็มีแค่ตัวเองเท่านั้นล่ะ
เป็นมื้อเช้าที่เรียบง่าย
ไอร้อนจากถ้วยซุปโชยขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอม
ช้อนตักขึ้นมาค้างไว้ก่อนจะถูกลมที่พ่นออกมาเป่าให้เย็นลงพออุ่น อีกเรื่องที่ต้องพึ่งตัวเองก็คงจะเป็นอาหารการกิน
ขืนปล่อยให้อีกคนทำคงจะเสียดายที่ต้องเททิ้งแม้กระทั่งแมลงวันยังไม่คิดจะมาตอม..
แต่เช้านี้ก็ดีสงบในรอบอาทิตย์หนึ่ง เพราะไม่ต้องออกแรงเปิดสงครามกับใครบางคนตั้งแต่เช้า
แถมไม่มีเสียงบ่นว่าใส่น้ำตาลน้อยไปอีกต่างหาก
ถ้วยกับช้อนที่กินเสร็จแล้วถูกวางแช่ไว้ในอ่างล้าง
ส่วนหม้อต้มซุปก็ถูกปิดฝาไว้เผื่ออุ่นสำหรับมื้ออื่นได้อีก
ไม่อยากนึกสงสัยเท่าไหร่เพราะไม่ได้เป็นกงการอะไรของตัวเอง..แต่วันนี้เหลือเขาอยู่ที่นี่คนเดียวสินะ
พึ่บๆ
?..
“จริงสินะ..”
เสียงเมื่อครู่ที่ดังขึ้นทำให้เขานึกบางอย่างขึ้นมาได้
อยู่คนเดียวก็ใช่.. กับอีกหนึ่งตัวน่ะนะ
ไม่ต้องว่าถือวิสาสะเขาก็มีสิทธิ์จะเปิดประตูห้องของคนที่ไม่ได้อยู่ในตอนนี้ได้..
บอซอยด์สีขาววิ่งออกมาแทบจะทันทีแล้วมาหยุดนิ่งลงที่ข้างตัว ขนสีสะอาดยุ่งเล็กน้อยคงเพราะเพิ่งตื่นนอน
ชายหนุ่มเดินไปหยิบแปรงสีเงินหน้าโต๊ะในห้องก่อนจะเดินออกมาแต่กลับไม่พบเจ้าสุนัขพันธุ์หรูนั่น
ระหว่างเดินหาได้ไม่นานเสียงเห่าเรียกก็ดังทักขึ้นให้หันไปมอง
“ไปอยู่ตรงนั้นแล้วเรอะ..ไวชะมัด”
รอยยิ้มวาดขึ้นเล็กๆที่มุมปากขณะเดินไปทางโถงใหญ่
เจ้าตัวที่หาอยู่นั้นกำลังนอนหมอบส่ายหางน้อยๆก่อนจะเชิดคอขึ้นมองเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ๆ
รันมารุย่อตัวลงนั่งยองๆก่อนจะลูบที่หัวเบาๆแล้วหวีขนยาวนั่นให้เรียบร้อย
“ใครว่าหมาจะเหมือนเจ้าของกัน..แกดูดีกว่าตั้งเยอะ”
ว่าพลางขยับยิ้มมองดวงตาใส
เมื่อหวีเสร็จจึงวางแปรงลงบนพื้นก่อนที่จะเขยิบตัวไปที่โซฟาแล้วนั่งลงเอนตัวกับพนักนุ่มๆอย่างสบายๆ
“หืม?”
มือ..ไม่สิเท้าหน้าสองข้างถูกวางแปะลงบนเข่าพลางเงยจ้องเหมือนจะอ้อน สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมลงไปนั่งพื้นแล้วพิงหลังกับโซฟาแทน
น้ำหนักตัวของเจ้านี่ไม่ใช่จะเบา.. แต่ก็ไม่หนักเท่าไหร่
เขาถอนหายใจยาวขณะเอื้อมมือไปยีหัวเบาๆของเจ้าบอซอยด์ที่เอาหน้ามาเกยตัก
ชีวิตปกติสุข..?
เป็นแบบนั้นก็คงจะดี
ระหว่างที่ปิดเปลือกตาลงพักนั้นเจ้าตัวไม่ได้รับรู้เลยว่ามีอีกสายตาที่จ้องมองอยู่นับตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องโถงแล้ว
“หึ..ทั้งที่อเล็กซานเดอร์จะเข้ากับผู้อื่นยากแท้ๆ” เสียงพึมพำพร้อมขยับยิ้มเล็กๆขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ร่างของชายผมยาวในชุดโค้ทสีดำค่อยๆก้าวเข้ามาให้เกิดเสียงเบาที่สุด
“หลับไปแล้วงั้นเรอะ..”
ทั้งคนทั้งสุนัข
เสื้อโค้ทถูกถอดเมื่อมาหยุดยืนใกล้ๆ
คามิวทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วจึงค่อยโน้มลงไปห่มเสื้อนอกที่เพิ่งถอดคลุมให้ทั้งสองที่หลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเพ่งมองใบหน้าของผู้ที่กำลังหลับอยู่ก็หวนนึกถึงเรื่องในวันนี้ที่ทำให้ต้องรีบออกไปแต่เช้ามืด
พอจะรู้ได้คร่าวๆจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มๆหนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามา
แม้ข้อมูลจะยังหาได้ไม่มากเท่าไหร่แต่ถ้าตรวจสอบจากสถานที่ต้นทางของพวกนั้นกับเวลาที่มาถึงที่นี่แล้วคงจะมีโอกาสมากทีเดียวที่จะเกี่ยวกับเหตุการณ์ของคุโรซากิวันนั้น
กับในแฟ้มประวัติ..องค์กรที่ถูกระบุว่าถูกสลายไปแล้ว..จะใช่แบบนั้นจริงๆหรือ..
นัยน์ตาหรี่มองขณะถามอยู่ในใจตัวเอง
แท้จริงแล้วเจ้ากำลังทำงานให้กับใครอยู่กันแน่คุโรซากิ
-TBC.-
*สลบ*