1.25.2557

[Fic Utapri] Majestic Spiky's collar [2] (SpadeCAMUS x ClubRAN)




แรงสครีมกับความฟินช่างน่ากลัวจริงๆ


Fan-fiction Utapri

Title : Majestic Spiky's collar
Pairing : Camus x Kurosaki Ranmaru
Genre : AU, Drama(little)
Note : อ้างอิงธีมหลักจาก Joker Trap



[2]




กรอบ..

พื้นรองเท้ากดน้ำหนักเหยียบลงบนฝ่ามือที่พยายามจะขยับคว้าด้ามปืนที่อยู่บนพื้นเบื้องหน้า ส้นหนากดย้ำลงไปอีกรอบจนเกิดเสียงแหลกของกระดูกนิ้วมือจนกระทั่งหยุดนิ่งไม่ขยับ ปลายเท้าถูกยกขึ้นก่อนจะเหวี่ยงใส่เข้าที่สีข้างร่างที่นอนคว่ำอย่างเต็มแรง
ฝ่ามือซึ่งถูกสวมไว้ด้วยถุงมือดำขลับหยิบปืนที่ตกอยู่ขึ้นมาก่อนจะขึ้นนกแล้วเล็งไปที่ศีรษะของอีกฝ่าย แสงวูบสะท้อนนัยน์ดวงตาไร้ซึ่งแววฉายอยู่เพียงเลือดที่กระเซ็นออกหลังจากถูกเหนี่ยวไกลั่นออกไปด้วยนิ้วชี้ที่ไม่แม้แต่จะสั่นหรือชะงักด้วยความลังใจ คาวกลิ่นเหล็กสีแดงชาดกระเด็นเป็นหยดเปรอะบนใบหน้าขาว

แกร๊ง..

ดังอยู่แค่เสียงปลอกกระสุนที่ร่วงลงมา เพราะที่เก็บเสียงซึ่งใส่เอาไว้ก่อนหน้า

ร่างที่นอนแน่นิ่งไปแล้วถูกเขี่ยด้วยฝ่าเท้าให้พลิกหงายตัวขึ้นมา ชายหนุ่มยกแขนเสื้อขึ้นปาดรอยเลือดบนหน้าก่อนจะย่อตัวลงไปแหวกเสื้อตัวนอกแล้วเริ่มค้นร่างนั่นเพื่อที่จะหาอะไรบางอย่าง

คิ้วคู่มุ่นเข้าหากัน เขาค้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนสภาพเสื้อของศพตรงหน้าหลุดรุ่ยแต่ก็ยังไม่พบ เสียงสบถเบาๆดังลอดไรฟันอย่างหงุดหงิด

ก่อนที่จะกัดฟันกรอดแล้วลุกขึ้นมาใช้เท้ากระทืบซ้ำอยู่สองสามครั้งใส่ด้วยความโมโห


บ้าเอ้ย.. นี่มันตัวหลอก


จะอะไรก็ไม่ทำให้เขาเป็นเดือดเป็นร้อนได้เท่ากับสิ่งที่จะต้องเจอหลังจากนี้..


แค่เพียงจะคิดก็ไม่อยากแล้ว

นัยน์ตาฉายทั้งแววนึกโกรธเคลือบปนด้วยความหวาดหวั่นให้พอได้เห็น






            รู้อยู่สินะ..ถ้าทำงานพลาดจะต้องเจออะไร

น้ำเสียงเย็นพาลให้สันหลังวาบ ร่างทั้งร่างแข็งทื่อราวกับเป็นหิน ฝีเท้าที่ค่อยๆสาวเข้ามาใกล้อย่างเนิบๆยามที่พื้นรองเท้าหนังชั้นดีนั่นมาหยุดตรงสายตาที่หลบลงมองสะท้อนให้เห็นใบหน้าตัวเองที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ..ฝ่ามือทั้งสองเองก็เช่นกันเดียว เงียบอยู่ครู่หนึ่งแต่ความกดดันที่โถมเข้ามาใส่นั้นยิ่งทวีเพิ่มให้อึดอัดแทบหายใจไม่ออก

               ยิ่งเธอที่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดด้วยแล้ว.. ความผิดหวังที่มีกับครั้งนี้คงลดหย่อนโทษให้ไม่ได้ ปลายเส้นผมสีน้ำตาลถูกจิกลงก่อนจะถึงให้แหงนหน้าขึ้นมองตรง จดจ้องลึกเข้ามาด้วยแววตาที่เขาหวาดกลัวมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะตอนใดที่ได้เห็นเหมือนว่าสายตาคู่นี้กำลังสูบวิญญาณเขาให้สิ้นหรือไม่ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

ระริกไหวด้วยความกลัว อาการสั่นเทาเริ่มชัดจนถูกจับสังเกตได้ รอยยิ้มแสยะผุดเผยบนดวงหน้าก่อนปลายนิ้วที่ดึงผมอยู่จะผละออกแล้วเลื่อนมาไล้ไปตามใบหน้าอย่างช้าๆ หยุดที่ปลายคางแล้วบีบด้วยนิ้วออกแรงกดจนเจ็บ

จากยิ้มแสยะเย็นกลายมาเป็นวาดยิ้มบางที่คล้ายจะอ่อนโยนแต่ไม่เลย..
เป็นสัญญาณที่อันตรายเสียยิ่งกว่าสีหน้าก่อนหน้านี้อีกด้วยซ้ำ

ปลายนิ้วแข็งกดลงบนริมฝีปากให้อ้าออกก่อนจะแทรกเข้าไปด้านใน ฟันคมสีไปกับเล็บแข็งเผลอกระตุกแยกเขี้ยวอย่างลืมตัว

               หืม..เริ่มจะไม่เชื่องกับผมหรอ.. คิ้วเลิกขึ้นมองอยู่สักพักแล้วเสียงหัวเราะดังอยู่ในลำคอ

แทบจะสำลักเมื่อถูกบีบที่ลำคอ ร่างถูกดันให้ถอยไปจนกระทั่งติดกับกำแพง ศีรษะโขกเต็มแรงด้วยความตั้งใจของอีกคน ไม่ทันจะตั้งตัวได้ทันก็ถูกพลิกให้แนบหน้าเข้าหาผนังเสียแล้ว มือที่ปัดป่ายไล่ลงไปตามหลังแม้ในใจจะต่อต้านสักแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ


               มาเริ่มกันเถอะ..บทลงโทษที่คุ้นเคยกันดีน่ะ..


สิ่งที่ทำให้สมคำที่เรียกว่า บทลงโทษ นั้นไม่ใช่ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ร่างกายจะได้รับ
แต่มันคือการถูกตีตราลึกลงไปฝังข้างในใจและความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือน



ไม่ใช่ครั้งแรก..


และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย





               ความชื้นจนเหงื่อทำให้เหนอะหนะจนต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้น เปลือกตาขยับลืมขึ้นก่อนจะลุกขึ้นนั่งในทันทีจนทำให้เลือดสูบฉีดขึ้นไปยังศีรษะแทบจะไม่ทัน รันมารุยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ชุ่มด้วยเหงื่อก่อนจะพยายามสูดหายใจตั้งสติ

เมื่อขยับฝ่ามืออีกข้างไปยันไว้บนผ้าปูเตียงก็สัมผัสขึ้นความชื้นของเหงื่อที่ไม่ต่างจากทั่วตัว.. ทั้งๆอากาศช่วงนี้ออกจะเรียกได้ว่าหนาวแท้ๆ


เพราะไอ้ฝันร้ายนั่นแน่ๆ...

ทั้งที่พยายามไม่นึกถึง..แต่เพราะคราวก่อน..


ไม่ว่าจะหนีไปไกลสักแค่ไหน..ก็ไม่มีทางพ้น.. เขาน่าจะรู้..แล้วควรที่จะรู้ตัวอยู่เสมอ



แผลที่เกือบจะแห้งแต่ไม่สนิทนับเป็นอุปสรรคอย่างมากในการจะอาบน้ำ เขาเองก็เป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบอะไรที่มันยุ่งยาก จะต้องมาคอยระวังไมให้ถูกน้ำมันก็ลำบาก ยามความเย็นไหลผ่านก็เผลอสะดุ้งเพราะความแสบที่แปลบขึ้นมา แต่คงทำให้เจ็บได้ไม่เท่าเงาบนกระจกในตอนนี้ที่สายตาของเขากำลังมองร่างตัวเอง..และรอยแดงตามตัว.. แค่ด้านหน้าก็ชวนอยากจะสำรอกด้วยความรังเกียจ..ถ้าเขาเห็นด้านหลังที่น่าจะไม่ต่างกันคงอยากจะกรีดมันออกด้วยมีดคมๆ ยอมให้เป็นรอยแผลเป็นยังจะดีซะกว่า..

ขยะแขยง..

นัยน์ตาจังคงจดจ้องร่องรอยในเงากระจกนิ่งราวกับหวนนึกถึงเรื่องที่เกิดในตอนนั้น..



               ดูท่าผมจะปล่อยหมาตัวนี้ออกมาเดินเล่นนานไปแล้วสิ เส้นผมถูกยีเบาๆก่อนจะถูกดึงจิกขึ้นมา

            แถมยังถูกย้อมขนใหม่ซะด้วย..หืม..จ้องผมแบบนั้นคงจะลืมไปแล้วสินะว่าใครคือเจ้าของ? สายตาจ้องลดลงมองอย่างเหยียดสิ่งที่ดูต่ำกว่า

            ..เอาเถอะยังไงเธอก็หนีไปจากผมไม่พ้นอยู่ดี เราคงมีเวลามาทบทวนกันใหม่อีกมาก.. ส่วนครั้งนี้ขอทวงหนี้คืนเล็กน้อยแล้วค่อยปล่อยให้เดินเล่นไปก่อนสักพักก็แล้วกัน



สบู่เหลวลูบไปตามตัว..เมื่อผ่านรอยนั่นก็เผลอออกแรงถูจนผิวแทบจะถลอก กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนได้กลิ่นคาวเลือดที่ไหลเป็นสายลงไปปนกับน้ำที่เปิดทิ้งไว้ เขาละสายตาลงก้มมองก็พบว่ากำลังจิกเล็บอยู่บนแขนของตัวเองอยู่ พอคลายก็พบว่าเป็นรอยลึกใช่เล่น..ก็แหงสิถึงกับเลือดออกมาเลย..


แล้วจะยังไง..

ควรจะบอกหรือยังไง.. แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเพราะนี่เป็นปัญหาของเขาแค่คนเดียว

ยังไงซะตอนนี้เรื่องภารกิจก็ต้องสำคัญที่สุด..
ถ้ามันเกี่ยวกันเมื่อไหร่ถึงจะจำเป็นที่จะต้องรายงาน




               นอกจากการอาบน้ำกว่าจะทำแผลทั้งทายาแถมพันผ้าใหม่ก็ใช้เวลานานไม่ต่างกัน ชีวิตประจำวันที่ปกติสำหรับเขาแต่อาจไม่ใช่สำหรับคนทั่วไปเรื่องพวกนี้ทำจนเริ่มชินเข้าไปทุกที กระดุมเชิ้ตบางถูกติดทีละเม็ดจนครบก่อนจะสวมทับไว้ด้วยเสื้อไหมพรมหนาสีดำเพื่อให้อุ่นขึ้น ห้องในส่วนของเขาก็ไม่ได้เล็กจนเกินไป..คงเพราะส่วนมากพื้นที่แห่งนี้ไม่ค่อยจะมีคนเข้ามาอยู่นานนักนอกจากจะมารับภารกิจแล้วก็แยกย้ายไปทำงาน


เขาไม่มีที่พักอื่นนอกจากที่นี่ ส่วนงานบังหน้าก็แทบจะไม่เข้ากันสักนิด..ร้านเค้กเบเกอรี่ตามรสนิยมหมอนั่น..


 [MAJESTIC SPADE] โค้ดเนมที่เรียกกันของหมอนั่น..


จะเรียกว่าเป็นบุญคุณเสียจริงที่ได้รับการอุปการะมาจากข้างถนนตอนหมดสิ้นหนทางโดยสายลับสองหน้าของแท้ที่เป็นเบาหวานก็คงจะไม่ผิดเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด..แต่ที่ถูกกว่าคือไม่อยากยอมรับเพราะกระดากทั้งปากและใจ

จะให้ยอมรับหรือไว้ใจใครง่ายๆน่ะหรอ.. ต่อให้ทำเรื่องที่เป็นบุญคุณมากก็ยังไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงอยู่ดีว่าต้องการผลประโยชน์อะไรบ้าง


เขาถูกสอนมาแบบนี้..จากความเลวร้ายในอดีต..


คนที่จะเชื่อใจได้จริงๆก็มีแค่ตัวเองเท่านั้นล่ะ



               เป็นมื้อเช้าที่เรียบง่าย ไอร้อนจากถ้วยซุปโชยขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอม ช้อนตักขึ้นมาค้างไว้ก่อนจะถูกลมที่พ่นออกมาเป่าให้เย็นลงพออุ่น อีกเรื่องที่ต้องพึ่งตัวเองก็คงจะเป็นอาหารการกิน ขืนปล่อยให้อีกคนทำคงจะเสียดายที่ต้องเททิ้งแม้กระทั่งแมลงวันยังไม่คิดจะมาตอม..

แต่เช้านี้ก็ดีสงบในรอบอาทิตย์หนึ่ง เพราะไม่ต้องออกแรงเปิดสงครามกับใครบางคนตั้งแต่เช้า
แถมไม่มีเสียงบ่นว่าใส่น้ำตาลน้อยไปอีกต่างหาก

ถ้วยกับช้อนที่กินเสร็จแล้วถูกวางแช่ไว้ในอ่างล้าง ส่วนหม้อต้มซุปก็ถูกปิดฝาไว้เผื่ออุ่นสำหรับมื้ออื่นได้อีก ไม่อยากนึกสงสัยเท่าไหร่เพราะไม่ได้เป็นกงการอะไรของตัวเอง..แต่วันนี้เหลือเขาอยู่ที่นี่คนเดียวสินะ

พึ่บๆ
?..

               จริงสินะ.. เสียงเมื่อครู่ที่ดังขึ้นทำให้เขานึกบางอย่างขึ้นมาได้

อยู่คนเดียวก็ใช่.. กับอีกหนึ่งตัวน่ะนะ

ไม่ต้องว่าถือวิสาสะเขาก็มีสิทธิ์จะเปิดประตูห้องของคนที่ไม่ได้อยู่ในตอนนี้ได้.. บอซอยด์สีขาววิ่งออกมาแทบจะทันทีแล้วมาหยุดนิ่งลงที่ข้างตัว ขนสีสะอาดยุ่งเล็กน้อยคงเพราะเพิ่งตื่นนอน ชายหนุ่มเดินไปหยิบแปรงสีเงินหน้าโต๊ะในห้องก่อนจะเดินออกมาแต่กลับไม่พบเจ้าสุนัขพันธุ์หรูนั่น

ระหว่างเดินหาได้ไม่นานเสียงเห่าเรียกก็ดังทักขึ้นให้หันไปมอง


               ไปอยู่ตรงนั้นแล้วเรอะ..ไวชะมัด รอยยิ้มวาดขึ้นเล็กๆที่มุมปากขณะเดินไปทางโถงใหญ่

เจ้าตัวที่หาอยู่นั้นกำลังนอนหมอบส่ายหางน้อยๆก่อนจะเชิดคอขึ้นมองเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ๆ รันมารุย่อตัวลงนั่งยองๆก่อนจะลูบที่หัวเบาๆแล้วหวีขนยาวนั่นให้เรียบร้อย

               ใครว่าหมาจะเหมือนเจ้าของกัน..แกดูดีกว่าตั้งเยอะ ว่าพลางขยับยิ้มมองดวงตาใส เมื่อหวีเสร็จจึงวางแปรงลงบนพื้นก่อนที่จะเขยิบตัวไปที่โซฟาแล้วนั่งลงเอนตัวกับพนักนุ่มๆอย่างสบายๆ

               หืม? มือ..ไม่สิเท้าหน้าสองข้างถูกวางแปะลงบนเข่าพลางเงยจ้องเหมือนจะอ้อน สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมลงไปนั่งพื้นแล้วพิงหลังกับโซฟาแทน

น้ำหนักตัวของเจ้านี่ไม่ใช่จะเบา.. แต่ก็ไม่หนักเท่าไหร่ เขาถอนหายใจยาวขณะเอื้อมมือไปยีหัวเบาๆของเจ้าบอซอยด์ที่เอาหน้ามาเกยตัก


ชีวิตปกติสุข..?

เป็นแบบนั้นก็คงจะดี



ระหว่างที่ปิดเปลือกตาลงพักนั้นเจ้าตัวไม่ได้รับรู้เลยว่ามีอีกสายตาที่จ้องมองอยู่นับตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องโถงแล้ว



               หึ..ทั้งที่อเล็กซานเดอร์จะเข้ากับผู้อื่นยากแท้ๆ เสียงพึมพำพร้อมขยับยิ้มเล็กๆขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ร่างของชายผมยาวในชุดโค้ทสีดำค่อยๆก้าวเข้ามาให้เกิดเสียงเบาที่สุด

               หลับไปแล้วงั้นเรอะ.. ทั้งคนทั้งสุนัข

เสื้อโค้ทถูกถอดเมื่อมาหยุดยืนใกล้ๆ คามิวทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วจึงค่อยโน้มลงไปห่มเสื้อนอกที่เพิ่งถอดคลุมให้ทั้งสองที่หลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว

ขณะเพ่งมองใบหน้าของผู้ที่กำลังหลับอยู่ก็หวนนึกถึงเรื่องในวันนี้ที่ทำให้ต้องรีบออกไปแต่เช้ามืด

พอจะรู้ได้คร่าวๆจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มๆหนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามา แม้ข้อมูลจะยังหาได้ไม่มากเท่าไหร่แต่ถ้าตรวจสอบจากสถานที่ต้นทางของพวกนั้นกับเวลาที่มาถึงที่นี่แล้วคงจะมีโอกาสมากทีเดียวที่จะเกี่ยวกับเหตุการณ์ของคุโรซากิวันนั้น

กับในแฟ้มประวัติ..องค์กรที่ถูกระบุว่าถูกสลายไปแล้ว..จะใช่แบบนั้นจริงๆหรือ..


นัยน์ตาหรี่มองขณะถามอยู่ในใจตัวเอง




แท้จริงแล้วเจ้ากำลังทำงานให้กับใครอยู่กันแน่คุโรซากิ







-TBC.-


*สลบ*

1.24.2557

[Fic Utapri] Majestic Spiky's collar [1] (SpadeCAMUS x ClubRAN)

งอนเอ็กส์ทีนอย่างจริงจัง.. พอจะใช้ก็502 504รัวๆ...

คงต้องย้ายบ้านมานี่เป็นบ้านหลักจริงๆแล้วล่ะ แต่ต้องใช้เวลาขนของนานหน่อย



Fan-fiction Utapri

Title : Majestic Spiky's collar
Pairing : Camus x Kurosaki Ranmaru
Genre : AU, Drama(little)
Note : อ้างอิงธีมหลักจาก Joker Trap



               ควันจางพ่นแทรกอากาศหนาวจนขึ้นสีจางขาวเป็นกลุ่มไอ กลิ่นคาวเหล็กคลุ้งทั่วติดอยู่ในลมหายใจ แขนเสื้อสูทถูกยกขึ้นเช็ดคราบเลือดที่กบปากก่อนจะกัดฟันกรอดอย่างนึกแค้นใจไม่ทางจากดวงตาสองสีที่วะวับแสงขณะเพ่งมองในความมืดไปทางเบื้องหลัง

เสียงฝีเท้าที่ไล่ตามหลังยังคงดังอยู่ทำให้เขารู้ว่ายังหนีพวกมันได้ไม่พ้น ถึงแม้ขาทั้งสองจะก้าวได้ไม่สะดวกนักก็ต้องทนฝืนวิ่งต่อไปในตรอกแคบๆที่มืดจนแทบไม่เห็นทาง

หากอยู่ในสภาพปกติล่ะก็จำนวนคนแค่นั้นไม่คณามือเขาหรอก

พวกลอบกัดเอ้ย..แถมยังไล่กัดไม่ปล่อยอีก

จะว่าเพราะความใจร้อนของตัวเองก็มีส่วนที่ไม่ยอมดำเนินการตามแผน แต่เขาเป็นพวกประเภทที่ไม่ชอบทำงานร่วมกับใครอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ยิ่งต้องมารอคนอื่นยิ่งเสียเวลาสู้ไปเองคนเดียวน่าจะง่ายและรวดเร็วกว่า

แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาถูกตลบหลังจนทำให้พลาดท่าแบบนี้

เสียงปลดเซฟล็อกแม้จะเบาสำหรับคนปกติด้วยระยะที่ทิ้งห่างอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีทางหลุดเล็ดลอดไปจากโสตประสาทชั้นเยี่ยมของสายลับที่ถูกฝึกมาอย่างดี เขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว

อีกไม่ไกลเท่าไหร่ก็จะเป็นเส้นทางที่เขาคุ้นเคยดี..รอถึงแค่ทางเลี้ยวคงจะสลัดพวกนั้นให้หลุดไปได้

ฝีเท้าที่สภาพไม่เต็มร้อยเพิ่มความเร็วให้วิ่งเลี้ยวเข้าไปยังทางแยกซึ่งฝั่งหนึ่งออกไปสู่ถนนใหญ่กับอีกฝั่งที่เหมือนจะเป็นซอยตัน ตามปกติแล้วสถานการณ์แบบนี้คงไม่มีใครคิดจะวิ่งเข้าหากำแพงให้ตัวเองถูกจับ..

นี่แหละโอกาสที่จะสลัดให้หลุด

จริงๆแล้วตามตรอกลึกแห่งนี้เคยเป็นตึกเช่ามาก่อนข้างกำแพงของทุกบล็อคก็ไม่แปลกที่จะมีบันไดฉุกเฉิน แม้สภาพจะผุกร่อนไปตามเวลาจนเหมือนจะหักลงมาได้ทุกเมื่อแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้ใช้ยึด

ไอ้พวกเรื่องหาทางหนีทีไล่ตามสถานการณ์เป็นอีกเรื่องที่เขาถนัด..

สายเข็มขัดถูกถอดก่อนจะปลดล็อคให้ยืดออก เบาตัวขึ้นอีกหน่อย..เพราะหัวเข็มขัดที่ใส่ถูกถ่วงน้ำหนักไว้ใช้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ใช้สายตากะระยะเพื่อที่จะออกแรงให้พอดี เข็มขัดยาวถูกเหวี่ยงไปให้พันกับราวบันไดสองรอบครึ่งได้จนพอจะยึดติดไม่ให้หลุด ย่อตัวลงก่อนจะกระโดดให้พื้นรองเท้าข้างหนึ่งแตะทำมุมกับผนังด้านข้างแล้วจึงค่อยถีบดันตัวให้สปริงขึ้นไปเพื่อคว้าขอบกำแพงสูงไว้ มือซ้ายรีบม้วนสายเข็มขัดให้สั้นลงประคองตัวไว้ให้สมดุล แขนข้างที่มือเกาะเกร็งแน่นเพื่อยกตัวให้พ้นไปยืนยังด้านบนก่อนจะกระโดดลงที่อีกฝั่ง

ทันทีที่ร่างลงสู่พื้นความเจ็บแปลบจากข้อเท้าก็แล่นขึ้นมา.. ด้วยจังหวะที่รีบร้อนกับร่างกายที่ยังสะบักสะบอมอยู่พอควรทำให้ลงมาผิดท่า


แต่ถึงจะอย่างนั้นก็คงจะพ้นจากพวกนั้นแล้ว..


ไม่ทันจะได้สูดลมหายใจให้ทั่วท้อง..เมื่อเงยใบหน้าขึ้นมาก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า

หนีเสือปะจระเข้งั้นเรอะ..?

คงจะน้อยเกินไปถ้าจะเทียบกับบุคคลที่ยืนวาดยิ้มอยู่ในตอนนี้


               ผมควรจะดีใจสินะ ที่หมาที่ตัวเองเคยฝึกจะมาไกลได้ถึงขนาดนี้ ใบหน้าของชายคนนี้ไม่มีทางที่จะลืม


ฮาริยะ..

               แก.. คำรามลอดไรฟันด้วยความโกรธแค้น มือทั้งสองกำหมัดแน่นจนสั่น สายตาสีต่างจ้องอย่างไม่สามารถจะกักเก็บความอาฆาตให้ซ่อนไว้ได้

ฆ่า..

อยากจะฆ่ามันซะตรงนี้

               คงไม่คิดจะทำอะไรที่รู้ว่าไม่มีทางทำได้อยู่หรอกนะ? ชั่วครู่นึงที่แววตาสงบนิ่งนั้นเปลี่ยนไป สาดส่องมองร่างตรงหน้าอย่างพินิจก่อนจะจ้องลึกกลับมาจนรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่พุ่งเสียบแทงเข้ามาจนทำให้จุก ชายในชุดโค้ทยาวสีเข้มเหล่สายตาคล้ายจะให้มองตามไปยังกลุ่มคนที่ยืนล้อมอยู่รอบตน

               ผมแค่จะมาสร้างหนี้เพิ่มให้เท่านั้น

สัมผัสจากถุงมือซึ่งถูกสวมวางแตะลงที่ปลายคางก่อนจะดันให้เงยมองตรงๆ

สกปรก..ขยะแขยง



               แล้วจะมาทวงให้ชดใช้ทีหลัง..


ข้อเสนอที่ถูกยัดเยียด..

ไม่มีหนทางจะปฏิเสธแม้จะยอมตายก็เถอะ

ไม่สิ..ไม่มีสิทธิ์ที่จะตายแต่แรก

เพราะชีวิตนับตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป




ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวนที่ไม่อาจทำลายทิ้ง





               เสียงฝืดที่พยายามทำให้เบาที่สุดของบานพับ การที่ประตูถูกเปิดยามวิกาลเช่นนี้ไม่ค่อยจะเป็นเรื่องแปลกเสียเท่าไหร่ ชุดสูทเปื้อนเลือดที่แห้งจนเป็นสีกลืนกันไปถูกถอดทิ้งไว้ที่พื้น เสื้อเชิ้ตตัวในสภาพก็ไม่น่าจะนำกลับมาใส่อีกได้แน่ๆ รอยขาดวิ่นเป็นทางเผยรอยบาดจากของมีคมที่ผิวกายขาวทำให้เด่นชัดแม้ในแสงสลัว

ฝ่ามือยกขึ้นเสยเส้นผมสีเทาเงินที่ยุ่งไม่เป็นทรงเปิดใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำ แผลกับรอยเขียวเต็มตัวแถมด้วยกลิ่นคาวเลือดฟุ้งดูจะเป็นเรื่องปกติ

เพราะอีกคนที่อยู่ด้านในห้องยังคงนั่งนิ่งจิบชามองด้วยสายตาคู่สีสว่างอย่างนิ่งๆด้วยท่าทีไม่ยี่หระใดๆ

               งี่เง่าไม่พัฒนา.. คำทักทายแรกที่ชวนให้เส้นกระตุกเล็กๆ

และโดยปกติคงจะมีสงครามน้ำลายขนาดย่อมที่ก่อขึ้นในไม่ช้า..

หากแต่วันนี้มีเพียงความเงียบแทน

คิ้วบนดวงหน้าของชายวางมาดดั่งผู้ดีตะวันตกเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างนึกประหลาดใจ ถ้วยชาสีขาวถูกวางไว้บนจานรองแก้วบนโต๊ะเล็กก่อนจะเริ่มสังเกตสีหน้าของคนที่ยืนนิ่งมาได้สักพัก

               เจ้าจะยืนให้พื้นเปรอะเลือดอีกนานหรือเปล่า? โสโครกสิ้นดี ทั้งที่ทุกครั้งจะหูดีเกินไปแท้ๆ แค่พูดบ่นเบาๆก็ดันได้ยินไปเสียหมด แต่ร่างนั่นกลับยังนิ่งไร้การตอบสนอง


               “Spiky club ไปจัดการสภาพอันน่าสมเพชของเจ้าเสียบัดนี้ นี่คือคำสั่ง!” สิ้นเสียงสั่งร่างนั่นก็เหมือนจะรู้สึกตัวก่อนจะเดินผ่านโถงใหญ่ตัดหน้าเขาไปโดยไม่เงยมองไปทางห้องของตัวเอง


สายตาระดับเขาเสี้ยววินาทีเดียวก็จับรายละเอียดได้ทั้งอาการที่แสดงออกคล้ายกำลังช็อค..นอกจากนั้น..
ดวงตาคู่สีที่ต่างกันนั้นไม่ได้ต่างจากแววตาของสัตว์ที่กำลังตื่นกลัว.. สั่นระริกและอ่อนไหวอย่างชัดเจน
ทั้งที่ออกจะแข็งกร้าวอยู่ตลอดเหมือนสัตว์ดุร้ายที่ไม่น่าจะเชื่องเลยแท้ๆ

ความผิดปกติครั้งนี้คงไม่สามารถจะปล่อยผ่านไปได้


เห็นทีข้าอาจจะต้องลองรื้อประวัติของเจ้าใหม่อย่างละเอียดอีกสักครั้งเสียแล้ว คุโรซากิ


ปลายแขนเสื้อยาวถูกพับทบขึ้นไม่ให้เกะกะเผยรอยสักรูปโพธิ์ดำที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัวที่ข้อมือ ปลายนิ้วแตะลงบนปุ่มสัมผัสเพื่อเปิดให้แท่นซึ่งซ่อนอยู่ใต้พื้นเลื่อนขึ้นมา แสงจากลำกล้องซึ่งอยู่ทุกมุมส่องเข้ามารวมเป็นภาพจอขนาดใหญ่ลอยบนอากาศ โดยมีจุดรวมอยู่ที่กลางห้อง

แป้นสัมผัสเองก็เป็นภาพโฮโลแกรมสามมิติเช่นเดียวกัน หลังจากป้อนสิ่งที่ต้องการหาลงไปรอเพียงไม่กี่วินาทีภาพก็ปรากฏตรงหน้า


[Code name: SPIKY CLUB]

ชื่อจริง คุโรซากิ รันมารุ ..พวกข้อมูลพื้นฐานทั่วไปถูกมองอย่างผ่านๆก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ส่วนเกี่ยวกับประวัติ อความารีนสองข้างไล่ละเอียดทีละตัวอักษร ทั้งที่เคยอ่านก่อนหน้านี้ไปอยู่หลายครั้ง..

               “หืม.. กลับนึกสะดุดอยู่ที่ช่วงแรกนอกจากจะเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวแล้ว..

ก่อนจะถูกดึงตัวเข้ามาที่นี่เคยทำงานให้กับองค์กรอื่นซึ่งได้ถูกสลายไปแล้ว ซึ่งมีผลกระทบกับธุรกิจครอบครัวโดยตรงจนถึงขั้นทำให้บริษัทในเครือล้มละลาย มีข่าวว่าเป็นคนในเองที่เป็นสาเหตุซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่สามารถจะตามตัวหรือติดต่อได้

ระดับความสามารถอยู่ในขั้นดีเยี่ยม ซึ่งถ้าไม่ได้รับการฝึกมาก่อนหน้านี้คงไม่มีทางจะทดสอบผ่านได้ด้วยคะแนนระดับสูงจากที่เห็นในบันทึกได้

ช่วงระยะแรกถูกจับตามองเพราะยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าอยู่ในระดับที่ไว้วางใจได้หรือไม่ คงจะเพราะมีประวัติว่าเคยทำงานให้กับพวกอื่นมาก่อนหน้านี้

บุคคลิกนิสัย ..คร่าวๆคงจะประมาณพวกอารมณ์ร้อน ใช้ความรุนแรง ไม่ไว้ใจใคร ชอบทำงานคนเดียว

มาถึงตรงนี้อาจจะพอเชื่อมโยงอะไรบางอย่างได้บ้าง..

มันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าหากถามไปแล้วยอมเล่าความจริงมาจากปากเจ้าตัว..ซึ่งคงไม่มีทาง

ไหนจะเรื่องภารกิจในตอนนี้ที่มอบหมายไปจะล่าช้ากว่ากำหนดการ แม้แต่ข้อมูลสักเพียงนิดก็ยังไม่ได้มา


ช่างมีแต่พวกสร้างปัญหาให้เสียจริง





               ของหวานหลากสีสันถูกจัดวางเรียงบนชั้นอย่างสวยงามสมระดับฝีมือ ทุกชิ้นล้วนบรรจงแต่งแต้มไม่เพียงรูปลักษณ์ รสชาติ แต่ว่ากลิ่นก็หอมหวนชวนเรียกให้ต้องลังเลใจที่จะซื้อ

หญิงสาวมากมายแทบทุกวัยต่างเป็นกลุ่มผู้ถูกดึงดูดเข้ามายังร้านที่เพียงมองจากการประดับข้างนอกก็รับรู้ถึงความหวานของขนมข้างใน ไม่เพียงแต่เป็นร้านขายเบเกอรี่และเค้ก ยังมีส่วนที่เป็นที่นั่งพักเปิดให้บริการเฉพาะช่วงเวลาน้ำชาอีกด้วย

ร้านนี้แม้จะไม่ใช่ร้านที่ใหญ่มากขนาดภัตตาคารหรูแต่ก็มีชื่อไม่น้อยตามนิตยสารหรือแม้กระทั่งรีวิวตามบล็อคจากผู้ที่เคยมาเยือน ไม่เคยสักครั้งที่จะไม่หวนกลับมาอีกครา


สิ่งดึงดูดใจหลักๆอีกอย่างคงไม่พ้นเจ้าของร้านแห่งนี้..

               ไม่ทราบว่าคุณหนูต้องการจะรับสิ่งอื่นเพิ่มด้วยหรือไม่ ชายร่างสูงในชุดเชิ้ตขาวสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำมันค้อมตัวลงเล็กน้อยหลังจากที่ คุณหนู ที่ว่าได้ตอบกลับคำถามที่เอ่ยอย่างสุภาพพร้อมน้ำเสียงที่นุ่มนวล

               เช่นนั้นหากมีอันใดก็สามารถเรียกกระผมได้ทุกเมื่อ

สิ้นคำก็เดินกลับไปยังที่หลังร้านซึ่งเป็นส่วนที่ให้เข้าได้เฉพาะพนักงานเท่านั้น


               เห็นแกสภาพนี้แล้วพะอืดพะอมชะมัด.. เสียงบ่นดังมาจากชายผมสีเทาเงินซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนส่วนในมือกำลังเทแป้งใส่ในถ้วยตวงพลางเหล่สายตาเล็กน้อยไปยังคนผมยาวที่มัดรวบไว้ด้วยริบบิ้นดำ

               โฮ่.. กลับมาปากเก่งเหมือนเดิมแล้วนี่ สีหน้าและแววตาที่ปั้นเป็นอย่างดีตอนอยู่หน้าร้านกลับมาเป็นแบบปกติเมื่อเดินพ้นประตูเข้ามา

               หึ.. คล้ายเป็นเสียงตัดจบบทสนทนาจากผู้ที่ยกถาดเข้าไปใส่ในเครื่องอบ

ใบหน้าของคุโรซากิเต็มไปด้วยพลาสเตอร์กับผ้าปิดแผลแทนรอยฟกช้ำ ส่วนท่าทางการเดินเองก็พอจะทำให้รู้ได้ว่ายังไม่หายดีเสียเท่าไหร่

               แต่ดูท่าสังขารเจ้าคงยังไม่หายดีเหมือนปาก แบบนี้หากทำงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานร้านของข้าคงถูกปิด

               ถ้าให้แกทำของทั้งหมดในร้านเองฉันว่าร้านคงโดนปิดเพราะทำให้คนเป็นเบาหวานมากกว่าว่ะ.. หลังจากตั้งเวลาเสร็จก็หันมาต่อปากต่อคำดังเดิมก่อนจะกอดอกยืนพิงเค้าท์เตอร์จ้องกลับมา

ชายหนุ่มเจ้าของร้านเพียงจ้องกลับไปก่อนที่จะสาวเท้าเข้าไปหาใกล้ๆเพื่อพินิจมองให้แน่ใจ

               จ้องอะไรของแก? คนที่ถูกมองนานเข้าเริ่มจะรำคาญก่อนจะเป็นฝ่ายที่หลบสายตาไปเอง ขวางทางชะมัดหลีกไปน่า.. แต่ไม่ทันจะได้ก้าวขากลับถูกคว้าไหล่ไว้ก่อนจะดันให้หันหน้าเอนราบลงไปกับเค้าท์เตอร์

ด้วยสัญชาตญาณจึงรีบใช้แขนอีกข้างยกขึ้นหมายจะศอกใส่เต็มแรงแต่ก็รู้อยู่ว่าอีกคนเองคงจะรับมือได้ไม่ยากเท่าไหร่

               เฮ้ย! ปล่อยนะว้อย ส่งเสียงตะโกนดังมากไม่ได้เพราะอาจจะดังไปถึงข้างนอก..

ทันทีที่มือเอื้อมมาข้างหน้าเพื่อปลดเม็ดกระดุมออกก็เริ่มรู้สึกทันทีว่าที่ต้องไม่ใช่สถานการณ์ปกติอย่างแน่นอน เท้าถูกยกขึ้นหมายจะเหยียบให้เต็มแรงก็ถูกจับทางได้ทันอีก

จนกระทั่งเสื้อถูกร่นลงไปทางด้านหลัง

               คามิว..!!คุโรซากิแผดเสียงขู่ในทันที

               หึ..ไม่ใช่รอยช้ำจริงๆด้วย ปลายนิ้วยาวแตะลงบนรอยแดงเป็นจ้ำที่รอบต้นคอตั้งแต่ด้านหลังไล่ไปยังลำคอด้านหน้า นั่นเองทำให้คนที่กำลังดิ้นขัดขืนอยู่ต้องชะงักไป

               ยังมีที่อื่นอีกหรือไม่..ตอบข้ามา เสียงที่ถามคล้ายจะเค้นคำตอบ

               ไม่ใช่เรื่องของแก.. ก็รู้ดีว่าคงไม่ตอบออกมา เขาจึงตัดสินใจผละออกจากอีกคนก่อนจะเดินห่างออกมายืนกอดอกมอง

               ข้าแค่อยากจะเช็คสภาพเจ้าว่ายังสามารถทำงานต่อได้อีกหรือไม่เพียงแค่นั้น

ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ครู่ใหญ่..แต่ก็ถูกแทรกขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาที่ตั้งไว้ของเครื่องอบ คุโรซากิรีบจัดเสื้อให้เรียบร้อยตามเดิมก่อนที่จะเดินไปเปิดฝาตู้อบแล้วนำถาดคุกกี้ออกมาโดยไม่พูดอะไรต่อจากเหตุการณ์เมื่อครู่อีก

ถัดมาเป็นเสียงกระดิ่งที่ดังจากหน้าร้านทำให้เขาต้องออกไปจากครัวเพื่อต้อนรับลูกค้าอย่างเสียมิได้



บาดแผลพวกนี้เคยเห็นมาจนแทบจะแยกได้ว่าโดนอะไรมาบ้าง

แต่รอยเมื่อครู่มองให้ชัดๆมันไม่ใช่รอยช้ำที่เกิดจากการถูกทำร้ายเป็นแน่


เพราะนั่นคือรอยจูบที่จงใจจะให้คนอื่นเห็นอย่างชัดเจน







-TBC.-



ซีรี่ย์นี้มันก๊าวใจเกินไป.... ทั้งที่ไม่อยากสร้างไหเพิ่มเลยแท้ๆ ฮืออออออออออออออออออออ
สารภาพบาป...ช่วงนี้แต่งคู่เมนตัวเองไม่ออกล่ะ แงงงงงงงงงงง



เรามาด้วย สลสล. ........(แถมเป็นคู่รสนิยมตัวเองจริงๆ..ใช่สิยยเรามันminor)