Fan-fiction Utapri
Title: Like Bite, Like Bark
Pairing: Camus x Kurosaki Ranmaru
A/N: ฟิคนี้เวิ่นพล็อตไว้นานมาก ตั้งแต่ช่วง Pirates of the frontier มีอัพ blog กัน เนื้อเรื่องในฟิคนี้จะเป็นเหตุการ์ณหลังจากที่คามิวอัพบล็อกค่ะ
คามิวอัพบล็อกเล่าถึงช่วงที่ต้องถ่ายทำบทต่อสู้กับรันจัง และแน่นอนว่าในบล็อกก็ยังอยู่ในมาดไอดอล เจ้าตัวเล่าว่ารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ต้องเล่นบทแบบนี้(ซ้อมรันจัง)กับเพื่อนร่วมบริษัท /ถ้าเกิดฟังดราม่าซีดีแล้วจะรู้ว่า..รันจังโดนหนักมาก
หลังจากนั้นรันจังก็มาคอมเม้นท์ในเอนทรี่นั้นว่า
แกมันปิศาจ สีหน้าตอนกำลังเล่นออกจะมีความสุขชัด ๆ
คามิวก็ตอบคอมเม้นว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับคำชื่นชม(ที่อินกับบท)
//จำประโยคเป๊ะๆไม่ได้แต่ประมาณนี้ค่ะ..ซึ่งบล็อกช่วงไชน์นิ่งเธียร์เตอร์โดนลบออกจากเว็บหมดแล้วเพราะเอามาทำขายเป็นเล่ม
พล็อตส่วนนึงต้องขอขอบคุณเน่จังด้วยที่ช่วยกันเวิ่น ฟฟฟ
ส่วนตัวแล้วชอบมิวรันในสถานะแบบ sexfriend กันล่ะค่ะ เรียกได้ว่าทะเลาะกันไปมาสุดท้ายไปลงเอยที่เตียงทุกครั้ง ในฟิคเรื่องนี้ก็จะมีคสพ.กันแนวนี้ล่ะ
Warning: 18+
เสียงกรอบแกรบของท่อนแขนที่ถูกเหยียดขึ้นดังก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน
เป็นการซ้อมอีกวันที่ใช้แรงเยอะพอตัว
แต่ก็ยังดีกว่าวันก่อนที่ต้องเข้าฉากต่อสู้ล่ะนะ
ชายร่างสูงหายวอดขณะเดินมาตามทางจนมาหยุดอยู่หน้าบานประตูห้องพักของโรงแรม นัยน์ตาคู่สองสี
ข้างหนึ่งเทาตามธรรมชาติ ส่วนอีกข้างเป็นเลนส์สีม่วง
เพ่งจ้องหมายเลขที่แปะอยู่ด้านหน้า
มือขวาล้วงกระเป๋ากางเกงควานหาคีย์การ์ดก่อนจะแตะลงเปิดปลดล็อค
ฝ่าเท้าก้าวเข้าไปด้านใน
เสียบการ์ดลงที่เครื่องติดผนังเพื่อเปิดสวิตซ์ไฟฟ้า เมื่อไฟสว่างขึ้นดวงตาต้องเบิกโพลงพร้อมทั้งตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
"แกเข้ามาได้ยังไงวะ!!"
คุโรซากิ
รันมารุส่งเสียงโวยวายยามเห็นบุรุษผมยาวบลอนซ์กำลังยิ้มแย้มสดใสยืนตระหง่านอยู่กลางห้องพักของเขา
สองขาก้าวถอยพรืดอัตโนมัติยามยายาวคู่นั้นก้าวเดินตรงเข้ามาหาราวกับมีสัญชาตญาณรับรู้ถึงอันตราย
"กระผมเพียงต้องการจะมาแสดงความขอบคุณรันมารุที่เสียสละเวลามาแสดงความเห็นชื่นชมในบล็อกของกระผมด้วยตัวเองครับ"
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มชาวต่างชาติยังวาดอยู่ไม่เลือนลงเลย พร้อมทั้งชูคีย์การ์ดสำรองที่ไม่รู้ว่าไปสรรหามาได้ยังไง
ถ้อยคำสุภาพและน้ำเสียงที่เอ่ยก็ยังเป็นโทนที่ชวนให้ขนลุกเข้าไปอีก
ข้อความที่โพสนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่การชื่นชมแต่อย่างใด
และอีกฝ่ายก็ไม่ได้มาเพื่อขอบคุณอย่างแน่นอน
"ไม่ต้องการว้อย
ออกไปจากห้องฉันซะ!" รันมารุยืนตั้งท่าเตรียมพร้อมหากอีกคนตั้งท่าจะจู่โจมเขาก่อน
แววตาที่จ้องแสดงออกถึงความไม่ไว้วางใจอย่างเด่นชัด
"ใจร้ายจังเลยนะครับ
กระผมเพียงแค่อยากจะแสดงความขอบคุณอย่างบริสุทธิ์ใจแท้ ๆ" กล่าวพลางตีสีหน้าสลด
แต่ยังคงสาวเท้าเข้าไปใกล้เจ้าของห้องพัก
รันมารุเหลือบมองหาทางหนีทีไล่แต่ครั้นจะวิ่งหนีออกจากห้องแล้วคืนนี้ตนจะไปพักที่ไหน
ก็เหลือทางเดียวคือถีบส่งเจ้าขุนนางสองหน้านี่ออกไปเท่านั้น
"แกจะออกไปเองหรือจะให้ฉันถีบส่งแกออกไป?"
สายตาจ้องเขม็งบ่งบอกว่าไม่ใช่เพียงคำขู่
แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีสะท้ายสะท้านหรือเกรงกลัวแต่อย่างใด
ยังคงปั้นยิ้มหลอกลวงอยู่ไม่ยอมหุบ จนกระทั่งก้าวมาอยู่ในระยะใกล้ห่างกันไม่ถึงช่วงแขน
"เฮ้ย
ฉันเตือนแกแล้วนะเว้ย!" ฝ่ามือยื่นออกไปผลักไหล่อีกฝ่ายให้ถอยออกห่างก่อนจะขยุ้มเสื้อเชิ้ตขาวเตรียมจะเหวี่ยงตัวให้ไปทางประตู
ซึ่งเคานต์หนุ่มก็รู้ทันอยู่ดีจึงอาศัยจังหวะนั้นคว้าข้อมือไว้แล้วออกแรงบีบอย่างแรงกระชากเหวี่ยงให้ไปทางเตียงแทน
เล็บคมที่เตรียมจะข่วนเข้าที่หน้าก็โดนสกัดไว้ได้ทัน กดให้แผ่นหลังลงนอนราบก่อนจะคร่อมไว้เหนือตัวเพื่อคุมไม่ให้ต่อต้านได้อีก
"ดื้อจังเลยนะครับรันมารุ"
แกล้งโน้มลงกระซิบชิดใบหูจนร่างเจ้าของชื่อสะดุ้งเพาะจั๊กจี้ เนคไทร์ถูกคลายออกและใช้มัดข้อมือทั้งสองผูกติดไว้กับราวที่หัวเตียงอย่างรวดเร็ว
"แกเป็นบ้าไปแล้วเรอะ!
หยุดทุกอย่างที่คิดจะทำเลยนะโว้ย!"
รันมารุตะคอกก่นด่าและยกเท้าขึ้นหมายจะยันเข้าที่ร่างแต่กลายเป็นว่าโดนคว้าไว้แล้วยึดให้ไปชิดกับข้างลำตัวอีกคนเสียอย่างนั้น
กลายเป็นว่าสภาพในตอนนี้เสียเปรียบและตกเป็นเบี้ยอย่างอย่างสมบูรณ์
"โอะ
ทราบหรือครับว่ากระผมจะทำอะไร?" เลิกคิ้วทำหน้าประหลาดใจใส่ ยิ่งชวนยียวนให้ผู้อยู่เบื้องล่างหงุดหงิดกว่าเก่า
รันมารุกัดฟันกรอด ใช้ศีรษะโขกเข้าเต็มที่หน้าผากอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง
"!!
มันจะมากไปแล้วนะเจ้าไพร่!!"
ดูท่าจะเจ็บจนต้องหลุดมาด
คามิวถลึงตาจ้องและตวาดใส่ด้วยน้ำเสียงที่มักใช้เป็นปกติต่อหน้าคนในค่าย
"ที่มากเกินไปมันแกต่างหาก!"
เขาเถียงกลับ
"เจ้าต่างหากที่บังอาจเรียกข้าว่าปิศาจต่อหน้าสาธารณชน!"
นัยน์ตาสีน้ำแข็งจ้องอย่างโกรธเคือง
ฝ่ามือบีบคางดันให้เชิดหน้าขึ้นจ้อง
"สาธารณชนบ้าอะไร
ในคอมเม้นบล็อกแกเนี่ยนะ?" แม้จะโดนบีบกรามอยู่ก็ยังไม่ยอมแพ้
"หึ
ลงในที่สาธารณะเช่นนั้นก็ไม่ต่างกันหรอก เจ้าโง่!" มือกระชากดึงทึ้งเสื้อจนเม็ดกระดุมหลุด
"ก็แกมันปิศาจชัด
ๆ ไม่ใช่รึไงหา เฮ้ย! เสื้อมันแพงนะว้อย!" สองแขนพยายามดึงให้หลุดออกจากพันธนาการ
ส่วนขาก็พยายามจะดิ้นให้หลุดออกจากช่วงเอวอีกฝ่าย
"อยู่ในสภาพเช่นนี้ยังเถียงคำไม่ตกฟาก
เห่าเก่งสมกับที่เป็นสุนัขเสียจริง" คามิวกล่าวและเค่นยิ้ม
"แต่แกก็เห่าตอบฉันไม่ใช่รึไงกันหา-..."
ไม่ทันจะเอ่ยจบดีก็ถูกมืออีกคนเลื่อนมากุมปิดปากไว้เสียก่อน เขาพยายามเบือนหน้าให้หลุดออกแต่ก็ไม่เป็นผล
มืออีกข้างของคามิวเลื่อนลงมาสู่เบื้องล่าง
จัดการปลดเข็มขัดและกางเกงออกแล้วร่นลงไปโดยไม่สนใจเสียงท้วงโวยวายของเขา รันมารุแยกเขี้ยวและกัดลงไปเต็ม
ๆ บนมือนั่นจนอีกฝ่ายหลุดเสียงร้องด้วยความเจ็บ
"คุโรซากิ!!"
ขุนนางตะคอกอย่างเหลืออดและคว้าท่อนขาทั้งสองข้างชูขึ้นสูงและแยกให้อ้ากว้างออก ปลายนิ้วยาวลากไปตามผิวต้นขาด้านใน
รันมารุเบิกตาโพลงสบถด่าด้วยทุกคำที่นึกขึ้นได้
เขาเกร็งตัวและสะดุ้งยามถูกสัมผัสจากอีกคน สองขาพยายามจะหุบเข้าหากันแต่ก็โดนจับแยกออกทุกครา
สลัดเท้าหวังจะให้หลุดจากมือคู่นั้นแต่ก็ไม่เป็นผล
ชิ.. ถ้าหากไม่โดนมัดมือไว้ละก็คงจะสู้ไอ้เคานต์บ้าน้ำตาลนี่ได้สบาย ๆ
สุดท้ายก็เบือนหน้าหลบไปอีกทางด้วยความเจ็บใจ
ริมฝีปากเม้มแน่นเพื่อกันไม่ให้หลุดเสียงแปลก ๆ ออกไป
"โฮ่..เหมือนเจ้าจะไวสัมผัสขึ้นกว่าครั้งก่อนหรือเปล่า?"
ประโยคทักชวนอับอายนั่นเอ่ยออกมาเพื่อหวังเยาะเย้ย
คามิวลูบไล้ผิวกายจากต้นขาขึ้นไปยังเอวและหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
คุโรซากิพยายามขยุกขยิกตัวหลบแต่ก็เผลอแอ่นกายรับสัมผัสอย่างเสียมิได้
"หุบปาก.."
คำรามลอดไรฟันอย่างเจ็บแค้น
ปฏิเสธไม่ได้ไม่ว่าจะครั้งไหน..
"ร่างกายของเจ้าซื่อตรงกว่าปากเสียจริง"
คามิวแตะลงไปตามร่างที่ส่วนใดคุโรซากิก็จะสะดุ้งโหยงพร้อมกับหลุดเสียงน่าอายออกมาราวกับรู้จักร่างกายนี้เป็นอย่างดี
"ฉันบอกให้แกหุบปากไงเล่า!
ฮะ.." เขารีบฟุบหน้าลงไปกับหมอนก่อนที่อีกคนจะสังเกตเห็นสีหน้าของตนที่แดงไปจนถึงใบหูเนื่องมาจากความร้อนผ่าวที่แล่นไปทั่วทั้งกาย..รวมทั้งที่สุมอยู่กลางลำตัวนั่น
ลงเอยด้วยแบบนี้ทุกทีสิน่า...
เขาเกร็งตัวยามที่กายร้อนถูกฝ่ามือกอบกุมไว้ ปลายนิ้วลากไปตามความยาวอย่างเชื่องช้าหวังจะให้รู้สึกอึดอัด
รันมารุรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการปั่นหัวเขา และอยากให้เป็นผู้เรียกร้องขอสัมผัส
เขาเม้มปากแน่นไม่มีทางให้เป็นไม่ตามที่เจ้านั่นหวังเด็ดขาด
"หลบหน้ากระผมทำไมหรือครับ
รันมารุ" น้ำเสียงอ่อนโยนกระซิบแผ่วชิดหูอย่างไม่ทันตั้งตัว
ลมหายใจอุ่นรดปะทะข้างผิวหน้า
เขายังคงเงียบไม่ตอบโต้ และนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
"อย่าเมินกันสิครับ
รันมารุ.." คามิวจงใจเรียกด้วยชื่อจริงอยู่ซ้ำ ๆ
พลางมอบสัมผัสปรนเปรอให้จนกระทั่งเริ่มที่จะคล้อยตาม
ชายหนุ่มผมสั้นส่งเสียงครางลงกับหมอนใบนุ่ม
เบียดเสียดกายท่อนล่างเข้าชิดลำตัวของอีกคน
"หึ.."
ท่านเคานต์กระหยิ่มยิ้มอย่างพึงพอใจกับสิ่งที่เห็น
ระหว่างที่กำลังเผลอไผลไปกับสัมผัสจากอีกคนอยู่นั้น จู่ ๆ
ฝ่ามือนั่นก็ผละออกไป รันมารุหันใบหน้าออกจากหมอนใบใหญ่เพื่อกลับมามองทันที
คามิวยันตัวห่างออกมา เขาจ้องมองด้วยความสงสัยปนกับความรู้สึกอยากจะด่าเพราะอารมณ์ค้าง
แต่แล้วอีกคนก็ไม่ได้ลุกไปไหนไกลเพียงแค่เขยิบตัวเอื้อมมาหยิบของที่วางอยู่บนโต๊ะข้างที่นอน
นัยน์ตาเหลืบอมองตามสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบมา
ขวดโลชั่นถูกเปิดออกและราดลงบนตัวของเขา รันมารุสะดุ้งตัวเพราะความเย็นจากของเหลวที่สัมผัสถูกผิว
มืออุ่นวางทาบตามลงมาพลางลูบไล้ไปตามตัวและลากลงมายังเบื้องล่าง
"ทีมงานจองเป็นห้องสวีทคงไม่แปลกที่จะมีของพวกนี้อย่างนั้นสินะ"
คามิวพูดพึมพำ
ขาที่ไม่ได้โดนจับยึดไว้เลื่อนมาใช้ฝ่าเท้ายันที่เป้ากางเกงของชายผมยาวในทันที
รันมารุขยับยิ้มเยาะใส่ใบหน้าประหลาดใจของเคานต์หนุ่ม ออกแรงขยี้ลงบนเบา ๆ
ก่อนจะโดนคว้าข้อเท้าไว้แล้วจับพาดบ่าและตามมาด้วยเสียงด่า
"กระหายขนาดนั้นเลยรึ?
เช่นนั้นข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้ก็แล้วกัน" คามิวยังคงตีสีหน้าขรึม
"แกทนไม่ไหวแล้วมากกว่าล่ะเซ่?"
เขาเอ่ยต่อปากต่อคำกลับแม้ในตอนนี้ตัวเองแทบจะไม่ต่างกันเลยก็ตามที
นิ้วมือลากวนไปตามรอยแยกแตะลงอย่างอ้อยอิงหมายจะปลุกปั่นให้เจ้าของร่างขาดใจ
ซึ่งได้ผลดียิ่งเพราะร่างตัวเริ่มจะเต้นเร้าไปตามสัมผัสครึ่ง ๆ กลาง ๆ นั่น
รันมารุส่งเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างไม่สบอารมณ์พร้อมมองค้อนใส่
"หึ"
เคานต์แห่งซิลค์พาเลซขยับยิ้มเย้ยส่งกลับไป
จังหวะที่เขาจะเปิดปากด่านิ้วยาวนั่นก็แทรกเข้ามาในร่างจนหลุดร้องเสียงหลงอย่างกลั้นไม่ทัน
ดั่งจงใจกลั่นแกล้ง รันมารุหอบหายใจเกร็งตัวเป็นพัก ๆ ภายในท้องปั่นป่วนแอ่นรับสัมผัสอย่างว่าง่าย
แต่เหมือนว่าอีกคนไม่ได้ต้องการให้สุขจนถึงที่สุด ปลายนิ้วกดลงแผ่ว ๆ ยังบริเวณใกล้จุดไวความรู้สึกและถอนออกจนเกือบหลุดออก
ค้าง ๆ คา ๆ เช่นนั้นอยู่หลายหน เสียงเฉอะแฉะดังทวีความเขินอายให้มากขึ้น
"อึก..แกจงใจ..สินะ"
เขากัดฟันกรอดจ้อง
"ข้าเปล่า.."
ชายหนุ่มปฏิเสธหน้านิ่งและยังคงทำต่อเช่นเดิม
คุโรซากิเกร็งตัวตอดรัดไว้ไม่ให้ถูกถอนออกไปได้
"ลึก..กว่านี้"
ใบหน้าแดงเอ่ยสั่งด้วยเสียงแหบพร่า
ทว่าอีกคนดันทำตรงกันข้ามด้วยการดึงนิ้วออกไปทันที รันมารุมองแล้วมุ่นคิ้วด้วยความมึนงง
"เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า
เพราะข้าไม่ได้มาเพื่อตามใจเจ้า" คามิวปรายตามองใบหน้าที่กำลังฉงน
สองมือจัดการกับกางเกงของตนร่นมันลงมา
เสียงฉีกซองทรงสี่เหลี่ยมดังทำให้ผู้ที่นอนหลังพิงเตียงเบือนหน้าหลบไปอีกทางแทน
"เฮ้ย..อย่าเพิ่ง-..!!"
ไม่ทันจะร้องห้ามกายอุ่นก็ดุนดันเข้ามาอย่างไม่รีรอ
เขาพยายามเกร็งตัวต้านไว้แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้จนในที่สุดก็ฝืนแทรกผ่านเข้ามาได้สำเร็จ
"ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า!"
เคานต์ซิลค์พาเลซกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมพลางกระแทกเอวเข้าใส่เรียกเสียงร้องจากผู้ไร้ทางต่อต้าน
รันมารุกำหมัดเล็บจนเล็บจิกฝ่ามือเป็นรอย
ความรู้สึกพ่ายแพ้ชวนให้เจ็บใจนัก ร่างไหวไปตามจังหวะที่อีกฝ่ายเคลื่อนกายเข้าหา
เสียงขาเตียงเอียดออดดังไปตามจังหวะนั้น อุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูงจนหยาดเหงื่อชื้นหยดลงบนผ้าปูเตียง
เสียงครางต่ำดังแว่วมาจากชายผมยาว
นัยน์ตาคู่นั้นหรี่จ้องมองพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากตน มือออกแรงบีบที่สะโพกเพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยว
ลากร่างของคุโรซากิเข้าชิดตัวรองรับกายตนให้ถลำลึกเข้าไปจนสุด
เขาซุกซ่อนใบหน้าหลบกับหมอนใบใหญ่อีกครั้ง ขยับร่างแอ่นรับสัมผัสอย่างลืมอาย
แต่แล้วก็ไม่มีทางจะเป็นดั่งใจนึกเสียเท่าไหร่เมื่อความสุขถูกขัดขวางอีกครั้ง
ฝ่ามือเลื่อนมากุมยังส่วนอ่อนไหวและออกแรงบีบเบา ๆ ยังส่วนยอด แต่กระนั้นแล้วอีกฝ่ายยังคงสาวกายอยู่ต่อเนื่อง
"ป-ปล่อยนะว้อย!"
เขาส่งสียงโวยวายใส่และดิ้นไปมา
ความร้อนที่จุกอยู่กลางลำตัวถูกปิดกั้นไม่ให้ได้ระบายออก
คามิวทำเป็นไม่สนใจและกระแทกกายเข้าหาด้วยสัมผัสที่รุนแรงขึ้น
เขาสะดุ้งตัวโหยงครางออกมาลั่น
"ดูท่าเจ้าจะชอบให้ข้าทำแบบรุนแรงจริง
ๆ สินะ" กล่าวและยกขาข้างหนึ่งให้ชูขึ้นสูงกว่าเก่าจนร่างแทบจะลอยขึ้นจากเบาะเตียง
ถอยตัวออกมาจนเกือบจะแยกจากและดันกลับเข้าไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
คามิวปิดตาลงครางในลำคอขณะที่ปลดปล่อย
ค้างกายไว้พักหนึ่งก่อนจะถอนออกมา แต่ฝ่ามือยังไม่ผละออกจากอีกฝ่าย
"เหมือนเจ้าจะไม่พอใจ?
หรือต้องการให้ข้าปลดปล่อยในตัวเจ้า?" ถามอย่างจงใจกวนคนหน้าหงิกงอทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่พอใจเพราะเหตุใด
"ไอ้เคานต์บัดซบ..
หัวสาหร่ายเอ้ย..." ก่นด่าวสารพัดใส่เพราะไม่สามารถจะทำอะไรอย่างอื่นได้
"เจ้าเป็นฝ่ายถูกลงโทษ
พูดกับข้าดี ๆ คุโรซากิ" คามิวเอ่ยน้ำเสียงนิ่ง
จ้องสายตาคู่ที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
"ฝันไปซะเหอะ!
ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!"
รันมารุใช้เท้ายันเข้าที่หน้าอีกฝ่ายทันที
แต่ถูกหลบได้ทันจึงเฉียดโดนเพียงปลายคาง
คามิวถลึงตาจ้องพร้อมทั้งยอมปล่อยมือออก
ในที่สุดสิ่งที่อัดอั้นมานานก็ได้ปลดปล่อยออกมา ของเหลวเหนียวเหนอะเปรอะเต็มหน้าท้องและต้นขา
สัมผัสเย็นของบางสิ่งถูกเหวี่ยงลงตกบนกล้ามท้อง
เขาเบิกตากว้างมองสิ่งที่ถูกทิ้งลงบนตัวแล้วตวาดด่าเจ้าของ
"เอาไปทิ้งในถังขยะสิวะ!!"
จำเป็นจะต้องอยู่เฉย
ๆ เพราะไม่อย่างนั้นอะไรที่อยู่ข้างในนั้นมันจะไหลออกมาเลอะกว่าเดิม
คนโดนตะคอกใส่ไม่ใส่ใจและยันกายลุกขึ้นจากเตียง
จัดการสวมกางเกงจัดเสื้อผ้าตนให้เรียบร้อยทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง
"เฮ้ย
แก้มัดฉันก่อนสิว้อย!" สองแขนพยายามดึงและจิกเล็บแก้มัดแต่ก็ไม่ยอมหลุด
มองแผ่นหลังอย่างหวาด ๆ ว่าจะเดินออกไปแล้วทิ้งตนไว้ในสภาพนี้จริง ๆ
"เจ้าจะแหกปากลั่นให้คนอื่นมาเห็นสภาพนี้ก็ตามใจ"
คามิวทำหน้าคล้ายรำคาญเสียงตะโกนโหวกเหวกนั่น
"ชิ.. แกก็รีบมาแก้มัดฉันก่อนจะไปสิฟะ"
รันมารุเดาะปากอย่างจัดใจและยอมลดเสียงลง
แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังกอดอกยืนมองอยู่เฉย ๆ
"ขอร้องข้าดี ๆ
เสียสิ" จ้องมาด้วยสายตาเป็นต่อ
รันมารุเม้มปากอยู่นานอย่างแค้นใจ
"...ปล่อยฉันที..คามิว"
จำใจเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบา
ๆ แล้วหลบตามองไปทางอื่น
"หึ.."
เคานต์หนุ่มหรี่ตามองก่อนจะยอมเดินมาเพื่อแก้มัดออกให้
ขณะทิ้งเข่าลงบนเตียงและแกะปมเนคไทร์อยู่นั้น
จังหวะที่คลายออกมือที่เป็นอิสระก็กระชากคอเสื้อแล้วจับกดร่างชายตัวสูงลงไปนอนอยู่เบื้องล่างแทน
รันมารถเขยิบตัวขึ้นคร่อมอยู่เหนือร่างแสยะยิ้มใส่โน้มศีรษะลงไปหา
ข้อมือทั้งสองเป็นรอยแดงตามแนวที่โดนมัด ฝ่ามือดึงทึ้งเส้นผมบลอนซ์อย่างแรงจ้องตาคู่สีน้ำแข็งนั่น
"เจ้าคิดจะทำอะไร?"
เคานต์พยายามไม่แสดงความตื่นตระหนกออกทางสีหน้า
กลีบปากเลื่อนลงมาแนบชิดก่อนจะบดจูบใส่ ชายผมยาวเบิกตากว้างเล็กน้อยอย่างประหลาดใจแต่ก็ตอบรับสัมผัสนั่นอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
รันมารุแสยะแยกเขี้ยวแล้วกัดลงอย่างแรงจนถูกผลักหัวออก
"เจ้าหมาไพร่!!"
ตวาดใส่อย่างโมโหพลางซับเลือดที่ซึมออกมาจากริมฝีปากตน
มือหนึ่งบีบเข้าที่เอวเปลือยจนเป็นรอยนิ้ว เลื่อนให้บั้นท้ายคร่อมอยู่บนหน้าท้องตน
คุโรซากิใช้นิ้วหัวแม่โป้งปาดหยดเลือดที่เลอะมุมปากก่อนจะแลบลิ้นเลีย ขยับร่างเสียดสีไปบนตัวอีกฝ่ายราวกับจะเรียกร้อง
"ติดสัดรึ?"
มองแคลนใส่ผู้ที่กำลังยั่วยวนอยู่เหนือตัว
นัยน์ตาคู่สองสีสบกลับพร้อมทั้งบึ้งหน้าใส่
"แกก็ไม่ต่างกันหรอกน่า"
รันมารุย้อนพลางถอยตัวไปดันสิ่งที่กำลังตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง
เอื้อมมือไปด้านหลังและสัมผัสแผ่ว ๆ กระตุกยิ้มออกมายามเห็นหน้าขึ้นสีจาง ๆ ของอีกฝ่ายที่กำลังกัดฟัน
"คุโรซากิ.."
คามิวคำรามในลำคอเรียกชื่อ
เลื่อนมือลงไปยังสะโพกแล้วบีบคลึง
รันมารุใช้เข่ายันร่างให้ยกสูงขึ้นอยู่เหนือส่วนนั้น ประคองไว้หลวม ๆ
ด้วยฝ่ามือตัวเอง สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อเตรียมใจ แต่ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายกดสะโพกให้ลงมาอย่างรวดเร็วจนแทบจุก
"!!"
เกร็งร่างตอดรัดไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาได้มากกว่านี้
เข่าทั้งสองข้างของคุโรซากิสั่นจนแทบพยุงร่างไว้ไม่ไหว
สุดท้ายก็เอนตัวลงใช้ฝ่ามือยันไว้บนต้นแขนอีกฝ่ายแทน คามิวถอนหายใจพลางจับบั้นท้ายแล้วแหวกออกเพื่อให้รองรับกายเข้าไป
ใบหน้าขึ้นสีจัดรีบซุกลงข้างบ่าแล้วอ้าปากขบเขี้ยวลงทันทีเพื่อกลั้นเสียงร้องคราง
ความเจ็บแปลบแล่นจากต้นแขนจนเคานต์หนุ่มนิ่วหน้าแต่ก็ไม่ได้เอ่ยว่าอะไร
รออยู่ครู่ใหญ่จึงยอมหยุดเกร็ง สะโพกเริ่มเคลื่อนเองโดยที่มีอีกคนช่วยคุมจังหวะให้
ปากที่ผละออกมาทิ้งรอยฟันไว้เด่นชัด
ก่อนจะย้ายมากัดที่ต้นคอขณะเร่งจังหวะการขยับตัว
"ต้องการข้ามากถึงเพียงนี้เลยรึ?"
เอ่ยกระซิบหยอกข้างใบหูแดง
ๆ
"หนวกหู..."
ส่งเสียงเถียงพึมพำตอบกลับมาพลางจิกเล็บลงบนแขน
ครั้งสองครั้ง..มากี่รอบแล้วกับสัมผัสจากร่างกายนี้
มือเลื่อนมาขยุ้มเรือนผมสีบลอนซ์ทองดันใบหน้าให้หันมารับจูบ ขุนนางหนุ่มหรี่ตามองเผยอริมฝีปากออกจูบตอบแล้วแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปาก
คาวหวานปะปนกันไปหมด เขาไม่ได้ชอบออกจะชิงชังเสียด้วยซ้ำ
แต่ไม่อาจหยุดที่จะโหยหาได้
ร่างกระตุกเกร็งยามที่ถึงจุดหมายเปรอะรดลงบนกายอีกฝ่าย
ความอุ่นร้อนถูกเติมเต็มอยู่ในกายในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน
รันมารุผละจูบออกมาหอบหายใจแล้วรีบลุกขึ้นออกจากร่างของขุนนางสูงศักดิ์ ของเหลวล้นไหลย้อนออกมาตามแรงโน้มถ่วงเป็นทางตามแนวต้นขา
ข้อมือถูกคว้าไว้แล้วดึงให้ลงไปนอนข้างกายเคานต์หนุ่ม
แววตาที่ปรายมองมาของคามิวยากที่จะคาดเดาความรู้สึก
"กลับห้องแกไปซะ"
รันมารุเอ่ยไล่
"เจ้าไม่มีสิทธิ์จะสั่งข้า
ข้าจะนอนที่ใดก็เรื่องของข้า"
หน้าด้าน.. รันมารุอยากจะด่าคำนี้ใส่หน้าหนา ๆ นั่นแหละเหลือเกิน
แต่คงไม่สะทกสะท้าน
"แต่นี่มันห้องฉันว้อย"
ว่าพลางใช้มือยันหน้าที่ใกล้กันจนเกินไปให้ห่างออก
คามิวปัดมือเขาออกแล้วยอมเขยิบตัวออกไป
"นี่คือห้องของโรงแรม
ไม่ใช่ห้องเจ้า" เจ้าตัวกล่าวหน้านิ่ง
เป็นเหตุผลที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน ถึงกับไม่รู้จะตอกกลับว่าอย่างไร
"ชิ.."
เหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำ
เขาจึงเลือกจะตะแคงหน้าหลบไปอีกฝั่งแทนแล้วแย่งผ้าห่มมาฝั่งตัวเองจนหมด
"เจ้า!"
เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจจึงรีบดึงผ้าห่มกลับมาคลุมตัว
จากสงครามวาทะกลายมาเป็นสงครามแย่งผ้าห่มเสียแทน
ยื้อแย่งไปมาจนสุดท้ายก็ลงเอยที่โนรวบตัวให้เข้าไปชิดร่างแล้วใช้ผ้าพันม้วนเป็นดักแด้จนขยับไม่ได้
ทั้งคู่ไม่ได้หลับแต่ต่างเงียบกริบ แต่ละคนต่างมีสิ่งที่อยากเอ่ย
และต่างรู้ดีว่าคืออะไร ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดออกมาเสียที
"คุโรซากิ"
คามิวเปิดปากพูดขึ้นมาก่อน
เจ้าของนามหวั่นใจขึ้นมาแต่ยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่ได้พูดตอบกลับ
"หลับไปแล้วอย่างนั้นรึ.."
เพราะถูกหันหลังให้จึงไม่รู้ว่าหลับไปแล้วหรือยัง เมื่อไร้ปฏิกิริยาตอบกลับขุนนางหนุ่มจึงไม่ได้พูดต่อ
ในเมื่ออีกคนคิดว่าเขาหลับไปแล้วจึงเลือกที่จะปล่อยไปเลยตามเลยและข่มตาลงหลับ
ความสัมพันธ์ประหลาดนี่...
จุดเริ่มก็ไม่รู้
จุดจบก็เช่นกัน
-END-