12.21.2559

[Short Fic Utapri] Like Bite, Like Bark (CamusRan)


Fan-fiction Utapri

Title: Like Bite, Like Bark
Pairing: Camus x Kurosaki Ranmaru

A/N: ฟิคนี้เวิ่นพล็อตไว้นานมาก ตั้งแต่ช่วง Pirates of the frontier มีอัพ blog กัน เนื้อเรื่องในฟิคนี้จะเป็นเหตุการ์ณหลังจากที่คามิวอัพบล็อกค่ะ
คามิวอัพบล็อกเล่าถึงช่วงที่ต้องถ่ายทำบทต่อสู้กับรันจัง และแน่นอนว่าในบล็อกก็ยังอยู่ในมาดไอดอล เจ้าตัวเล่าว่ารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ต้องเล่นบทแบบนี้(ซ้อมรันจัง)กับเพื่อนร่วมบริษัท /ถ้าเกิดฟังดราม่าซีดีแล้วจะรู้ว่า..รันจังโดนหนักมาก
หลังจากนั้นรันจังก็มาคอมเม้นท์ในเอนทรี่นั้นว่า แกมันปิศาจ สีหน้าตอนกำลังเล่นออกจะมีความสุขชัด ๆ คามิวก็ตอบคอมเม้นว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับคำชื่นชม(ที่อินกับบท) //จำประโยคเป๊ะๆไม่ได้แต่ประมาณนี้ค่ะ..ซึ่งบล็อกช่วงไชน์นิ่งเธียร์เตอร์โดนลบออกจากเว็บหมดแล้วเพราะเอามาทำขายเป็นเล่ม

พล็อตส่วนนึงต้องขอขอบคุณเน่จังด้วยที่ช่วยกันเวิ่น ฟฟฟ

ส่วนตัวแล้วชอบมิวรันในสถานะแบบ sexfriend กันล่ะค่ะ เรียกได้ว่าทะเลาะกันไปมาสุดท้ายไปลงเอยที่เตียงทุกครั้ง ในฟิคเรื่องนี้ก็จะมีคสพ.กันแนวนี้ล่ะ




Warning: 18+




               เสียงกรอบแกรบของท่อนแขนที่ถูกเหยียดขึ้นดังก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน เป็นการซ้อมอีกวันที่ใช้แรงเยอะพอตัว แต่ก็ยังดีกว่าวันก่อนที่ต้องเข้าฉากต่อสู้ล่ะนะ ชายร่างสูงหายวอดขณะเดินมาตามทางจนมาหยุดอยู่หน้าบานประตูห้องพักของโรงแรม นัยน์ตาคู่สองสี ข้างหนึ่งเทาตามธรรมชาติ ส่วนอีกข้างเป็นเลนส์สีม่วง เพ่งจ้องหมายเลขที่แปะอยู่ด้านหน้า มือขวาล้วงกระเป๋ากางเกงควานหาคีย์การ์ดก่อนจะแตะลงเปิดปลดล็อค



ฝ่าเท้าก้าวเข้าไปด้านใน เสียบการ์ดลงที่เครื่องติดผนังเพื่อเปิดสวิตซ์ไฟฟ้า เมื่อไฟสว่างขึ้นดวงตาต้องเบิกโพลงพร้อมทั้งตะโกนออกมาด้วยความตกใจ



               "แกเข้ามาได้ยังไงวะ!!" คุโรซากิ รันมารุส่งเสียงโวยวายยามเห็นบุรุษผมยาวบลอนซ์กำลังยิ้มแย้มสดใสยืนตระหง่านอยู่กลางห้องพักของเขา



สองขาก้าวถอยพรืดอัตโนมัติยามยายาวคู่นั้นก้าวเดินตรงเข้ามาหาราวกับมีสัญชาตญาณรับรู้ถึงอันตราย


               "กระผมเพียงต้องการจะมาแสดงความขอบคุณรันมารุที่เสียสละเวลามาแสดงความเห็นชื่นชมในบล็อกของกระผมด้วยตัวเองครับ" รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มชาวต่างชาติยังวาดอยู่ไม่เลือนลงเลย พร้อมทั้งชูคีย์การ์ดสำรองที่ไม่รู้ว่าไปสรรหามาได้ยังไง
ถ้อยคำสุภาพและน้ำเสียงที่เอ่ยก็ยังเป็นโทนที่ชวนให้ขนลุกเข้าไปอีก


ข้อความที่โพสนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่การชื่นชมแต่อย่างใด และอีกฝ่ายก็ไม่ได้มาเพื่อขอบคุณอย่างแน่นอน


               "ไม่ต้องการว้อย ออกไปจากห้องฉันซะ!" รันมารุยืนตั้งท่าเตรียมพร้อมหากอีกคนตั้งท่าจะจู่โจมเขาก่อน แววตาที่จ้องแสดงออกถึงความไม่ไว้วางใจอย่างเด่นชัด

               "ใจร้ายจังเลยนะครับ กระผมเพียงแค่อยากจะแสดงความขอบคุณอย่างบริสุทธิ์ใจแท้ ๆ" กล่าวพลางตีสีหน้าสลด แต่ยังคงสาวเท้าเข้าไปใกล้เจ้าของห้องพัก

รันมารุเหลือบมองหาทางหนีทีไล่แต่ครั้นจะวิ่งหนีออกจากห้องแล้วคืนนี้ตนจะไปพักที่ไหน ก็เหลือทางเดียวคือถีบส่งเจ้าขุนนางสองหน้านี่ออกไปเท่านั้น

               "แกจะออกไปเองหรือจะให้ฉันถีบส่งแกออกไป?" สายตาจ้องเขม็งบ่งบอกว่าไม่ใช่เพียงคำขู่

แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีสะท้ายสะท้านหรือเกรงกลัวแต่อย่างใด ยังคงปั้นยิ้มหลอกลวงอยู่ไม่ยอมหุบ จนกระทั่งก้าวมาอยู่ในระยะใกล้ห่างกันไม่ถึงช่วงแขน

               "เฮ้ย ฉันเตือนแกแล้วนะเว้ย!" ฝ่ามือยื่นออกไปผลักไหล่อีกฝ่ายให้ถอยออกห่างก่อนจะขยุ้มเสื้อเชิ้ตขาวเตรียมจะเหวี่ยงตัวให้ไปทางประตู

ซึ่งเคานต์หนุ่มก็รู้ทันอยู่ดีจึงอาศัยจังหวะนั้นคว้าข้อมือไว้แล้วออกแรงบีบอย่างแรงกระชากเหวี่ยงให้ไปทางเตียงแทน เล็บคมที่เตรียมจะข่วนเข้าที่หน้าก็โดนสกัดไว้ได้ทัน กดให้แผ่นหลังลงนอนราบก่อนจะคร่อมไว้เหนือตัวเพื่อคุมไม่ให้ต่อต้านได้อีก

               "ดื้อจังเลยนะครับรันมารุ" แกล้งโน้มลงกระซิบชิดใบหูจนร่างเจ้าของชื่อสะดุ้งเพาะจั๊กจี้ เนคไทร์ถูกคลายออกและใช้มัดข้อมือทั้งสองผูกติดไว้กับราวที่หัวเตียงอย่างรวดเร็ว

               "แกเป็นบ้าไปแล้วเรอะ! หยุดทุกอย่างที่คิดจะทำเลยนะโว้ย!" รันมารุตะคอกก่นด่าและยกเท้าขึ้นหมายจะยันเข้าที่ร่างแต่กลายเป็นว่าโดนคว้าไว้แล้วยึดให้ไปชิดกับข้างลำตัวอีกคนเสียอย่างนั้น

กลายเป็นว่าสภาพในตอนนี้เสียเปรียบและตกเป็นเบี้ยอย่างอย่างสมบูรณ์

               "โอะ ทราบหรือครับว่ากระผมจะทำอะไร?" เลิกคิ้วทำหน้าประหลาดใจใส่ ยิ่งชวนยียวนให้ผู้อยู่เบื้องล่างหงุดหงิดกว่าเก่า
รันมารุกัดฟันกรอด ใช้ศีรษะโขกเข้าเต็มที่หน้าผากอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง


               "!! มันจะมากไปแล้วนะเจ้าไพร่!!" ดูท่าจะเจ็บจนต้องหลุดมาด คามิวถลึงตาจ้องและตวาดใส่ด้วยน้ำเสียงที่มักใช้เป็นปกติต่อหน้าคนในค่าย


               "ที่มากเกินไปมันแกต่างหาก!" เขาเถียงกลับ

               "เจ้าต่างหากที่บังอาจเรียกข้าว่าปิศาจต่อหน้าสาธารณชน!" นัยน์ตาสีน้ำแข็งจ้องอย่างโกรธเคือง ฝ่ามือบีบคางดันให้เชิดหน้าขึ้นจ้อง

               "สาธารณชนบ้าอะไร ในคอมเม้นบล็อกแกเนี่ยนะ?" แม้จะโดนบีบกรามอยู่ก็ยังไม่ยอมแพ้

               "หึ ลงในที่สาธารณะเช่นนั้นก็ไม่ต่างกันหรอก เจ้าโง่!" มือกระชากดึงทึ้งเสื้อจนเม็ดกระดุมหลุด

               "ก็แกมันปิศาจชัด ๆ ไม่ใช่รึไงหา เฮ้ย! เสื้อมันแพงนะว้อย!" สองแขนพยายามดึงให้หลุดออกจากพันธนาการ ส่วนขาก็พยายามจะดิ้นให้หลุดออกจากช่วงเอวอีกฝ่าย

               "อยู่ในสภาพเช่นนี้ยังเถียงคำไม่ตกฟาก เห่าเก่งสมกับที่เป็นสุนัขเสียจริง" คามิวกล่าวและเค่นยิ้ม

               "แต่แกก็เห่าตอบฉันไม่ใช่รึไงกันหา-..." ไม่ทันจะเอ่ยจบดีก็ถูกมืออีกคนเลื่อนมากุมปิดปากไว้เสียก่อน เขาพยายามเบือนหน้าให้หลุดออกแต่ก็ไม่เป็นผล

มืออีกข้างของคามิวเลื่อนลงมาสู่เบื้องล่าง จัดการปลดเข็มขัดและกางเกงออกแล้วร่นลงไปโดยไม่สนใจเสียงท้วงโวยวายของเขา รันมารุแยกเขี้ยวและกัดลงไปเต็ม ๆ บนมือนั่นจนอีกฝ่ายหลุดเสียงร้องด้วยความเจ็บ

               "คุโรซากิ!!" ขุนนางตะคอกอย่างเหลืออดและคว้าท่อนขาทั้งสองข้างชูขึ้นสูงและแยกให้อ้ากว้างออก ปลายนิ้วยาวลากไปตามผิวต้นขาด้านใน

รันมารุเบิกตาโพลงสบถด่าด้วยทุกคำที่นึกขึ้นได้ เขาเกร็งตัวและสะดุ้งยามถูกสัมผัสจากอีกคน สองขาพยายามจะหุบเข้าหากันแต่ก็โดนจับแยกออกทุกครา สลัดเท้าหวังจะให้หลุดจากมือคู่นั้นแต่ก็ไม่เป็นผล

ชิ.. ถ้าหากไม่โดนมัดมือไว้ละก็คงจะสู้ไอ้เคานต์บ้าน้ำตาลนี่ได้สบาย ๆ

สุดท้ายก็เบือนหน้าหลบไปอีกทางด้วยความเจ็บใจ ริมฝีปากเม้มแน่นเพื่อกันไม่ให้หลุดเสียงแปลก ๆ ออกไป

               "โฮ่..เหมือนเจ้าจะไวสัมผัสขึ้นกว่าครั้งก่อนหรือเปล่า?" ประโยคทักชวนอับอายนั่นเอ่ยออกมาเพื่อหวังเยาะเย้ย คามิวลูบไล้ผิวกายจากต้นขาขึ้นไปยังเอวและหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ คุโรซากิพยายามขยุกขยิกตัวหลบแต่ก็เผลอแอ่นกายรับสัมผัสอย่างเสียมิได้

               "หุบปาก.." คำรามลอดไรฟันอย่างเจ็บแค้น


ปฏิเสธไม่ได้ไม่ว่าจะครั้งไหน..


               "ร่างกายของเจ้าซื่อตรงกว่าปากเสียจริง" คามิวแตะลงไปตามร่างที่ส่วนใดคุโรซากิก็จะสะดุ้งโหยงพร้อมกับหลุดเสียงน่าอายออกมาราวกับรู้จักร่างกายนี้เป็นอย่างดี

               "ฉันบอกให้แกหุบปากไงเล่า! ฮะ..เขารีบฟุบหน้าลงไปกับหมอนก่อนที่อีกคนจะสังเกตเห็นสีหน้าของตนที่แดงไปจนถึงใบหูเนื่องมาจากความร้อนผ่าวที่แล่นไปทั่วทั้งกาย..รวมทั้งที่สุมอยู่กลางลำตัวนั่น


ลงเอยด้วยแบบนี้ทุกทีสิน่า...


เขาเกร็งตัวยามที่กายร้อนถูกฝ่ามือกอบกุมไว้ ปลายนิ้วลากไปตามความยาวอย่างเชื่องช้าหวังจะให้รู้สึกอึดอัด รันมารุรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการปั่นหัวเขา และอยากให้เป็นผู้เรียกร้องขอสัมผัส เขาเม้มปากแน่นไม่มีทางให้เป็นไม่ตามที่เจ้านั่นหวังเด็ดขาด

               "หลบหน้ากระผมทำไมหรือครับ รันมารุ" น้ำเสียงอ่อนโยนกระซิบแผ่วชิดหูอย่างไม่ทันตั้งตัว ลมหายใจอุ่นรดปะทะข้างผิวหน้า

เขายังคงเงียบไม่ตอบโต้ และนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ

               "อย่าเมินกันสิครับ รันมารุ.." คามิวจงใจเรียกด้วยชื่อจริงอยู่ซ้ำ ๆ พลางมอบสัมผัสปรนเปรอให้จนกระทั่งเริ่มที่จะคล้อยตาม
ชายหนุ่มผมสั้นส่งเสียงครางลงกับหมอนใบนุ่ม เบียดเสียดกายท่อนล่างเข้าชิดลำตัวของอีกคน

               "หึ.." ท่านเคานต์กระหยิ่มยิ้มอย่างพึงพอใจกับสิ่งที่เห็น

ระหว่างที่กำลังเผลอไผลไปกับสัมผัสจากอีกคนอยู่นั้น จู่ ๆ ฝ่ามือนั่นก็ผละออกไป รันมารุหันใบหน้าออกจากหมอนใบใหญ่เพื่อกลับมามองทันที

คามิวยันตัวห่างออกมา เขาจ้องมองด้วยความสงสัยปนกับความรู้สึกอยากจะด่าเพราะอารมณ์ค้าง แต่แล้วอีกคนก็ไม่ได้ลุกไปไหนไกลเพียงแค่เขยิบตัวเอื้อมมาหยิบของที่วางอยู่บนโต๊ะข้างที่นอน


นัยน์ตาเหลืบอมองตามสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบมา ขวดโลชั่นถูกเปิดออกและราดลงบนตัวของเขา รันมารุสะดุ้งตัวเพราะความเย็นจากของเหลวที่สัมผัสถูกผิว มืออุ่นวางทาบตามลงมาพลางลูบไล้ไปตามตัวและลากลงมายังเบื้องล่าง


               "ทีมงานจองเป็นห้องสวีทคงไม่แปลกที่จะมีของพวกนี้อย่างนั้นสินะ" คามิวพูดพึมพำ


ขาที่ไม่ได้โดนจับยึดไว้เลื่อนมาใช้ฝ่าเท้ายันที่เป้ากางเกงของชายผมยาวในทันที รันมารุขยับยิ้มเยาะใส่ใบหน้าประหลาดใจของเคานต์หนุ่ม ออกแรงขยี้ลงบนเบา ๆ ก่อนจะโดนคว้าข้อเท้าไว้แล้วจับพาดบ่าและตามมาด้วยเสียงด่า

               "กระหายขนาดนั้นเลยรึ? เช่นนั้นข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้ก็แล้วกัน" คามิวยังคงตีสีหน้าขรึม

               "แกทนไม่ไหวแล้วมากกว่าล่ะเซ่?" เขาเอ่ยต่อปากต่อคำกลับแม้ในตอนนี้ตัวเองแทบจะไม่ต่างกันเลยก็ตามที

นิ้วมือลากวนไปตามรอยแยกแตะลงอย่างอ้อยอิงหมายจะปลุกปั่นให้เจ้าของร่างขาดใจ ซึ่งได้ผลดียิ่งเพราะร่างตัวเริ่มจะเต้นเร้าไปตามสัมผัสครึ่ง ๆ กลาง ๆ นั่น รันมารุส่งเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างไม่สบอารมณ์พร้อมมองค้อนใส่

               "หึ" เคานต์แห่งซิลค์พาเลซขยับยิ้มเย้ยส่งกลับไป


จังหวะที่เขาจะเปิดปากด่านิ้วยาวนั่นก็แทรกเข้ามาในร่างจนหลุดร้องเสียงหลงอย่างกลั้นไม่ทัน ดั่งจงใจกลั่นแกล้ง รันมารุหอบหายใจเกร็งตัวเป็นพัก ๆ ภายในท้องปั่นป่วนแอ่นรับสัมผัสอย่างว่าง่าย แต่เหมือนว่าอีกคนไม่ได้ต้องการให้สุขจนถึงที่สุด ปลายนิ้วกดลงแผ่ว ๆ ยังบริเวณใกล้จุดไวความรู้สึกและถอนออกจนเกือบหลุดออก ค้าง ๆ คา ๆ เช่นนั้นอยู่หลายหน เสียงเฉอะแฉะดังทวีความเขินอายให้มากขึ้น


               "อึก..แกจงใจ..สินะ" เขากัดฟันกรอดจ้อง

               "ข้าเปล่า.." ชายหนุ่มปฏิเสธหน้านิ่งและยังคงทำต่อเช่นเดิม

คุโรซากิเกร็งตัวตอดรัดไว้ไม่ให้ถูกถอนออกไปได้

               "ลึก..กว่านี้" ใบหน้าแดงเอ่ยสั่งด้วยเสียงแหบพร่า

ทว่าอีกคนดันทำตรงกันข้ามด้วยการดึงนิ้วออกไปทันที รันมารุมองแล้วมุ่นคิ้วด้วยความมึนงง

               "เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า เพราะข้าไม่ได้มาเพื่อตามใจเจ้า" คามิวปรายตามองใบหน้าที่กำลังฉงน สองมือจัดการกับกางเกงของตนร่นมันลงมา เสียงฉีกซองทรงสี่เหลี่ยมดังทำให้ผู้ที่นอนหลังพิงเตียงเบือนหน้าหลบไปอีกทางแทน

               "เฮ้ย..อย่าเพิ่ง-..!!" ไม่ทันจะร้องห้ามกายอุ่นก็ดุนดันเข้ามาอย่างไม่รีรอ เขาพยายามเกร็งตัวต้านไว้แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้จนในที่สุดก็ฝืนแทรกผ่านเข้ามาได้สำเร็จ

               "ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า!" เคานต์ซิลค์พาเลซกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมพลางกระแทกเอวเข้าใส่เรียกเสียงร้องจากผู้ไร้ทางต่อต้าน


รันมารุกำหมัดเล็บจนเล็บจิกฝ่ามือเป็นรอย ความรู้สึกพ่ายแพ้ชวนให้เจ็บใจนัก ร่างไหวไปตามจังหวะที่อีกฝ่ายเคลื่อนกายเข้าหา เสียงขาเตียงเอียดออดดังไปตามจังหวะนั้น อุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูงจนหยาดเหงื่อชื้นหยดลงบนผ้าปูเตียง


เสียงครางต่ำดังแว่วมาจากชายผมยาว นัยน์ตาคู่นั้นหรี่จ้องมองพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากตน มือออกแรงบีบที่สะโพกเพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยว ลากร่างของคุโรซากิเข้าชิดตัวรองรับกายตนให้ถลำลึกเข้าไปจนสุด


เขาซุกซ่อนใบหน้าหลบกับหมอนใบใหญ่อีกครั้ง ขยับร่างแอ่นรับสัมผัสอย่างลืมอาย แต่แล้วก็ไม่มีทางจะเป็นดั่งใจนึกเสียเท่าไหร่เมื่อความสุขถูกขัดขวางอีกครั้ง ฝ่ามือเลื่อนมากุมยังส่วนอ่อนไหวและออกแรงบีบเบา ๆ ยังส่วนยอด แต่กระนั้นแล้วอีกฝ่ายยังคงสาวกายอยู่ต่อเนื่อง


               "ป-ปล่อยนะว้อย!" เขาส่งสียงโวยวายใส่และดิ้นไปมา ความร้อนที่จุกอยู่กลางลำตัวถูกปิดกั้นไม่ให้ได้ระบายออก


คามิวทำเป็นไม่สนใจและกระแทกกายเข้าหาด้วยสัมผัสที่รุนแรงขึ้น เขาสะดุ้งตัวโหยงครางออกมาลั่น


               "ดูท่าเจ้าจะชอบให้ข้าทำแบบรุนแรงจริง ๆ สินะ" กล่าวและยกขาข้างหนึ่งให้ชูขึ้นสูงกว่าเก่าจนร่างแทบจะลอยขึ้นจากเบาะเตียง ถอยตัวออกมาจนเกือบจะแยกจากและดันกลับเข้าไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

คามิวปิดตาลงครางในลำคอขณะที่ปลดปล่อย ค้างกายไว้พักหนึ่งก่อนจะถอนออกมา แต่ฝ่ามือยังไม่ผละออกจากอีกฝ่าย

               "เหมือนเจ้าจะไม่พอใจ? หรือต้องการให้ข้าปลดปล่อยในตัวเจ้า?" ถามอย่างจงใจกวนคนหน้าหงิกงอทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่พอใจเพราะเหตุใด

               "ไอ้เคานต์บัดซบ.. หัวสาหร่ายเอ้ย..." ก่นด่าวสารพัดใส่เพราะไม่สามารถจะทำอะไรอย่างอื่นได้

               "เจ้าเป็นฝ่ายถูกลงโทษ พูดกับข้าดี ๆ คุโรซากิ" คามิวเอ่ยน้ำเสียงนิ่ง จ้องสายตาคู่ที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

               "ฝันไปซะเหอะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!" รันมารุใช้เท้ายันเข้าที่หน้าอีกฝ่ายทันที แต่ถูกหลบได้ทันจึงเฉียดโดนเพียงปลายคาง

คามิวถลึงตาจ้องพร้อมทั้งยอมปล่อยมือออก ในที่สุดสิ่งที่อัดอั้นมานานก็ได้ปลดปล่อยออกมา ของเหลวเหนียวเหนอะเปรอะเต็มหน้าท้องและต้นขา สัมผัสเย็นของบางสิ่งถูกเหวี่ยงลงตกบนกล้ามท้อง

เขาเบิกตากว้างมองสิ่งที่ถูกทิ้งลงบนตัวแล้วตวาดด่าเจ้าของ

               "เอาไปทิ้งในถังขยะสิวะ!!" จำเป็นจะต้องอยู่เฉย ๆ เพราะไม่อย่างนั้นอะไรที่อยู่ข้างในนั้นมันจะไหลออกมาเลอะกว่าเดิม
คนโดนตะคอกใส่ไม่ใส่ใจและยันกายลุกขึ้นจากเตียง จัดการสวมกางเกงจัดเสื้อผ้าตนให้เรียบร้อยทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง

               "เฮ้ย แก้มัดฉันก่อนสิว้อย!" สองแขนพยายามดึงและจิกเล็บแก้มัดแต่ก็ไม่ยอมหลุด มองแผ่นหลังอย่างหวาด ๆ ว่าจะเดินออกไปแล้วทิ้งตนไว้ในสภาพนี้จริง ๆ

               "เจ้าจะแหกปากลั่นให้คนอื่นมาเห็นสภาพนี้ก็ตามใจ" คามิวทำหน้าคล้ายรำคาญเสียงตะโกนโหวกเหวกนั่น

               "ชิ.. แกก็รีบมาแก้มัดฉันก่อนจะไปสิฟะ" รันมารุเดาะปากอย่างจัดใจและยอมลดเสียงลง แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังกอดอกยืนมองอยู่เฉย ๆ


               "ขอร้องข้าดี ๆ เสียสิ" จ้องมาด้วยสายตาเป็นต่อ


รันมารุเม้มปากอยู่นานอย่างแค้นใจ


               "...ปล่อยฉันที..คามิว" จำใจเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบา ๆ แล้วหลบตามองไปทางอื่น


               "หึ.." เคานต์หนุ่มหรี่ตามองก่อนจะยอมเดินมาเพื่อแก้มัดออกให้


ขณะทิ้งเข่าลงบนเตียงและแกะปมเนคไทร์อยู่นั้น จังหวะที่คลายออกมือที่เป็นอิสระก็กระชากคอเสื้อแล้วจับกดร่างชายตัวสูงลงไปนอนอยู่เบื้องล่างแทน

รันมารถเขยิบตัวขึ้นคร่อมอยู่เหนือร่างแสยะยิ้มใส่โน้มศีรษะลงไปหา ข้อมือทั้งสองเป็นรอยแดงตามแนวที่โดนมัด ฝ่ามือดึงทึ้งเส้นผมบลอนซ์อย่างแรงจ้องตาคู่สีน้ำแข็งนั่น


               "เจ้าคิดจะทำอะไร?" เคานต์พยายามไม่แสดงความตื่นตระหนกออกทางสีหน้า


กลีบปากเลื่อนลงมาแนบชิดก่อนจะบดจูบใส่ ชายผมยาวเบิกตากว้างเล็กน้อยอย่างประหลาดใจแต่ก็ตอบรับสัมผัสนั่นอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน รันมารุแสยะแยกเขี้ยวแล้วกัดลงอย่างแรงจนถูกผลักหัวออก

               "เจ้าหมาไพร่!!" ตวาดใส่อย่างโมโหพลางซับเลือดที่ซึมออกมาจากริมฝีปากตน มือหนึ่งบีบเข้าที่เอวเปลือยจนเป็นรอยนิ้ว เลื่อนให้บั้นท้ายคร่อมอยู่บนหน้าท้องตน

คุโรซากิใช้นิ้วหัวแม่โป้งปาดหยดเลือดที่เลอะมุมปากก่อนจะแลบลิ้นเลีย ขยับร่างเสียดสีไปบนตัวอีกฝ่ายราวกับจะเรียกร้อง

               "ติดสัดรึ?" มองแคลนใส่ผู้ที่กำลังยั่วยวนอยู่เหนือตัว

นัยน์ตาคู่สองสีสบกลับพร้อมทั้งบึ้งหน้าใส่

               "แกก็ไม่ต่างกันหรอกน่า" รันมารุย้อนพลางถอยตัวไปดันสิ่งที่กำลังตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง เอื้อมมือไปด้านหลังและสัมผัสแผ่ว ๆ กระตุกยิ้มออกมายามเห็นหน้าขึ้นสีจาง ๆ  ของอีกฝ่ายที่กำลังกัดฟัน

               "คุโรซากิ.." คามิวคำรามในลำคอเรียกชื่อ เลื่อนมือลงไปยังสะโพกแล้วบีบคลึง

รันมารุใช้เข่ายันร่างให้ยกสูงขึ้นอยู่เหนือส่วนนั้น ประคองไว้หลวม ๆ ด้วยฝ่ามือตัวเอง สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อเตรียมใจ แต่ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายกดสะโพกให้ลงมาอย่างรวดเร็วจนแทบจุก

               "!!" เกร็งร่างตอดรัดไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาได้มากกว่านี้

เข่าทั้งสองข้างของคุโรซากิสั่นจนแทบพยุงร่างไว้ไม่ไหว สุดท้ายก็เอนตัวลงใช้ฝ่ามือยันไว้บนต้นแขนอีกฝ่ายแทน คามิวถอนหายใจพลางจับบั้นท้ายแล้วแหวกออกเพื่อให้รองรับกายเข้าไป ใบหน้าขึ้นสีจัดรีบซุกลงข้างบ่าแล้วอ้าปากขบเขี้ยวลงทันทีเพื่อกลั้นเสียงร้องคราง

ความเจ็บแปลบแล่นจากต้นแขนจนเคานต์หนุ่มนิ่วหน้าแต่ก็ไม่ได้เอ่ยว่าอะไร รออยู่ครู่ใหญ่จึงยอมหยุดเกร็ง สะโพกเริ่มเคลื่อนเองโดยที่มีอีกคนช่วยคุมจังหวะให้

ปากที่ผละออกมาทิ้งรอยฟันไว้เด่นชัด ก่อนจะย้ายมากัดที่ต้นคอขณะเร่งจังหวะการขยับตัว

               "ต้องการข้ามากถึงเพียงนี้เลยรึ?" เอ่ยกระซิบหยอกข้างใบหูแดง ๆ

               "หนวกหู..." ส่งเสียงเถียงพึมพำตอบกลับมาพลางจิกเล็บลงบนแขน


ครั้งสองครั้ง..มากี่รอบแล้วกับสัมผัสจากร่างกายนี้


               มือเลื่อนมาขยุ้มเรือนผมสีบลอนซ์ทองดันใบหน้าให้หันมารับจูบ ขุนนางหนุ่มหรี่ตามองเผยอริมฝีปากออกจูบตอบแล้วแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปาก คาวหวานปะปนกันไปหมด เขาไม่ได้ชอบออกจะชิงชังเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่อาจหยุดที่จะโหยหาได้

               ร่างกระตุกเกร็งยามที่ถึงจุดหมายเปรอะรดลงบนกายอีกฝ่าย ความอุ่นร้อนถูกเติมเต็มอยู่ในกายในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน รันมารุผละจูบออกมาหอบหายใจแล้วรีบลุกขึ้นออกจากร่างของขุนนางสูงศักดิ์ ของเหลวล้นไหลย้อนออกมาตามแรงโน้มถ่วงเป็นทางตามแนวต้นขา

ข้อมือถูกคว้าไว้แล้วดึงให้ลงไปนอนข้างกายเคานต์หนุ่ม แววตาที่ปรายมองมาของคามิวยากที่จะคาดเดาความรู้สึก


               "กลับห้องแกไปซะ" รันมารุเอ่ยไล่


               "เจ้าไม่มีสิทธิ์จะสั่งข้า ข้าจะนอนที่ใดก็เรื่องของข้า"


หน้าด้าน.. รันมารุอยากจะด่าคำนี้ใส่หน้าหนา ๆ นั่นแหละเหลือเกิน แต่คงไม่สะทกสะท้าน


               "แต่นี่มันห้องฉันว้อย" ว่าพลางใช้มือยันหน้าที่ใกล้กันจนเกินไปให้ห่างออก

คามิวปัดมือเขาออกแล้วยอมเขยิบตัวออกไป

               "นี่คือห้องของโรงแรม ไม่ใช่ห้องเจ้า" เจ้าตัวกล่าวหน้านิ่ง

เป็นเหตุผลที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน ถึงกับไม่รู้จะตอกกลับว่าอย่างไร

               "ชิ.." เหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำ เขาจึงเลือกจะตะแคงหน้าหลบไปอีกฝั่งแทนแล้วแย่งผ้าห่มมาฝั่งตัวเองจนหมด

               "เจ้า!" เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจจึงรีบดึงผ้าห่มกลับมาคลุมตัว


จากสงครามวาทะกลายมาเป็นสงครามแย่งผ้าห่มเสียแทน ยื้อแย่งไปมาจนสุดท้ายก็ลงเอยที่โนรวบตัวให้เข้าไปชิดร่างแล้วใช้ผ้าพันม้วนเป็นดักแด้จนขยับไม่ได้



ทั้งคู่ไม่ได้หลับแต่ต่างเงียบกริบ แต่ละคนต่างมีสิ่งที่อยากเอ่ย และต่างรู้ดีว่าคืออะไร ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดออกมาเสียที



               "คุโรซากิ" คามิวเปิดปากพูดขึ้นมาก่อน


เจ้าของนามหวั่นใจขึ้นมาแต่ยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่ได้พูดตอบกลับ


               "หลับไปแล้วอย่างนั้นรึ.." เพราะถูกหันหลังให้จึงไม่รู้ว่าหลับไปแล้วหรือยัง เมื่อไร้ปฏิกิริยาตอบกลับขุนนางหนุ่มจึงไม่ได้พูดต่อ


ในเมื่ออีกคนคิดว่าเขาหลับไปแล้วจึงเลือกที่จะปล่อยไปเลยตามเลยและข่มตาลงหลับ




ความสัมพันธ์ประหลาดนี่...


จุดเริ่มก็ไม่รู้


จุดจบก็เช่นกัน




-END-