Title: Redacted
Pairing: Jinguji Ren x Hijirikawa Masato
A/N: เป็นวันช้อตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธีม AGF ปีนี้ ไม่ได้เขียนมาสักพักใหญ่ ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะเขียนจบได้ทั้งที่เป็นเรื่องสั้นแท้ ๆ ใช้เวลาอ่านน่าจะแค่ 3 นาที แต่เราเขียนเป็นอาทิตย์เลยนะ 555
เสียงไอค่อกแค่กดังขึ้น ฝ่ามือขาวยกมาบังไว้ ท่าทางของชายหนุ่มดูไม่สู้ดีนัก
ผมสีน้ำเงินชื้นเหงื่อหยดไหลลงมาตามกรอบหน้า ในลำคอยังไม่หายระคาย
ต้องยันกายลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ผ้าปูที่นอนซุกอยู่เมื่อครู่มีไอร้อนติดอยู่จาง ๆ
นัยน์ตาคู่สีอเมทิสต์กวาดมองไปรอบห้องก่อนจะสลดลงเล็กน้อยเมื่อไม่พบผู้ที่ตนคาดหวังว่าจะอยู่
จะลุกเดินไปหยิบยาเพียงยืนก็ยังจะไม่ไหว
นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุร่างกายนี้ก็อ่อนแอลง
เหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้ต้องสูญเสียความทรงจำไป
เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ไม่หลงเหลือสิ่งใดมีแค่ 'จินงูจิ เร็น' เท่านั้นที่เป็นผู้เล่าเรื่องราวและคอยช่วยเหลือดูแล
รอยแผลที่หลังยังคงเจ็บเป็นระยะ น่าจะยังไม่หายขาดเพราะต้องพันผ้าปิดไว้
เพราะไม่อยากเป็นภาระจึงเสนอจะทำเองแต่ก็ถูกค้านทุกครั้ง
นึกแปลกใจอยู่ว่าก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์กันแบบไหน
แต่ทุกรอบที่ถามจะได้รับคำตอบว่า 'เป็นสิ่งสำคัญ'
บานประตูถูกเปิด คนข้างในห้องหันมองไปทางที่ว่า
เห็นหลังของผู้กำลังปิดประตู เรือนผมสีทองยาวประบ่าทำให้รับรู้ว่าคือคนที่คุ้นเคย
เจ้าของร่างหันมาขยับยิ้มดั่งเช่นทุกที
"ตื่นแล้วหรอ
เป็นยังไงบ้าง?" ตรงเข้ามานั่งลงข้าง ๆ
เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ริมฝีปากซีดยิ้มตอบให้จินงูจิ
"ดีขึ้นกว่าวันก่อน
แต่ยังเจ็บที่หลังอยู่เลย" ไม่ทันจบประโยคดี
เสียงไอก็ดังขึ้นมาอีก
เมื่อได้ยินอีกคนจึงลุกไปหยิบขวดยามาแล้วส่งให้
เมื่อคนป่วยปิดฝายกดื่มแล้วจึงใช้แขนโอบให้มาพิง ชิดจนได้เสียงหายใจหอบอ่อน ๆ
จากความเหนื่อย ฝ่ามือเลื่อนไปลูบที่เส้นผมสีน้ำเงินอย่างปลอบโยน
"ฉันจะคอยดูแล
ไม่ทิ้งนายไปไหน" เปี่ยมไปด้วยความจริงจัง
ดั่งที่พูดก็เป็นจริง
เพราะไม่เคยที่จะปล่อยให้อยู่ตามลำพังเป็นเวลานาน
เพิ่งจะมีวันนี้เป็นหนแรกที่ตื่นมาแล้วไม่พบหน้า เหมือนว่ากลัวจะหายไป
"แต่ฉันเกรงใจนาย
ฉันจำนายไม่ได้ด้วยซ้ำ" รอยยิ้มเจื่อนลง
ผละตัวออกมาเว้นระยะไว้เล็กน้อยก่อนจะเงยมอง
"ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่
รู้ไว้แค่ว่านายสำคัญกับฉันก็พอ" สบตากลับยามเอ่ยพูด
ปลายนิ้วแตะลงที่แต้มไฝเสน่ห์ใต้ตาขวา วางมือประคองใบหน้าด้วยความถะนุถนอม
สองมือขาวยกขึ้นบ้าง เอือมวางไว้ที่เรือนผมสีทอง
ลูบไล่ลงมาเกาะเอาไว้ที่แผ่นหลัง สัมผัสที่มีสิ่งต่างจากมนุษย์ทั่วไป
ฝ่ามือวางลงบนปีกสีดำคล้ายค้างคาวแต่มีขนาดใหญ่
นึกเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ว่าเคยพบกับปิศาจได้อย่างไร และทำไมปิศาจตนนี้ถึงได้มอบความสำคัญมาให้มากมายขนาดนี้
"ฉันเป็นแค่มนุษย์นะ
เป็นสิ่งที่อ่อนแอเมื่อเทียบกับนาย" เอ่ยด้วยเสียงเบา
แต่โอบปีกและหลังอีกฝ่ายไว้แน่นขึ้น ส่วนลึกในใจรู้ดีว่าอายุขัยของมนุษย์ช่างสั้น
และยิ่งสุขภาพที่ย่ำแย่เช่นนี้คงเป็นได้แต่ภาระ
ปิศาจชะงักมือที่ลูบเรือนผมและเงียบไปครู่หนึ่ง
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ
นายไม่ได้อ่อนแอเสียหน่อย" พูดเสียงเบา
ไล้นิ้วแทรกไปตามเส้นผมนุ่ม นิ่งปล่อยให้ถูกกอดไว้แบบนั้น
"นายเป็นปิศาจที่ใจดีจังนะ
น่าเสียดายที่คนอื่นมักจะเหมารวม" คลายอ้อมแขนออกแล้วเงยขึ้นจ้องด้วยใบหน้าที่ดูเหนื่อยอ่อน
ปิศาจผละฝ่ามือออก เลื่อนลงมาทาบหลังมือไว้บนข้างแก้มพร้อมคลี่ยิ้มจนเห็นเขี้ยวแหลมในปาก
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าน่ากลัวแต่อย่างใด กลับมีแต่ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นสำหรับตน
ชายหนุ่มผมสั้นยิ้มตอบเอียงศีรษะรับสัมผัสที่แนบหน้าอยู่
"ฉันพยายามนึกเรื่องของนายแต่ก็นึกไม่ออกเลย
เหมือนกำลังเอาเปรียบนายที่ต้องมาคอยอยู่กับคนที่ลืมเรื่องราวของตัวเองไปจนหมด
กลายเป็นคนแปลกหน้า" ดวงตาหลบลงเบื้องล่าง เม้มปากพยายามยื้อรอยยิ้มคงไว้
ความรู้สึกน้อยใจในตัวเองที่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถจะจำได้ ทั้งที่ได้รู้ว่าสำคัญแค่ไหนแต่จะไม่หลงเหลือเอาไว้แต่สักนิดเลยหรือ
"ไม่ใช่ความผิดของนายเสียหน่อย
อย่าโทษตัวเองเลยนะ ยังไงเราก็ทำความรู้จักกันใหม่ได้ไม่ใช่หรอ" ใช้ปลายนิ้วดันคางเบา ๆ ให้เงยหน้าขึ้นมา ซบหน้าผากลงชิดกัน
เปลือกตาทั้งคู่ปิดลงและค้างแบบนั้นอยู่เนิ่นนาน สงบใจราวเป็นที่พักพิง
มนุษย์ผู้อ่อนแอไม่มีที่ไป ซ้ำยังโชคร้ายจำสิ่งใดไม่ได้
หากไม่มีปิศาจตนนี้ช่วยเอาไว้ก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าจะเป็นอย่างไร
"ความทรงจำเรื่องที่เกี่ยวกับนาย..ฉันรู้สึกเสียดายที่ลืมมันไป"
พูดกระซิบแผ่ว ใกล้แทบจรดริมฝีปาก
สันจมูกอิงแนบรับรู้ลมหายใจอุ่นกันและกัน
"ไม่ต้องฝืนหรอก
แค่ที่เป็นในตอนนี้..ได้อยู่ด้วยกันก็นับเป็นความทรงจำที่ดีแล้วไม่ใช่หรอ"
ฝ่ามือเลื่อนลงแทรกประสานนิ้วเข้าไว้ด้วยกัน
กุมไว้แน่นราวกับหวาดกลัวจะหลุดมือไป
คนได้ฟังมุ่นคิ้วอย่างสงสัยในประโยค ปรือตาขึ้นมองก่อนตั้งคำถาม
"นายพูดเหมือนก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
เป็นอย่างนั้นหรอ?" ถอยตัวออกมาแล้วสบตารอคำตอบ
ในแววตาปิศาจสลดลงจนสังเกตได้ดั่งถูกสะกิดปมในใจ ฝ่ามือออกแรงบีบมากขึ้นอย่างลืมตัว
"..ฉ-ฉัน..เจ็บ"
ชายหนุ่มส่งเสียงร้องบอกพร้อมทั้งนิ่วหน้า พยายามดึงมือออกมาก่อน
เมื่อปิศาจได้ยินจึงได้สติกลับคืน รีบคลายมือทันที
ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
"ฉันขอโทษ.."
จินงูจิถอยตัวออกห่างกำมือตนเองแน่นก่อนจะไปไขว้หลบไว้ที่ข้างหลัง กลัวว่าจะเผลอทำอันตรายอีก
ทว่าอีกคนนั้นกลับเขยิบตัวตาม เลื่อนไปคว้าแขนดึงให้ยื่นมือกลับมา
ปิศาจเงยมองด้วยความลังเลแต่ก็ยอมให้จับมือไว้ตามเดิม
"ไม่เป็นไรหรอก คงเป็นเรื่องที่นายไม่อยากนึกถึงสินะ"
ดึงฝ่ามือมาแนบไว้ที่กลางอก ดวงตาช้อนมองหาแววตาที่เสหลบไปทางอื่น
ปิศาจเม้มปากแน่นก่อนจะยอมสบตากลับ
มองลึกเข้าไปเผยความเศร้าสร้อยที่ซ่อนอยู่ รับรู้ได้ถึงความอ่อนแอและหวั่นไหว
ชวนให้ใจกระตุกวูบตาม
จังหวะการเต้นในอกสั่นระรัวจนเจ้าของฝ่ามือที่วางทาบไว้อยู่รู้สึกได้
"นี่
ฉันก็อยู่ตรงนี้แล้ว อย่าทำหน้าเศร้าเลยนะ ฉันจะไม่ถามนายเรื่องในอดีตอีก"
มืออีกข้างที่ว่างเอื้อมวางทาบบนหน้าของปิศาจ ไล้ปลายนิ้วโป้งกดลงที่มุมปากที่ตกลงจนกระทั่งยอมคลายแล้วยกขึ้นแทน
"นั่นสินะ..
ตอนนี้นายก็อยู่ตรงนี้ด้วยกันแล้ว" ขยับมือที่แนบอกมาวางไว้ที่ต้นแขน
ลูบไล่ลงมาเพื่อสัมผัสตัวเสมือนจะย้ำว่าคนตรงหน้ายังอยู่ด้วยจริง ๆ
ริมฝีปากซีดคลี่ยิ้มบางเขยิบตัวหันหลังเอนพิง ฤทธิ์ยาที่ได้รับทำให้รู้สึกงัวเงีย
คงจะได้เวลาที่ต้องพักผ่อน เปลือกตาปิดลงปล่อยลมหายใจยาว
หัวไหล่ถูกจับประคองไว้ให้กลับมานั่งตามเดิมก่อน จนต้องปรือตามองอย่างสงสัย
"นายต้องทำแผลก่อนนะ"
ปิศาจเอ่ยบอก
คนป่วยพยักหน้ารับแม้จะรู้สึกอยากนอนแล้วก็ตาม นั่งนิ่งอยู่บนเตียงระหว่างที่รออีกฝ่ายนั้นเดินไปหยิบอุปกรณ์มาเปลี่ยนผ้าพันแผล
รู้เพียงว่าข้างหลังมีรอยแผลที่ยังคงไม่หายดี และจะเจ็บเป็นระยะตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น
สองมือปลดกระดุมเสื้อออก ถอดวางไว้ข้างตัว ที่ส่วนอกมีผ้าขาวพันปิดไว้รอบ
หันมองปิศาจที่เดินกลับมานั่งตามเดิม ผ้าพันแผลเก่าถูกแกะออกอย่างระมัดระวัง
สองแขนยกขึ้นไว้ระดับศีรษะอำนวยความสะดวกให้
ปิศาจก้มลงมองแผ่นหลังเปลือย เอื้อมมือลงไปใกล้ยังแผลที่ว่า นัยน์ตาคู่สีฟ้าหรี่จ้องร่องรอยที่หลงเหลือ
"หยุด!! นายคิดจะทำอะไร!!"
เสียงตะโกนดัง แผดร้องด้วยความหวาดกลัว
ฝังลึกในโสตประสาทวนเวียนแว่วให้ได้ยินอยู่ซ้ำครั้ง
"ไม่.. อย่า..ทำแบบนี้"
สะอึกสะอื้นเอ่ยอ้อนวอน หยาดน้ำตาที่อาบบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยหวาดกลัว
เป็นภาพที่ยากจะลืมเลือน
"อย่า..ตัด..ปีกของฉัน..."
กรีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ในดวงตาของเทวดาจ้องมองปิศาจผู้ตัดปีกตนอย่างสิ้นหวัง
ส่งเสียงร้องระงมท่ามกลางขนสีขาวที่ปลิวว่อน
หากไร้ซึ่งปีกก็สูญสิ้นทุกสิ่ง
จิตใจแตกสลายจนไม่ต้องการจะรับรู้สิ่งใดอีก
ขนนกสีขาวร่วงหล่นลงมาเมื่อดึงผ้าพันแผลออก นัยน์ตาคู่สีฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
เอื้อมลงหยิบแล้วขยำคาไว้ในฝ่ามือ บางส่วนของปีกนั้นยังคงหลงเหลืออยู่
แต่ไม่อยู่ในสภาพที่จะกลับคืนดังเดิมได้อีกต่อไป
หยดยาลงใส่ที่รอยแผลแล้วพันผ้าไว้รอบเพื่อปกปิด
ประคองร่างให้เอนลงนอนบนเตียงนุ่ม เอนกายตามไปอยู่เคียง
ลูบเส้นผมสีน้ำเงินอย่างแผ่วเบา จนกระทั่งเปลือกตาปิดลงเข้าสู่นิทรา ลูบไล้ดวงหน้าของร่างที่นอนนิ่ง
โน้มลงหาแนบจุมพิตลงประทับยังกลีบปาก เฝ้ามองผู้หลับใหลอย่างไม่ห่างกาย
"ฉันจะไม่ปล่อยนายไปจากฉันอีก.."
ช่วงชิงซึ่งอิสระ เพื่อกักขังเอาไว้
ต่อให้ถูกเกลียดชัง เพียงได้อยู่ด้วยกันไปตลอดกาลก็ยอม