10.13.2561

[oneshot utapri] Redacted (RenMasa)

fan-fiction utapri

Title: Redacted
Pairing: Jinguji Ren x Hijirikawa Masato
A/N: เป็นวันช้อตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธีม AGF ปีนี้ ไม่ได้เขียนมาสักพักใหญ่ ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะเขียนจบได้ทั้งที่เป็นเรื่องสั้นแท้ ๆ ใช้เวลาอ่านน่าจะแค่ 3 นาที แต่เราเขียนเป็นอาทิตย์เลยนะ 555





               เสียงไอค่อกแค่กดังขึ้น ฝ่ามือขาวยกมาบังไว้ ท่าทางของชายหนุ่มดูไม่สู้ดีนัก ผมสีน้ำเงินชื้นเหงื่อหยดไหลลงมาตามกรอบหน้า ในลำคอยังไม่หายระคาย ต้องยันกายลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ผ้าปูที่นอนซุกอยู่เมื่อครู่มีไอร้อนติดอยู่จาง ๆ นัยน์ตาคู่สีอเมทิสต์กวาดมองไปรอบห้องก่อนจะสลดลงเล็กน้อยเมื่อไม่พบผู้ที่ตนคาดหวังว่าจะอยู่

จะลุกเดินไปหยิบยาเพียงยืนก็ยังจะไม่ไหว นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุร่างกายนี้ก็อ่อนแอลง เหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้ต้องสูญเสียความทรงจำไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ไม่หลงเหลือสิ่งใดมีแค่ 'จินงูจิ เร็น' เท่านั้นที่เป็นผู้เล่าเรื่องราวและคอยช่วยเหลือดูแล รอยแผลที่หลังยังคงเจ็บเป็นระยะ น่าจะยังไม่หายขาดเพราะต้องพันผ้าปิดไว้ เพราะไม่อยากเป็นภาระจึงเสนอจะทำเองแต่ก็ถูกค้านทุกครั้ง นึกแปลกใจอยู่ว่าก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์กันแบบไหน แต่ทุกรอบที่ถามจะได้รับคำตอบว่า 'เป็นสิ่งสำคัญ'

บานประตูถูกเปิด คนข้างในห้องหันมองไปทางที่ว่า เห็นหลังของผู้กำลังปิดประตู เรือนผมสีทองยาวประบ่าทำให้รับรู้ว่าคือคนที่คุ้นเคย เจ้าของร่างหันมาขยับยิ้มดั่งเช่นทุกที

               "ตื่นแล้วหรอ เป็นยังไงบ้าง?" ตรงเข้ามานั่งลงข้าง ๆ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

ริมฝีปากซีดยิ้มตอบให้จินงูจิ

               "ดีขึ้นกว่าวันก่อน แต่ยังเจ็บที่หลังอยู่เลย" ไม่ทันจบประโยคดี เสียงไอก็ดังขึ้นมาอีก

เมื่อได้ยินอีกคนจึงลุกไปหยิบขวดยามาแล้วส่งให้ เมื่อคนป่วยปิดฝายกดื่มแล้วจึงใช้แขนโอบให้มาพิง ชิดจนได้เสียงหายใจหอบอ่อน ๆ จากความเหนื่อย ฝ่ามือเลื่อนไปลูบที่เส้นผมสีน้ำเงินอย่างปลอบโยน

               "ฉันจะคอยดูแล ไม่ทิ้งนายไปไหน" เปี่ยมไปด้วยความจริงจัง

ดั่งที่พูดก็เป็นจริง เพราะไม่เคยที่จะปล่อยให้อยู่ตามลำพังเป็นเวลานาน เพิ่งจะมีวันนี้เป็นหนแรกที่ตื่นมาแล้วไม่พบหน้า เหมือนว่ากลัวจะหายไป

               "แต่ฉันเกรงใจนาย ฉันจำนายไม่ได้ด้วยซ้ำ" รอยยิ้มเจื่อนลง ผละตัวออกมาเว้นระยะไว้เล็กน้อยก่อนจะเงยมอง

               "ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ รู้ไว้แค่ว่านายสำคัญกับฉันก็พอ" สบตากลับยามเอ่ยพูด

ปลายนิ้วแตะลงที่แต้มไฝเสน่ห์ใต้ตาขวา วางมือประคองใบหน้าด้วยความถะนุถนอม

สองมือขาวยกขึ้นบ้าง เอือมวางไว้ที่เรือนผมสีทอง ลูบไล่ลงมาเกาะเอาไว้ที่แผ่นหลัง สัมผัสที่มีสิ่งต่างจากมนุษย์ทั่วไป ฝ่ามือวางลงบนปีกสีดำคล้ายค้างคาวแต่มีขนาดใหญ่

นึกเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ว่าเคยพบกับปิศาจได้อย่างไร และทำไมปิศาจตนนี้ถึงได้มอบความสำคัญมาให้มากมายขนาดนี้

               "ฉันเป็นแค่มนุษย์นะ เป็นสิ่งที่อ่อนแอเมื่อเทียบกับนาย" เอ่ยด้วยเสียงเบา แต่โอบปีกและหลังอีกฝ่ายไว้แน่นขึ้น ส่วนลึกในใจรู้ดีว่าอายุขัยของมนุษย์ช่างสั้น และยิ่งสุขภาพที่ย่ำแย่เช่นนี้คงเป็นได้แต่ภาระ

ปิศาจชะงักมือที่ลูบเรือนผมและเงียบไปครู่หนึ่ง

               "ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ นายไม่ได้อ่อนแอเสียหน่อย" พูดเสียงเบา ไล้นิ้วแทรกไปตามเส้นผมนุ่ม นิ่งปล่อยให้ถูกกอดไว้แบบนั้น

               "นายเป็นปิศาจที่ใจดีจังนะ น่าเสียดายที่คนอื่นมักจะเหมารวม" คลายอ้อมแขนออกแล้วเงยขึ้นจ้องด้วยใบหน้าที่ดูเหนื่อยอ่อน

ปิศาจผละฝ่ามือออก เลื่อนลงมาทาบหลังมือไว้บนข้างแก้มพร้อมคลี่ยิ้มจนเห็นเขี้ยวแหลมในปาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าน่ากลัวแต่อย่างใด กลับมีแต่ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นสำหรับตน ชายหนุ่มผมสั้นยิ้มตอบเอียงศีรษะรับสัมผัสที่แนบหน้าอยู่

               "ฉันพยายามนึกเรื่องของนายแต่ก็นึกไม่ออกเลย เหมือนกำลังเอาเปรียบนายที่ต้องมาคอยอยู่กับคนที่ลืมเรื่องราวของตัวเองไปจนหมด กลายเป็นคนแปลกหน้า" ดวงตาหลบลงเบื้องล่าง เม้มปากพยายามยื้อรอยยิ้มคงไว้

ความรู้สึกน้อยใจในตัวเองที่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถจะจำได้ ทั้งที่ได้รู้ว่าสำคัญแค่ไหนแต่จะไม่หลงเหลือเอาไว้แต่สักนิดเลยหรือ

               "ไม่ใช่ความผิดของนายเสียหน่อย อย่าโทษตัวเองเลยนะ ยังไงเราก็ทำความรู้จักกันใหม่ได้ไม่ใช่หรอ" ใช้ปลายนิ้วดันคางเบา ๆ ให้เงยหน้าขึ้นมา ซบหน้าผากลงชิดกัน

เปลือกตาทั้งคู่ปิดลงและค้างแบบนั้นอยู่เนิ่นนาน สงบใจราวเป็นที่พักพิง มนุษย์ผู้อ่อนแอไม่มีที่ไป ซ้ำยังโชคร้ายจำสิ่งใดไม่ได้ หากไม่มีปิศาจตนนี้ช่วยเอาไว้ก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าจะเป็นอย่างไร

               "ความทรงจำเรื่องที่เกี่ยวกับนาย..ฉันรู้สึกเสียดายที่ลืมมันไป" พูดกระซิบแผ่ว ใกล้แทบจรดริมฝีปาก สันจมูกอิงแนบรับรู้ลมหายใจอุ่นกันและกัน

               "ไม่ต้องฝืนหรอก แค่ที่เป็นในตอนนี้..ได้อยู่ด้วยกันก็นับเป็นความทรงจำที่ดีแล้วไม่ใช่หรอ" ฝ่ามือเลื่อนลงแทรกประสานนิ้วเข้าไว้ด้วยกัน กุมไว้แน่นราวกับหวาดกลัวจะหลุดมือไป

คนได้ฟังมุ่นคิ้วอย่างสงสัยในประโยค ปรือตาขึ้นมองก่อนตั้งคำถาม

               "นายพูดเหมือนก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เป็นอย่างนั้นหรอ?" ถอยตัวออกมาแล้วสบตารอคำตอบ

ในแววตาปิศาจสลดลงจนสังเกตได้ดั่งถูกสะกิดปมในใจ ฝ่ามือออกแรงบีบมากขึ้นอย่างลืมตัว

               "..ฉ-ฉัน..เจ็บ" ชายหนุ่มส่งเสียงร้องบอกพร้อมทั้งนิ่วหน้า พยายามดึงมือออกมาก่อน

เมื่อปิศาจได้ยินจึงได้สติกลับคืน รีบคลายมือทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

               "ฉันขอโทษ.." จินงูจิถอยตัวออกห่างกำมือตนเองแน่นก่อนจะไปไขว้หลบไว้ที่ข้างหลัง กลัวว่าจะเผลอทำอันตรายอีก

ทว่าอีกคนนั้นกลับเขยิบตัวตาม เลื่อนไปคว้าแขนดึงให้ยื่นมือกลับมา ปิศาจเงยมองด้วยความลังเลแต่ก็ยอมให้จับมือไว้ตามเดิม

               "ไม่เป็นไรหรอก คงเป็นเรื่องที่นายไม่อยากนึกถึงสินะ" ดึงฝ่ามือมาแนบไว้ที่กลางอก ดวงตาช้อนมองหาแววตาที่เสหลบไปทางอื่น

ปิศาจเม้มปากแน่นก่อนจะยอมสบตากลับ มองลึกเข้าไปเผยความเศร้าสร้อยที่ซ่อนอยู่ รับรู้ได้ถึงความอ่อนแอและหวั่นไหว ชวนให้ใจกระตุกวูบตาม จังหวะการเต้นในอกสั่นระรัวจนเจ้าของฝ่ามือที่วางทาบไว้อยู่รู้สึกได้

               "นี่ ฉันก็อยู่ตรงนี้แล้ว อย่าทำหน้าเศร้าเลยนะ ฉันจะไม่ถามนายเรื่องในอดีตอีก" มืออีกข้างที่ว่างเอื้อมวางทาบบนหน้าของปิศาจ ไล้ปลายนิ้วโป้งกดลงที่มุมปากที่ตกลงจนกระทั่งยอมคลายแล้วยกขึ้นแทน

               "นั่นสินะ.. ตอนนี้นายก็อยู่ตรงนี้ด้วยกันแล้ว" ขยับมือที่แนบอกมาวางไว้ที่ต้นแขน ลูบไล่ลงมาเพื่อสัมผัสตัวเสมือนจะย้ำว่าคนตรงหน้ายังอยู่ด้วยจริง ๆ

ริมฝีปากซีดคลี่ยิ้มบางเขยิบตัวหันหลังเอนพิง ฤทธิ์ยาที่ได้รับทำให้รู้สึกงัวเงีย คงจะได้เวลาที่ต้องพักผ่อน เปลือกตาปิดลงปล่อยลมหายใจยาว หัวไหล่ถูกจับประคองไว้ให้กลับมานั่งตามเดิมก่อน จนต้องปรือตามองอย่างสงสัย

               "นายต้องทำแผลก่อนนะ" ปิศาจเอ่ยบอก

คนป่วยพยักหน้ารับแม้จะรู้สึกอยากนอนแล้วก็ตาม นั่งนิ่งอยู่บนเตียงระหว่างที่รออีกฝ่ายนั้นเดินไปหยิบอุปกรณ์มาเปลี่ยนผ้าพันแผล รู้เพียงว่าข้างหลังมีรอยแผลที่ยังคงไม่หายดี และจะเจ็บเป็นระยะตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น

สองมือปลดกระดุมเสื้อออก ถอดวางไว้ข้างตัว ที่ส่วนอกมีผ้าขาวพันปิดไว้รอบ หันมองปิศาจที่เดินกลับมานั่งตามเดิม ผ้าพันแผลเก่าถูกแกะออกอย่างระมัดระวัง สองแขนยกขึ้นไว้ระดับศีรษะอำนวยความสะดวกให้


ปิศาจก้มลงมองแผ่นหลังเปลือย เอื้อมมือลงไปใกล้ยังแผลที่ว่า นัยน์ตาคู่สีฟ้าหรี่จ้องร่องรอยที่หลงเหลือ




               "หยุด!! นายคิดจะทำอะไร!!"
เสียงตะโกนดัง แผดร้องด้วยความหวาดกลัว ฝังลึกในโสตประสาทวนเวียนแว่วให้ได้ยินอยู่ซ้ำครั้ง


               "ไม่.. อย่า..ทำแบบนี้"
สะอึกสะอื้นเอ่ยอ้อนวอน หยาดน้ำตาที่อาบบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยหวาดกลัว เป็นภาพที่ยากจะลืมเลือน


               "อย่า..ตัด..ปีกของฉัน..."
กรีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ในดวงตาของเทวดาจ้องมองปิศาจผู้ตัดปีกตนอย่างสิ้นหวัง


ส่งเสียงร้องระงมท่ามกลางขนสีขาวที่ปลิวว่อน


หากไร้ซึ่งปีกก็สูญสิ้นทุกสิ่ง


จิตใจแตกสลายจนไม่ต้องการจะรับรู้สิ่งใดอีก




ขนนกสีขาวร่วงหล่นลงมาเมื่อดึงผ้าพันแผลออก นัยน์ตาคู่สีฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เอื้อมลงหยิบแล้วขยำคาไว้ในฝ่ามือ บางส่วนของปีกนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ แต่ไม่อยู่ในสภาพที่จะกลับคืนดังเดิมได้อีกต่อไป

หยดยาลงใส่ที่รอยแผลแล้วพันผ้าไว้รอบเพื่อปกปิด ประคองร่างให้เอนลงนอนบนเตียงนุ่ม เอนกายตามไปอยู่เคียง ลูบเส้นผมสีน้ำเงินอย่างแผ่วเบา จนกระทั่งเปลือกตาปิดลงเข้าสู่นิทรา ลูบไล้ดวงหน้าของร่างที่นอนนิ่ง โน้มลงหาแนบจุมพิตลงประทับยังกลีบปาก เฝ้ามองผู้หลับใหลอย่างไม่ห่างกาย


               "ฉันจะไม่ปล่อยนายไปจากฉันอีก.."



ช่วงชิงซึ่งอิสระ เพื่อกักขังเอาไว้


ต่อให้ถูกเกลียดชัง เพียงได้อยู่ด้วยกันไปตลอดกาลก็ยอม



-end-