Title : X X X
Pairing : Jinguji Ren x Hijirikawa Masato
Rate : 18+
Warning: NTR
A/N : ไม่ได้เช็คคำผิดแต่อย่างใด (สดๆร้อนๆ) ถ้าเจอบอกด้วย ฮือ
จริงๆอยากแต่งพล็อตนี้มานานแล้วแต่ว่า..คิดรายละเอียดอะไรเพิ่มไม่ออกซักที กับเวลาไม่ค่อยจะมี เสียใจ..
พอได้ฟัง xxx ของลาร์คอีกรอบ..ก็ เอ๊ะ...มันใช่นี่หว่าาาา เลยใช้เพลงนี้บิวท์ตอนแต่ง..และเอามาเป็นชื่อซะเลย(ขี้เกียจคิด555)
แก้วใสในมือถูกยกขึ้นแกว่งเป็นวงกลม ก้อนน้ำแข็งเลื่อนกระทบจนเกิดเสียง
ดันกระดกเอียงให้ของเหลวเจือสีไหลลงสู่คอแผ่ความร้อนกระจายจนเลือดพอสูบฉีดให้ขึ้นสีจางบนดวงแก้มขาว
เหล่สายตาจ้องกลับไปยังด้านข้างหาเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสว่างซึ่งมองมา
ไล่มายังแก้วซึ่งมีแต่น้ำแข็งที่เริ่มละลายอีกใบที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะมุ่นคิ้วแล้ววางแก้วของตนลงกับโต๊ะ
มือขาวพยายามจะเอื้อมหยิบขวดเพื่อมารินเติมแต่กลับถูกแย่งไปเสียก่อน
"นายดื่มเยอะเกินไปแล้วนะ" คล้ายจะดุแต่น้ำเสียงไม่ใช่
"ยุ่ง" คนถูกห้ามคิ้วผูกคิ้วเป็นปมอย่างไม่พอใจนัก
ใบหน้าแดงๆนั่นพอทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มจะเมาแล้ว
ก่อนจะหนักเกินไปกว่านี้คงจะต้องเอาขวดกับกระป๋องพวกนี้ไปเก็บซะแล้ว
ควรแปลกใจหรือเปล่าที่ในห้องของหมอนี่มีอะไรแบบนี้อยู่ด้วย
แต่ดูๆแล้วก็เหมือนจะเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน
แต่ที่ทำให้แปลกใจกว่านั้นคือการที่อยู่ๆคุณชายฮิจิริคาวะเป็นฝ่ายชวนให้เขามานั่งดื่มด้วย
ทั้งที่เมื่อก่อนมักจะบ่นเขาเรื่องนี้แท้ๆ
ไม่ได้เจอกันหลายปี.. เปลี่ยนไปจนประหลาดใจจริงๆ
เจ้าของห้องเริ่มตาปรือคล้ายกำลังง่วง ชายหนุ่มผู้เป็นแขกจึงเหลือบดูนาฬิกาดิจิตอลที่วางบนโต๊ะฝั่งตรงข้าม
ตีสอง..
อา.. มาอยู่นานขนาดนี้แล้วงั้นหรอ
หันกลับไปมองร่างของอีกคนที่เหมือนว่าคงจะหลับไปแล้ว
เร็นถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับ
"จินงูจิ..
จะไปไหนน่ะ?" เสียงเอ่ยดังพร้อมกับเสื้อที่ถูกรั้งไว้
"ดึกขนาดนี้แล้ว
ก็ต้องกลับแล้วสิ" เขาพูดตอบแต่ไม่ได้หันกลับไปหา พยายามก้าวขาเดินให้มือที่จับกับเสื้อนั่นหลุดออก
แต่ทว่า..เหมือนจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
"ค้างที่นี่ก็ได้นี่" มือข้างที่ยึดเสื้อออกแรงดึงให้ร่างลุกขึ้นยืน
ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินตรงไปที่ประตู
"เร็น"
แต่คงเดินต่อไปเอื้อมมือจะคว้าที่ลูกบิด แต่กลับต้องหยุดค้างไว้ด้วยแขนเรียวที่รวบโอบเขาไว้จากด้านหลัง นัยน์ตาเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงยืนนิ่ง อ้อมแขนทั้งสองยิ่งกระชับกอดให้แน่นขึ้น
ไม่ใช่ร่างแต่เป็นข้างในอกเหมือนถูกรัดซ้ำด้วยแรงจนรู้สึกเจ็บ
ถ้ามากกว่านี้..คงจะร้าวได้
"นายเมามากไปแล้ว"
น้ำเสียงนิ่งในแบบที่ไม่ใช่ปกติของเขา เลื่อนลงจับที่ข้อมือของอีกคนค่อยๆแกะให้หลุดออก
แต่อีกฝ่ายพยายามขืนไว้พร้อมกับเถียงกลับ
"ฉันไม่ได้-.."
ไม่ทันได้พูดก็ถูกสวนขึ้นมาไว้เสียก่อน
"ฮิจิริคาวะ!" เร็นหันกลับไปหลุดตะคอกใส่อย่างไม่ตั้งใจ
แรงที่รั้งตัวของเขาไว้เริ่มจะคลายออก ใบหน้านั่นสลดลงในทันทีพลางเม้มปากแน่น เห็นแบบนั้นแล้วจึงหลบสายตาก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตู
ห่างเพียงวินาทีที่ประตูถูกผลักให้ปิดลง ริมฝีปากของร่างที่เข้ามาขวางไว้นั้นก็เบียดแนบเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ฝ่ามือเรียวเลื่อนประคองที่ข้างใบหน้าก่อนจะขยับไปรั้งไว้ที่หลังคอ
เขยิบเข้าชิดจนไร้ระยะห่าง กว่าจะตั้งสติได้ทันว่าเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกถึงปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาหา
ก่อนที่เขาจะทนข่มใจไว้ไม่ได้...
เร็นรีบผลักให้ร่างของอีกฝ่ายออกในทันที ผู้ถูกผละออกได้แต่ยืนชะงักค้างมองมาเหมือนช็อคอยู่หน่อยๆ
"ไม่ได้..
" พึมพำพลางคว้าข้อมือของอีกคนยกขึ้น เลื่อนลงไปจากฝ่ามือก่อนจะสะดุดที่แหวนวงสีเงินบนนิ้วเรียวของอีกฝ่าย
"แบบนั้น..ฉันจะเป็นพี่ชายที่ไม่ดีสิ" เร็นเหลือบสายตาขึ้นจ้องมองพร้อมรอยยิ้มจาง
ความเจ็บปวดในแววตาคู่นั้นดั่งถ่ายทอดมาวูบลึกอยู่ภายในใจของอีกคน
ฮิจิริคาวะก้มหน้าลงก่อนจะเม้มปากแน่น
ทิ้งให้ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างทั้งคู่อยู่พักใหญ่ๆ
ต่างไม่ปริปากอะไรหรือขยับไปไหน..
เขาเองก็ได้แต่อยู่นิ่งแบบนั้นแบบไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร..
"..ก็ช่างสิ"
จนในที่สุดความอึดอัดนั้นก็ถูกทำลายด้วยน้ำเสียงไหวสั่นที่เอ่ยเบาๆ
แต่หากดวงตาที่ช้อนขึ้นมองกลับแสดงถึงความจริงจังในคำพูดนั้น
เพียงชั่วครู่เดียวที่ระริกไหวในแววตาคู่ฟ้าสว่าง
ถ้าอยู่นานมากไปกว่านี้ล่ะก็..
"ถ้านายสนเรื่องนั้นก็คงไม่มาที่นี่แต่แรก..หรือไม่จริง?"
พูดต่อพลางจ้องลึกเข้าไปหาสิ่งที่ซ่อนไว้ของนัยน์ตาที่เริ่มหวั่นไหว ขยับยกให้ฝ่ามือขึ้นแนบลงบนข้างแก้มนุ่ม
เส้นผมน้ำเงินเข้มลู่ลงเคลียบนบ่าเมื่อเจ้าตัวเอียงคอมอง
เขยิบก้าวพาให้ร่างใกล้เข้ามา อเมทิสต์คู่งามนั่นยังคงไม่กะพริบ
ดูท่าจะติดกับซะแล้ว..ทว่าไม่ใช่เพราะเสียทีหรอก..
เขารู้ทั้งรู้..แต่ก็ยังมาทั้งที่ปฏิเสธไปแต่แรกก็ทำได้
ถ้าจะบอกว่าไม่ได้หวังให้มันกลายเป็นแบบนี้..คงจะเป็นคำโกหก
"คุณหนูฮิจิริคาวะกลายเป็นเด็กไม่ดีแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"
หย่อนถามเพื่อเลี่ยงจะตอบอีกฝ่าย
เสียงหัวเราะคิกคักดังก่อนรอยยิ้มจะถูกวาดขึ้นจากผู้ถูกกล่าวว่าเป็นเด็กไม่ดี
"..ฉันติดมาจากคนนิสัยแย่ๆบางคนน่ะ"
สะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกว่ากล่าว..
เร็นหัวเราะเบาๆทำเป็นไม่รู้ว่าหมายถึงใคร
“คงเป็นคนที่แย่มากเลยสินะ?”
จ้องกลับไปตรงๆเอ่ยถามต่ออย่างไร้ซึ่งสาระ
“ใช่..เป็นคนที่แย่มากๆเลยล่ะ”
ระยะห่างเริ่มลดลงทุกที
หลุบตาลงเล็กน้อยให้พอดีกับระดับสายตาที่จ้องประสานกันอยู่ คนผมน้ำตาลทองโน้มลงจนหน้าผากชนกับเจ้าของผมสีเข้มเบาๆ
ลมหายใจปะทะบนบนผิวหน้าซึ่งกันและกัน รดใส่ลงจนกระทั่งหยุดยามเข้าเชยชิมกลีบปากอย่างดูดดื่ม
รสชวนเสพติด..เพียงเล็กน้อยก็ทำให้กระหาย..เพิ่มขึ้น..และเพิ่มขึ้น
ขาดหายไปนับปี..ยิ่งโหยหา..มากขึ้น..และมากขึ้น
เรียวแขนโอบไว้กระชั้นร่างให้ชิด
แหงนคอรับจูบและตอบรับกันอย่างคุ้นชิน เร็นเลื่อนฝ่ามือประคองไว้ที่หลังศีรษะแทรกนิ้วกับกลุ่มผมนุ่มสีน้ำเงิน
ส่วนแขนอีกข้างรวบไว้ที่เอวคอดดันให้ร่างเข้าหาราวต้องการจะให้เบียดหลอมรวมจนเป็นหนึ่งเดียว
อา... ยาพิษนั้นมักหอมหวาน
อันตรายมากเท่าไร ยิ่งดูดดึงให้เข้าหา
รู้ถึงโทษว่าหนักหนาเพียงใด จำต้องโยนสำนึกทิ้ง..
ผู้บาปหนาช่างโง่งมเสียจริง
กระเส่าครางแอ่นกายตอบรับสัมผัส
ผิวเผาแผดรุ่มด้วยเพลิงโหมจุดเชื้อด้วยราคะลากไล่วนเวียนลูบคลึงชื้นเหงื่อไคล
กระตุกเล็กๆยามถูกเย้าแหย่ ริมฝีปากอุ่นครอบครองครั้งเล่าลงลึกจนสุด
ปลายเล็บคมยกขึ้นจิกทึ้งยังเส้นผมประกายทองบิดเอี้ยวตัวด้วยความกระสัน เรียวขาที่ถูกแยกสั่นระริกไหวเกร็งนิ้วลากไปกับผ้าปูเตียง
ลมร้อนพ่นผ่อนปะทะซอกขาหลังแลบเลียคราบของหยาดรักที่เปื้อนมุมปาก
นัยน์ตาฟ้าสว่างช้อนขึ้นจ้องหาดวงตาที่ปรือจนแทบปิด
เคลื่อนร่างให้เขยิบขึ้นมอบรสจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทวีความรุนแรงขึ้นทุกครั้งและทุกครั้ง
ไล้ไปตามใบหน้าเกลี่ยแก้มแดงระเรื่อสอดประคองใต้ศีรษะให้ถนัดรับกับลิ้นร้อนที่แทรกเข้าหา
ฮิจิริคาวะส่งเสียงอื้ออึ้งในลำคอเบียดเสียดร่างพอช่วยคลายอารมณ์ที่ครุกครุ่นให้ได้ระบาย
ไฟที่จุดขึ้นแล้วหากลามก็ยากที่จะดับลงได้..
ร้อนระอุจนปลดทุกอย่างโยนทิ้งไปไกลอย่างไม่นึกสนใจว่าเสื้อผ้าแบรนด์หรูพวกนั้นจะไปกองตกอยู่ตรงส่วนไหนของห้อง
แทบเจียนจะขาดอากาศหายใจจึงจำต้องผละออก
สันจมูกโด่งลงลากลงมาบนแผ่นอกที่กระเพื่อมหอบ บรรจบเม้มจูบจนขึ้นเป็นรอยแดงบนผิวขาว
“จินงูจิ..”
เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าเรียกให้เขาต้องเงยขึ้นจ้อง
แววตาคู่นั้นปรือขึ้นมองฉายออกถึงความต้องการที่เปี่ยมล้น ฮิจิริคาวะขยับยิ้มอย่างซุกซนขณะเขยิบร่างให้ลุกขึ้นชันเข่า
กรีดนิ้วเรียวลากบนใบหน้าคมลงผ่านลำคอก่อนจะเกาะมือทั้งสองไว้บนไหล่กว้าง
“นอนลงสิ”
เลื่อนฝ่ามือลงมาแล้วผลักเบาๆที่แผ่นอก
ถึงจะแปลกใจแต่เร็นก็เอนลงนอนอย่างว่าง่าย
ท่อนขาขาวตวัดยกขึ้นพาร่างโปร่งของชายหนุ่มให้คร่อมบนอยู่บนกล้ามหน้าท้อง
เห็นดังนั้นเลยส่งเสียงผิวปากแว่วเหมือนแซวอีกฝ่ายจนทำให้หน้านั่นแดงขึ้นมา
เจ้าตัวหน้ามุ่ยแล้วทำทีจะลุกออกเขาจึงรีบคว้าเอวไว้ก่อนก่อนจะหลุดหัวเราะขำๆ
แต่ก็ได้สายตาดุๆจ้องกลับมา
“งอนหรอ?”
เขาถามยิ้มๆพร้อมกับลูบเอวไล่ไปเรื่อย ร่างของอีกคนสะดุ้งเล็กน้อย
“ชอบแกล้งอยู่เรื่อย..”
ฮิจิริคาวะบ่นพึมพำพลางหยิกหลังมือเบาๆเป็นการเอาคืน
ก็แหงล่ะ..เพราะเป็นแบบนี้เลยยิ่งอยากแกล้ง
แทนที่จะปล่อยมือออกเขาเลื่อนลงไปบีบคล้นที่สะโพกแทนก่อนๆจะค่อยๆขยับไปด้านหลังแล้วออกแรงบีบเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
ทว่า...
“อ..อือ..”
แทนจะเป็นเสียงด่ากลับเป็นเสียงครางแผ่วๆที่หลุดออกมา..
ทำเอาชะงักนิ่งกันไปพักหนึ่ง..
นัยน์ตาสีอเมทิสต์เหลือบมาสบพอดีกับเขา
จากใบหน้าซุกซนก่อนหน้านี้กลายเป็นสีหน้าที่เริ่มกังวล
เห็นแบบนี้แล้ว..ตัวเขาเองก็..
กำลัง..ทำอะไรอยู่..
“..จะหยุด..ก็ได้นะ”
เร็นเอ่ยพลางเลื่อนมาจับข้อมือของอีกฝ่าย..
แม้จะเอ่ยไปเช่นกัน.. แม้จะถามตัวเองถึงสิ่งนี้
แต่ในใจนั้น...
เขามองฮิจิริคาวะที่เม้มปากแน่นก้มหน้าลงอยู่ครู่หนึ่ง..
“ฮิจิริคาวะ?”
ขณะกำลังจะกระชับมือกลับถูกปัดทิ้งเสียอย่างนั้น
ปฏิเสธไม่ได้เลย..
โครงหน้าสวยได้รูปนั่นโน้มลงใกล้ปิดตาลงยามที่กลีบปากนุ่มเบียดลงแนบสนิท
เม้มลงซ้ำที่ริมฝีปากอุ่นพยายามแทรกปลายลิ้นเข้ามาอย่างไม่ชำนาญเท่าไหร่ ไม่นานนักเมื่อเขาตอบรับสัมผัสก็พลิกมาเป็นฝ่ายคุมเกมได้อย่างง่ายดาย
เรือนร่างเปลือยขยับไปมาเสียดสีอยู่ที่เบื้องล่างจนร้อนผ่าว
ว่ารู้สึกดีแค่ไหน..
ถูกผละออกเล็กน้อยพอให้สูดอากาศหายใจก่อนจะถูกแนบจูบลงอีกครั้ง เสียงซองกระดาษฟรอยด์ถูกฉีกกลิ่นจางรสหวานโชยมา
รับรู้สึกสัมผัสนุ่มของฝ่ามือที่เข้าประคองไว้อย่างสั่นๆบนกายร้อนค่อยๆถูกโชลมลงด้วยของเหลวใส
เคลื่อนกายให้สะโพกลอยอยู่เหนือส่วนนั้น
เขาเบือนหน้าเล็กน้อยพอให้หลุดออกจากจูบ อีกฝ่ายเลิกคิ้วจ้องตามองอย่างสงสัย
“เดี๋ยวก็เจ็บหรอก..”
เพราะต้องการจะเอ่ยเตือน
แต่เหมือนอีกคนจะไม่ค่อยพอใจเสียเท่าไหร่
“..ฉันไม่สน…อ-อึก..”
ฮิจิริคาวะกัดฟันแน่นขณะพยายามดันร่างของเขาให้ฝืนแทรกเข้าไปข้างในตัว
เบียดเสียดให้รุ่มสุมอยู่ที่กลางตัว
แรงตอดรัดแน่นจากร่างที่กำลังปรับตัวให้คุ้นชินซึ่งกำลังนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
หลุดเสียงร้องครางดังจากลำคอลอดออกมาที่ริมฝีปากที่พยายามเม้มแน่น
นิ้วยาวจากมือทีเอื้อมไปหาแตะลงที่ปลายคางก่อนลากย้อนขึ้นไป สอดเข้าที่รอยแยกให้กลีบปากนุ่มเผลอออก
“ฮ..อ๊ะ..”
แว่วเสียงร้องครวญหลุดขณะร่างเร่าอยู่เหนือตัวพยายามกดสะโพกให้ลดลงต่ำ
ซี่ฟันกัดลงยังนิ้วในโพรงปากระบายความร้าวที่แล่นขึ้นมาจากช่วงล่าง
คาวกลิ่นเหล็กเจืออยู่ด้านใน ปรือตาที่คลอน้ำใสมองใบหน้า เร็นขยับร่างดึงตัวให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจับที่แขนเรียวให้ยกขึ้นมาโอบร่างของตนไว้
ที่ได้สัมผัส
“ไม่ต้องเกร็งนะ..มาซาโตะ”
พูดพร้อมไล่จูบประโลมปลอบจนทั่ว
อาการเกร็งของร่างที่บีบรัดอยู่ก่อนหน้าเริ่มคลายลงจนไม่นานก็ทิ้งตัวลงมาจนสุดทำให้เขาเผลอครางต่ำออกมาเบาๆ
นิ้วที่ถูกกัดเสียเลือดซึมถูกปลายลิ้นอุ่นตวัดดุนคล้ายไล่ให้ถอนออกมา
ของเหลวเยิ้มสีใสยืดเป็นสายยาวก่อนจะขาดจากกันหยดลงเปื้อนไว้ที่มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย
ร่างกายของทั้งสอง..เริ่มที่จะคุ้นชิน
มือบางเลื่อนลงเชยคางของคนผิวแทนให้เงยขึ้น จรดจ้องด้วยสายตายั่วยวน
ส่วนแขนอีกข้างเขยิบขึ้นมาโอบไว้ที่หลังต้นคอพร้อมโน้มลงขบเข้าที่ใบหูอย่างนึกสนุก
“!!!” ร่างพลันสะดุ้งโหยงจากสัมผัสนั่น
พยายามขยับศีรษะหลบแต่ก็ไม่พ้น ขยุกขยิกอย่างไม่เป็นสุขจนต้องจัดการด้วยการจับสะโพกนั่นไว้ให้ยกขึ้นแล้วกดลงจนอีกฝ่ายร้องครางเสียงหลงรีบซุกใบหน้าลงบนศีรษะเขา
ร่างที่คร่อมอยู่บนตักนั้นค่อยๆขยับอย่างช้าๆโดยมีเขาช่วยประคองไว้
“อา..อ..อื้อ...”
ความกระสันซ่านแล่นไหลไปทั่วร่างจนเริ่มที่จะคุมตัวเองไว้ไม่อยู่
เอวคอดขยับขึ้นลงด้วยจังหวะที่เร่งขึ้นกระเพื่อมหอบหายใจแรงสลับเสียงคราง
เหงื่อผุดพรายอาบทั่วทั้งตัวและระเหยออกไปด้วยความร้อนบนผิวกาย แวะหยอกขบเล่นยังยอดอกชวนร่างให้กระตุกเป็นพักๆจนเริ่มแข็งเป็นไต
จูบลงซ้ำก่อนจะไล่ฝากรอยสีกุหลาบไว้เป็นทาง
แรงเสียดสีเพิ่มความร้อนของกายที่สุมอยู่ กระแทกลงซ้ำๆสนองความปรารถนาที่อยากจะปลดปล่อย
สติเริ่มจะพร่าเลือนเมื่อใกล้จะถึงขีดสุดของอารมณ์ จนทะลักล้นไหลลงไปตามขาคู่เรียวสั่นระริก
เปรอะลงบนหน้าท้องกับผ้าปูเตียง
ขณะยกร่างอีกฝ่ายขึ้นเพื่อถอนกาย ปลายเล็บจิกแรงลงบนแผ่นหลังของเขาก่อนร่างของฮิจิริคาวะออกเกร็งแล้วฟุบหน้าลงกับไหล่
“มาก..มากกว่านี้..เร็น”
กระซิบเสียงพร่าพร้อมส่งสายตาเว้าวอน
ลูบลงบนใบหน้าแล้วแนบจูบเบาๆก่อนจะผละออก
ทิ้งร่างลงนอนราบไปกับเตียงนุ่ม
อีกทั้งยังดึงร่างของเขาให้ขึ้นไปคร่อมอยู่เหนือตัว
ได้โอบกอดอีกครั้ง
ไม่อยากหักห้ามใจได้อีกแล้ว..แม้จะรู้ว่ามันผิดก็ตาม..
ทวีความร้อนแรงที่โถมเข้าใส่สะเทือนสั่นไปยังพื้น
เบียดเสียดร่างเข้าหากันจนแทบหลอมเป็นหนึ่งเดียว เสียงครางผสานกันเป็นทำนองในบทรักสลับด้วยคำพูดที่พร่ำบอกซ้ำๆ
ร่างกระตุกเกร็งอีกครั้งเมื่อถึงยังปลายทางฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดรักบนต้นขา เร็นพรมจูบลงยังบนเปลือกตาไล่ลงมายังแต้มของไฝสเน่ห์อ้อยอิงอยู่สักพักก่อนจะถูกมือดันให้ออกห่าง
ยิ้มมองอย่างใคร่รักแล้วเริ่มคลอเคลียอย่างออดอ้อน
แขนช้อนไว้ใต้ร่างของคนหอบรั้งร่างให้ชิดกันแล้วเริ่มฝากรอยจูบไว้บนผิวกาย แต่กลับถูกนิ้วแตะลงบนริมฝีปากเพื่อบังไว้
“..เลื่อนขึ้นมาอีกสิ”
เสียงเอ่ยดังขึ้นมาจากเจ้าของใบหน้าที่แดงก่ำ
เร็นเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ฮิจิริคาวะที่เห็นดังนั้นจึงเอ่ยต่อให้หายสงสัย
“ถ้าไม่ทำไว้ตรงที่ให้เห็น..จะทำไปทำไมกันล่ะ?”
คำเฉลยนั่นทำให้ต้องประหลาดใจ
ทั้งที่เมื่อก่อนเคยห้ามแท้ๆ..
นี่ก็เรียนรู้มาจากคนแย่ๆคนเดิมงั้นสินะ.. เขาขยับยิ้มขณะที่นึกในใจ
“ครับๆ..”
เขารับอย่างว่าง่ายก่อนจะทำตามคำสั่งนั้น
ลำคอขาวถูกเม้มจูบลงจนขึ้นเป็นสีเลือดฝาดอยู่สองสามรอยแล้วเริ่มลงลงมาเรื่อยๆจนฝากไว้ทั่วช่วงบน
มือเรียวเอื้อมลูบบนเส้นผมสีน้ำตาลทองก่อนจะโน้มลงมาจนสันจมูกชนกัน
ทั้งสองขยับยิ้มบางๆแล้วส่งเสียงหัวเราะ
นัยน์ตาที่จ้องกันนั้นกำลังสื่อสารกันถึงเรื่องที่ทั้งคู่ต่างรู้ดี
โน้มลงมอบจูบให้แก่กันอีกครั้งอย่างดูดดื่มโดยที่ยังคงสบตากันอยู่ไม่กะพริบ
เนิ่นนานแม้จวนเจียนจะขาดอากาศ..แต่ต่างฝ่ายต่างไม่อยากที่จะผละออกจากกัน
ราวกับว่า..หากแยกจากแล้วคงจะขาดใจ
มือเคลื่อนเข้าประสานไว้ด้วยกันสอดนิ้วเข้าหาพลางกำไว้ให้แน่น..
แต่ไม่อาจสนิท..
ด้วยแหวนเงินบนนิ้วนาวนั่นที่คั่นกลางอยู่ระหว่างทั้งสองคน
จูบสุดท้ายนี้ทำให้พวกเขายังคงแนบชิด..
ตราบจนกว่าช่วงเวลานี้จะจบลง
-END-
เวลาคุณนายอยากนอกลู่นอกทางต้องดื่มสินะ ฟฟฟฟฟฟ
ตอบลบคุณนายเซะซี่ร้อนแรงดีจัง หลง....
ว่าแต่คุณนายแต่งยังเนี่ย?
ปล. โอนิเหมาะกับการแต่งเรื่องสั้นดีนะ 5555555